บทที่ 693 พ่อมดสองคน

ถังหลี่หยิบจดหมายออกมาจากแขนเสื้อ ส่งให้จ้าวจิ่งซวน

“ข้าขอฝากจดหมายไปให้สามีของข้าด้วย” กระดาษบางๆหลายแผ่นนั้นสื่อถึงความปรารถนาและความคิดถึงที่นางมีต่อสามี เมื่อถังหลี่มีเวลาว่าง นางจะเขียนสักคำสองคำถึงเรื่องราวที่ได้พบเจอ เปรียบเสมือบได้คุยกับสามีทุกๆ วัน นางรู้ว่าหากสามีได้เห็นจดหมายของตน เขาจะมีความสุขมากเพียงใด นางแทบจะจินตนาการถึงท่าทางที่มีความสุขของเขาออกได้เลย

จ้าวจิ่งซวนรับจดหมายเก็บไว้ที่แขนเสื้ออย่างระมัดระวัง เขาตบหน้าอกรับรองอย่างแข็งขัน

“ข้าจะส่งให้ถึงมือของเขาอย่างแน่นอน ท่านไว้ใจได้”

“ออกเดินทางเถอะ” ถังหลี่เร่ง รถม้าจึงได้เคลื่อนตัวไปข้างหน้า มีหัวของคนสองคนโผล่ออกมาจากหน้าต่าง คนหนึ่งเป็นจ้าวจิ่งซวน อีกผู้หนึ่งเป็นอาหู ใบหน้าของจ้าวจิ่งซวนเต็มไปด้วยความกังวลและไม่เต็มใจ แต่สำหรับพรานป่าที่เรียบง่ายอย่างอาหูแล้ว ..นี่จะเป็นความทรงจำที่จะตราตรึงอยู่ในใจของเขา และไม่อาจที่จะลืมเลือนไปตลอดชีวิตของเขา

ถังหลี่และคนทั้งสี่ขี่ม้าสองตัวรีบกลับไปยังเมืองอวิ๋นเฟิง

….

ณ เมืองอวิ๋นเฟิง

พระอาทิตย์กำลังแผดเผา บนแท่นสูงมีคนผู้หนึ่งถูกมัดตรึงไว้กับไม้กางเขน สถานที่ลงโทษสำหรับคนทรยศ

ในยามนี้ผู้ที่ถูกมัดไว้บนนั้นกลับกลายเป็นท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเฟิง มีกองฟืนอยู่ใต้เท้าของเขา ชาวเมืองพากันยืนอยู่ใต้แท่นสูง พวกเขามองท่านเจ้าเมืองที่ถูกมัดเอาไว้อย่างลังเลใจ

“เขาเป็นคนทรยศ เป็นคนบาป อวิ๋นเทาปล่อยตัวผู้ที่นำหายนะมาสู่เผ่าของเรา เขาทรยศต่อเทพเจ้าและราษฎรของเมืองอวิ๋นเฟิง ความผิดของเขาให้อภัยไม่ได้ เขาจะต้องถูกลงโทษโดยการเผาให้ตายทั้งเป็น!”

อู๋คูใส่ชุดเสื้อคลุมของพ่อมด เขาพูดด้วยท่าทางสง่างาม

“พวกเขาไม่ใช้คนนำหายนะมาสู่เผ่าของเรา เขาเป็นคนธรรมดาสามัญเท่านั้น เพียงเพราะเขาไปทะเลาะวิวาทกับเหยาจู้ เจ้าแอบอ้างโองการของเทพเจ้า ต้องการลงโทษพวกเขาด้วยการเผาทั้งเป็น เป็นเจ้าที่ทรยศต่อเทพเจ้า ข้าปล่อยพวกเขาไปเพราะไม่อยากให้เขาถูกเจ้าใส่ร้าย!” อวิ๋นเทาสวนกลับอย่างไม่กลัวเกรง ชาวเมืองพากันถกถึงเรื่องนี้

“ผู้สืบทอดย่อมไม่ทรยศต่อเทพเข้า ข้าเชื่อถือเขา ในฐานะที่เป็นเจ้าเมือง อวิ๋นเทาไม่ฟังคำสั่งผู้สืบทอดกลับปล่อยผู้ที่จะนำภัยพิบัติมาสู่เมืองของเราไปได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่จะฆ่าพวกเราหรอกหรือ?”

“เผาเขา! เผาเขา!”

“ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นรักราษฎรประหนึ่งลูกหลานของเขาเอง มีหรือที่เขาจะคิดทำร้ายพวกเรา? คนเหล่านั้นถูกจับกุมเพราะไปทำให้เหยาจู้ขุ่นเคือง เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่าเขาระบายความโกรธของเหยาจู้ในนามของเทพเจ้า?”

“ใช่แล้ว! เหยาจู้รังแกชาวเมืองทุกวัน เขาไม่ใช่คนดีอะไร ผู้สืบทอดเข้าข้างเหยาจู้เช่นนี้ได้อย่างไร?”

“ไม่ใช่เหยาจู้หรอกหรือที่สมควรโดนเทพเจ้าลงโทษ เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้สืบทอดกำลังหลอกลวงเทพเจ้า?”

“ท่านเจ้าเมืองเป็นคนดี อย่าเผาเขา! ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ ได้โปรดอย่าลงโทษเขาเลย”

“ธิดาเทพจันทรา ได้โปรดฟังคำวิงวอนของพวกเราด้วย ช่วยท่านเจ้าเมืองด้วยเถิด!”

ใครบางคนอับจนหนทาง ถึงกับวิงวอนขอร้องต่อท้องฟ้าเบื้องบน

อู๋คูฟังเสียงของชาวเมือง เขามองไปที่อวิ๋นเทาที่กำลังยิ้มแย้ม จากนั้นจึงเริ่มตระหนักได้ถึงบางอย่าง

“อวิ๋นเทา! เจ้ากำลังใช้ความตายของตนเองเขย่าศักดิ์ศรีของท่านอาจารย์ของข้าใช่หรือไม่? เจ้าปลุกเร้าให้ผู้คนสงสัยในตัวอาจารย์ของข้า?” อู๋คูกล่าวหา

ศรัทธาของชาวเผ่าอู๋ไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายพันปีแล้ว พวกเขาเชื่อถือในเทพเจ้ามาตลอด แต่การเคลื่อนไหวของอวิ๋นเทาเป็นการสั่นคลอนสถานะพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาหลอกลวงเทพเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นลางบอกเหตุ หากผู้สืบทอดพ่อมดอีกคนปรากฏตัวขึ้น และกล่าวหาว่าอาจารย์ของเขาแย่งชิงตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์มาโดยการสังหารธิดาเทพและอู๋โม่ไป๋ ผู้คนอาจจะเชื่อได้โดยง่าย อวิ๋นเทากำลังจะใช้ความตายของเขาเพื่อปูทางให้ผู้สืบทอดพ่อมดคนใหม่! ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์เสียจริง

น่าสงสาร…รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอู๋คู

“แผนของเจ้าผิดพลาดแล้ว!” มุมปากเขายกโค้งขึ้นอย่างเหี้ยมโหด

“ผู้สืบทอดที่เจ้าตั้งความหวังเอาไว้ผู้นั้นได้ตายไปเสียแล้ว”

“เมื่อวานข้าได้ยินบทสนทนาของพวกเจ้าในคุกใต้ดิน ข้ารู้เรื่องการวางแผนเตรียมการของเจ้าทุกอย่าง” อู๋คูชี้ไปที่หูของตนเอง เขาสั่งให้คนไปตามล่าเก็บเศษเดนของคนสกุลเยว่แล้ว เขาได้มองผ่านดวงตาของนกวิญญาณและพบว่าเขาได้ฆ่ามันตายไปแล้ว แต่เขาส่งนักฆ่าไปมากขนาดนั้น ป่านนี้เศษเดนของพวกสกุลเยว่ตายไปหมดแล้วล่ะ!

สีหน้าของอวิ๋นเทาเปลี่ยนไป อู๋คูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วหรือ? ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ตายแล้ว?

หัวใจของเขาจมดิ่งลง นั่นเป็นความหวังสุดท้ายของเผ่าอู๋ หากเขาตายไป สกุลอู๋จะสิ้นสุดลงภายใต้เงื้อมมือของอู๋คู

อวิ๋นเทาดูไร้เรี่ยวแรงไปทันที อู๋คูพอใจกับผลงานของเขาเป็นอันมาก เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ดวงอาทิตย์กำลังลอยสูงขึ้นไป

“ด้วยโองการของเทพเจ้า คนทรยศจะต้องถูกเผาทั้งเป็น” อู๋คูว่าแล้วก็ยกมือขึ้นเผยให้เห็นสัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงที่ฝ่ามือของเขา

ชาวเมืองที่อยู่ใต้แท่นสูง ไม่ว่าพวกที่ต้องการจะให้อวิ๋นเทาตายหรือผู้ที่ไม่อยากให้เขาตายก็ตาม พากันนั่งคุกเข่าด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อเห็นสัญลักษณ์ดอกบัวเพลิงที่ฝ่ามือของอู๋คู

แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับอวิ๋นเทาจะนำมาซึ่งความไม่พอใจในหมู่พวกเขาก็ตาม แต่ความเคารพและศรัทธาต่อเทพเจ้านั้นได้หยั่งรากลึกมาเป็นเวลาช้านาน โดยเฉพาะดอกบัวเพลิงเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของเทพเจ้า…

“ได้เวลาประหารแล้ว!” อู๋คูออกคำสั่ง ผู้คนรอบตัวเขาพากันเดินเข้ามาใกล้อวิ๋นเทาพร้อมกับคบไฟที่ถืออยู่ในมือ พวกเขากำลังจะจุดไฟที่กองฟืนใต้เท้าของท่านเจ้าเมือง บางคนทนไม่ไหวถึงกับน้ำตาไหลออกมา อวิ๋นเทามองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวัง ไม่ใช่ว่าเขาสิ้้นหวังเพราะกำลังจะถูกไฟเผาทั้งเป็น หาแต่เขามองไม่เห็นความหวังอีกต่อไป!

“ช้าก่อน!” เสียงหนึ่งดังขึ้น

อวิ๋นเทาและอู๋คูหันไปมองที่มาของเสียง เขาเห็นเด็กหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขามีหลังที่เหยียดตรงดูงามสง่า

อู๋คูกับเขามองสบตากัน เขามีความคุ้นเคยกับสายตานี้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งเขาเคยมองเข้าไปยังดวงตาคู่นี้ด้วยความช่วยเหลือจากนกวิญญาณ

เป็นเขา! เหตุใดเขาถึงยังมีชีวิตอยู่ ทั้งๆ ที่ส่งคนไปสังหารแล้ว

ช่างตายยากเสียจริง!

อวิ๋นเทาดีใจ เยี่ยมมาก! ผู้สืบทอดพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ตาย เขาขมวดคิ้ว เขาหนีรอดไปได้แล้ว จะกลับมาเพื่อเหตุใดอีก?

หวังหยูเดินขึ้นไปบนแท่นสูงทีละขั้น

เจ้าเป็นใคร? เหตุใดจึงมายับยั้งการประหารชีวิต?”

“เจ้ามาทำอะไร?” ผู้คนพากันถามไถ่ด้วยความสงสัย หวังหยูไม่สนใจ เขาเดินตรงเข้าไปหาอู๋คู แม้อู๋คูจะยืนตัวตรง แต่เขาตัวเตี้ยกว่าหวังหยูมาก จนทำให้เขาต้องแหงนหน้าขึ้นมองหวังหยู ทั้งคู่สบตากัน

อู๋คูไม่เคยพบหน้าลูกศิษย์ของของอู๋โม่ไป๋มาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินอาจารย์พูดถึงเท่านั้น

‘เยว่จื่่อ อู๋หลี่’ ยามที่อาจารย์กล่าวถึงน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นเขาจึงได้ถอนหายใจ

“น่าเสียดายที่เขาเป็นบุตรของเยว่จื่อ” เมื่อได้ยินอาจารย์พูดเช่นนี้ ในใจเขาเต็มไปด้วยความเศร้า รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าอู๋หลี่มาก ในใจของอาจารย์ หากอู๋หลี่ไม่ใช่คนสกุลหลี่ ลูกศิษย์ของอาจารย์คงไม่ใช่เขาแต่เป็นอู๋หลี่อย่างนั้นหรือ?

อู๋คูไร้ความสุข เขาพยายามอย่างหนักเพื่อแข่งขันกับคนที่ตายไปแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าสักวันจะได้มาเห็นคนผู้นี้ ดวงตาของอู๋คูเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

เขาจะด้อยกว่าคนผู้นี้ได้อย่างไร เขาอยากจะฆ่ามัน!

เขาต้องการจะให้อาจารย์รู้ว่าเขาดีกว่าคนผู้นี้มากนัก!

“เขาเป็นคนทรยศ จับกุมเขา!” อู๋คูถอยหลังชี้ไปที่หวังหยู เขายกฝ่ามือขึ้น ดอกบัวเพลิงส่องแสงเจิดจ้าท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรง ผู้คนที่อยู่รอบตัวเขาพากันกรูวิ่งเข้าไปหาหวังหยู

หวังหยูไม่ได้วิ่งหนี เขายืนอยู่เช่นนั้น ถอดรองเท้าพร้อมกับยกฝ่าเท้าขึ้น