บทที่ 692 การตัดสินใจของถังหลี่

“พวกท่านอยู่ในรถม้า อย่าได้ออกมา” เฟิงเหยียนพูดพลางหยิบมีดที่อยู่ข้างกายออกมา เขากระโดดลงจากรถม้า ยามปกติแล้วเขาเป็นคนท่าทางสุภาพ ทว่าตอนนี้ดวงตาเย็นชามีไอสังหารออกมาจากร่างกายของเขา องครักษ์ที่มาจากเมืองอวิ๋นเฟิงสองคนยืนถือดาบคอยประกบอยู่ข้างกาย ทั้งสามคนกำลังเผชิญหน้ากับนักฆ่าหลายสิบคน ทั้งดูโดดเดี่ยวและอ่อนแอ หัวใจของเฟิงเหยียนจมลง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอู๋คูจะส่งคนมาตามล่าพวกเขา เขาจึงนำทหารรักษาเมืองมาด้วยเพียงแค่สองคนเท่านั้น น้อยเกินไป!

ท่านเจ้าเมืองเสี่ยงชีวิตของตนเพื่อผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์

ข้าคงได้แต่เสี่ยงชีวิตสู้ตายเท่านั้น! เฟิงเหยียนกัดฟัน

“ฆ่า!” เขาบุกนำพาทหารรักษาเมืองสองคนตะลุยเข้าไปในกลุ่มของนักฆ่า จากนั้นจึงโดนนักฆ่ารุมล้อมอย่างรวดเร็ว นักฆ่าเหล่านี้มีทักษ ะวรยุทธ์สูง เฟิงเหยียนเคลื่อนไหวได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็เห็นกลุ่มนักฆ่าจำนวนพากันมุ่งหน้าไปยังรถม้า

“นายท่านระวัง!” เฟิงเหยียนตะโกนเสียงดัง พยายามรีบจะไปสกัด แต่เขากลับโดนดาบเฉือนเข้าที่แขน

ในขณะนั้นเองมีร่างหนึ่งใส่ชุดสีแดงเหินออกมาจากรถม้า คนผู้นั้นเตะนักฆ่าที่กำลังจะลงมือฟันรถม้าจนเขากระเด็นไปไกล ร่างสีแดงชักดาบออกมา ทักษะในการใช้ดาบของเขาลื่นไหล การเคลื่อนไหวเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต แม้หน้าตาจะงดงามหากทว่าราวกับปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากอเวจี

นักฆ่าที่พ่อมดส่งมาฟันดาบเข้าต่อสู้ เฟิงเหยียนเพิ่งสังหารนักฆ่าไปคนหนึ่ง เมื่อหันไปมองอีกครั้งจึงเห็นว่าหญิงสาวคนนั้นสังหารคนตายไปหนึ่งศพแล้วจริงๆ

นักฆ่าที่ถูกส่งมาล้วนมาจากเผ่าอู๋ทั้งสิ้น พวกเขามีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่คนนอกเผ่ากลับล้มหนึ่งในนั้นได้ เห็นได้ว่าเขามีทักษะการต่อสู้ที่ทรงพลังไม่น้อยเลยทีเดียว แต่แล้วกลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาตกใจไปมากกว่านั้น ดาบในมือของเด็กหญิงตัวเล็กๆ แทงไปที่คอของนักฆ่าเข้าอย่างถนัดถนี่ นักฆ่าผู้นั้นล้มลงขาดใจตายกับพื้น

“ระวัง!” เฟิงเหยียนได้สติคืนมา เขาเห็นดาบของนักฆ่าจ่ออยู่ที่ด้านหลัง หากไม่ใช่เพราะคำเตือน นักฆ่าคงได้สับหัวเขาไปแล้ว! เฟิงเหยียนถึงกับหวาดกลัวไปชั่วครู่

“ขอบคุณนายหญิง!” เดิมทีเขาคิดเพียงแต่จะปกป้องผู้คนในรถม้า แต่แค่ชั่วพริบตาเดียว เขากลับเป็นฝ่ายได้รับการปกป้องเสียเอง

หลังจากการต่อสู้ที่ยากลำบากผ่านไป ในที่สุดก็กำจัดเหล่านักฆาไปได้ คนของเฟิงเหยียนได้รับบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คนบาดเจ็บจึงได้ช่วยกันเอายาใส่แผล

ถังหลี่เดินไปหาหวังหยู

“มีนกที่ติดตามสอดแนมพวกเราอีกหรือไม่?”

หวังหยูส่ายหน้า “นกชนิดนี้เรียกว่านกวิญญาณ เป็นนกที่หายากมาก หากต้องการจะใช้นกเพื่อเป็นดวงตาแทนตนเองแล้ว ต้องเชื่อมโยงพลังจิตของคนผู้นั้นกับนกชนิดนี้ ส่วนใหญ่แล้วพลังจิตของคนจะเชื่อมโยงได้แค่นกเพียงตัวเดียวเท่านั้น”

ถังหลี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากยังมีนกเช่นนี้อยู่อีก อู๋คูคงส่งนักฆ่ามาอีกครั้ง พวกเขาคงไม่อาจต้านทานได้อีก

ชาวเผ่าอู๋เชื่อถือในเรื่องของเทพเจ้า แม้ว่าจะเป็นเรื่องงมงายที่คนภายนอกไม่เชื่อถือก็ตาม แต่เผ่าอู๋ยังมีวิชาเร้นลับมหัศจรรย์ซ่อนเอาไว้ เช่น ความสามารถในการควบคุมนก ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อไม่อาจที่จะประเมินได้

หลังจากช่วยเหลือผู้ที่บาดเจ็บพันแผลเรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาจึงขึ้นรถม้า เดินทางไปอีกสักพักหนึ่ง หวังหยูจึงได้ขอให้รถม้าหยุด

“เฟิงเหยียน ท่านเจ้าเมืองตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?” เขาถามขึ้นมา

อู๋คูรู้จักตัวตนของเขาแล้ว อวิ๋นเทามิเท่ากับเป็นคนทรยศในสายตาของเขาหรือ? เขาจะไม่มีวันปล่อยอวิ๋นเทาไปเป็นแน่

“ท่านผู้สืบทอด ท่านเจ้าเมืองได้ตัดสินใจดีแล้ว แม้ว่าอู๋คูจะรู้ตัวตนของท่าน แต่นั่นจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ”

หวังหยูเข้าใจสิ่งที่เขาพูดดี น้ำเสียงเขาส่อความกังวล “เขาตัดสินใจที่จะเสียสละตนเอง?”

เฟิงเหยียนไม่ปฏิเสธ “ท่านเจ้าเมืองได้ส่งภรรยาและบุตรของเขาออกนอกเมืองไปแล้วขอรับ”

หวังหยูนั่งตัวตรง เม้มริมฝีปากแน่น

ใช่แล้ว! เจ้าเมืองอวิ๋นมุ่งมั่นที่จะสละชีวิตของเขา ! หวังหยูหลับตา เงียบไปครู่ใหญ่ เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แววตาของเขามีความมุ่งมั่น

“ข้าอยากกลับไป!”

เจ้าเมืองอวิ๋นเฟิงเป็นคนดี เขาไม่อยากให้คนดีเช่นนี้ต้องมาสละชีพเพื่อเขา หากเขาจากไปเช่นนี้ เขาย่อมเสียใจไปชั่วชีวิต

ถังหลี่มองหวังหยู พวกเขาหนีรอดออกมาได้แล้ว หากกลับไปอีกย่อมหาทางที่จะหนีรอดออกมาได้ยาก แต่ถังหลี่รู้ดีว่าหวังหยูเป็นคนเช่นไร เขาต้องการปกป้องผู้อื่นให้ปลอดภัย ไม่อยากให้ผู้อื่นมาเสียสละให้ตนเอง

เขาทำแบบนั้นไม่ได้

“ข้าจะกลับไปกับเจ้า” ซานเป่าโพล่งออกมา หวังหยูมองเจ้านายตัวน้อยของเขา เด็กหนุ่มกระพริบตา เขาประทับใจที่นายหญิงต้องการที่จะไปเสี่ยงอันตรายกับเขาด้วย แต่เขาไม่อยากให้นางมาเสี่ยงชีวิตกับเขา

หวังหยูอยากปฏิเสธ

“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าต้องฟังข้า!” ซานเป่าทำท่าข่มขู่เขาราวกับเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ นางหันไปหาถังหลี่เปลี่ยนท่าทีเป็นออดอ้อนขึ้นมา

“ท่านแม่ ให้ข้าไปกับหวังหยูได้หรือไม่เจ้าคะ?”

“ข้าก็อยากไปกับหวังหยูเช่นกัน พวกเราไปเมืองเยว่เฉิงเพื่อจัดการกับพ่อมดอู๋เจี๋ยคนนั้น แล้วให้หวังหยูขึ้นเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์แทนเขากันเถอะ” จ้าวจิ่งซวนพูดจาใหญ่โต เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน

“ท่านอยากจะไปเยว่เฉิงเพื่อหาอาฮวาหรือ?” ซานเป่าพูดเปิดโปงเขา จ้าวจิ่งซวนเป็นคนหน้าไม่อาย หน้าเขาไม่แดงแม้ว่าจะมีคนล่วงรู้ความคิดของเขา

“โอ้..เหตุผลหลักก็เพื่อช่วยเหลือผู้คนเผ่าอู๋ แต่หากได้พบอาฮวาก็ย่อมเป็นเรื่องดี”

“เจ้าอย่าได้คิดเพ้อเจ้อ” ถังหลี่รีบชิงปฏิเสธจ้าวจิ่งซวนอย่างเร็ว “พระสนมเหลียงยังคงเฝ้ารอเจ้าอยู่ ยามที่เจ้าไม่อยู่ สถานการณ์ในต้าโจวมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน จ้าวชูอาจจะใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้”

ศีรษะของจ้าวจิ่งซวนตกลง เขารู้ถึงภาระของตนที่ต้องแบกเอาไว้เป็นอย่างดี เขาไม่อาจโยนภาระทิ้งไปได้

อาฮวา…แม้เขารู้ว่าหากจากไปแล้วเขาย่อมจะไม่เจอนางอีก แต่เขาจำต้องเลือกที่จะจากไปเช่นนั้น เส้นทางสู่การเป็นฮ่องเต้ต้องมีการเสียสละอีกมากมาย เป็นครั้งแรกที่จ้าวจิ่งซวนต้องทำใจยอมแพ้ให้แก่ความสัมพันธ์ที่แตกผลิออกราวกับหน่อไม้อ่อนที่เพิ่งแทงยอดขึ้นมาเช่นนี้

ซานเป่ามองอย่างกระวนกระวาย เฝ้ารอการตัดสินใจของมารดา

“เอาล่ะ! เจ้าไปกับหวังหยูได้” นางกอดแขนถังหลี่ด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ ท่านใจดีมาก ข้าจะดูแลปกป้องตัวเองเป็นอย่างดี…”

“แม่จะไปกับเจ้าด้วย”

“ท่านแม่…” ซานเป่าตกตะลึง นางแตะผมของบุตรสาวตัวน้อย นางยังปล่อยซานเป่าไปไม่ได้ หากนางให้เด็กสองคนนี้ ทั้งซานเป่าและหวังหยูไปด้วยกันตามลำพัง นางคงกินไม่ได้นอนไม่หลับเป็นแน่

แม้รู้ว่าเด็กย่อมเติบใหญ่ บิดามารดาย่อมปล่อยมือ แต่นางยังไม่อาจวางใจลงได้ ซานเป่าอายุเพียงแค่สิบเอ็ดปีเท่านั้น นางจะร่วมผจญภัยกับบุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย

“เฟิงเหยียน ท่านช่วยส่งอาซวนออกจากเมืองนี้ทีเถอะ”

“องครักษ์เงาที่ติดตามข้า ได้โปรดเชื่อฟังและส่งอาซวนกลับต้าโจวอย่างปลอดภัย”

“ส่วนซานเป่า…” ถังหลี่หยุดชะงักเมื่อเห็นตู้เย่เดินไปหาลูกศิษย์ตัวน้อยของเขา นางยิ้มก่อนจะกล่าวต่อว่า

“ข้า ซานเป่า ตู้เย่และหวังหยูจะกลับไปยังเมืองอวิ๋นเฟิงด้วยกัน มีม้าสองตัว และพวกเราสี่คนเท่านั้น”

ม้าทั้งสองตัวที่ว่าเป็นของทหารรักษาเมืองอวิ๋นเฟิง ถังหลี่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจะชักช้าไม่ได้

เงาดำของคนผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้ ตกลงที่เบื้องหน้าของถังหลี่ ฉือซื่อนั่นเอง

“นายหญิงให้ข้าตามท่านไปด้วยได้หรือไม่?”

กฎขององครักษ์เงาคือต้องเชื่อฟังเจ้านาย ห้ามขัดขืนและห้ามถามว่าเหตุใด?

นายหญิงสั่งให้องครักษ์ลับทั้งหมดคุ้มครององค์ชายหกกลับต้าโจว แต่เป็นเพราะติดตามนายหญิงมาเป็นเวลานาน ฉือซื่อจึงมีความกล้ามากขึ้นและต้องการจะขัดขืนคำสั่งของนายหญิง เขาอยากติดตามไปอารักขานายหญิงมากกว่า

ถังหลี่พยักหน้า มุมปากของฉือซื่อโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างยินดี

——————————-