บทที่ 641 เดี๋ยวความสกปรกจะเปรอะเปื้อนนัยน์ตาของเขา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 641 เดี๋ยวความสกปรกจะเปรอะเปื้อนนัยน์ตาของเขา

บทที่ 641 เดี๋ยวความสกปรกจะเปรอะเปื้อนนัยน์ตาของเขา

หลังจากเหยาเอ้อหลางกลับจวน ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนภูเขาให้เหยาเฉาฟัง

คนที่กล้าแตะต้องหลานสาวของตน เหยาเฉาไม่มีวันปล่อยไปแน่นอน จึงเรียกระดมคนที่อยู่ใต้การปกครองของเหยาเอ้อหลาง แยกกันไต่สวนกับเหยาเอ้อหลาง

เขาต้องการให้คนที่ไม่รักตัวกลัวตายเหล่านี้ได้เห็นว่า คนที่กล้าทำร้ายเขาคือสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะต้องเสียใจที่สุดเท่าที่เคยทำมา

ซวีจ้าวอยู่ข้างกายเหยาเอ้อหลางโดยไม่เอ่ยสิ่งใด แม้ว่าเขาจะพูดไม่เก่ง แต่คุณหนูหลินก็แสนดีกับเขามาก ครั้นเห็นคุณหนูหลินตกจากหน้าผาไป เขารู้สึกแย่มากในใจ นับประสาอะไรกับเหยาเอ้อหลางที่สนิทสนมกับคุณหนูหลินเสมอมา

“เอ้อหลาง เรื่องนี้เราจะช้าไม่ได้เด็ดขาด หลีกเลี่ยงผลร้ายที่จะตามมา พวกเจ้าต้องตามสืบต้นตอของเรื่องทั้งหมดให้กระจ่าง ครานี้เป็นเอ้อเป่า คราต่อไปหากเป็นองค์รัชทายาทที่ต้องตกอยู่ในอันตรายจนถึงขั้นวายปราณ ก็ใช่ว่าเราจะแบกรับเรื่องนี้ได้”

แม้ว่าในใจของเหยาเฉาจะไม่พอใจเรื่องที่องค์รัชทายาททรงจับตัวเอ้อเป่าไปโดยพลการ แต่เขาก็มักจะลื่นไหลไปตามสถานการณ์ในราชสำนักได้หลายครั้งหลายครา ทั้งยังคาดเดาความคิดของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันได้มากกว่าคนอื่น

เรื่องของเอ้อเป่าในวันนี้ องค์จักรพรรดิทรงตั้งใจลงโทษองค์รัชทายาทแล้ว แต่ทรงไม่ลงโทษสถานหนัก แต่ถ้าคราต่อไปองค์รัชทายาททรงกระทำเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีก พวกเขาทุกคนจะไม่เห็นแก่ตัวเองอีกแล้ว

“ท่านพ่อได้โปรดวางใจ เรื่องนี้ลูกชั่งใจมาอย่างดีแล้ว”

แม้ว่าเหยาเอ้อหลางจะดื้อดึงไปบ้าง แต่เรื่องที่จริงจังเขาไม่เคยประมาทเลินเล่อ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเหยาเฉาถึงวางใจให้เหยาเอ้อหลางมารับหน้าที่ดูแลเมืองจิงจ้าว

“เยี่ยม ซวีจ้าว วันนี้รบกวนเจ้าอยู่ไต่สวนคนเหล่านั้นเป็นเพื่อนเอ้อหลางด้วยนะ แม้ว่าเอ้อหลางจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในค่ายทหาร แต่สิ่งที่ต้องตระหนักรับรู้ยังน้อยมาก เจ้าต้องคอยอบรมสั่งสอนเขาดี ๆ”

“ใต้เท้าเหยาโปรดวางใจ” ซวีจ้าวเอ่ยด้วยความเคารพ

ครั้นได้ยินการยืนยันจากซวีจ้าว เหยาเฉาก็พาคนมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพ

ส่วนคนที่เหลือ ถูกเหยาเอ้อหลางคุมตัวกลับเมืองจิงจ้าว คืนนี้ถูกกำหนดให้เป็นคนที่ต้องอดนอนทั้งคืน

“เหนื่อยหรือไม่ เจ้าไปพักสักครู่เถิด เรื่องไต่สวนคนเหล่านั้นไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง ไม่มีปัญหา” ซวีจ้าวเป็นคนที่เคยคลุกคลีอยู่ในค่ายทหารมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังหรือกลอุบายต่างก็รู้มากกว่าเหยาเอ้อหลาง

เวลานี้ครั้นเห็นเหยาเอ้อหลางยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงอดเอ่ยปากโน้มน้าวไม่ได้

ถึงกระนั้นไม่ว่าเมื่อใด ร่างกายล้วนสำคัญ ถ้าแม้แต่ร่างกายที่ไว้พึ่งพายังปล่อยให้ทรุดได้ มันก็คงได้ไม่คุ้มเสีย

“ไม่ต้อง ท่านพ่อมักชมเจ้าเสมอว่าไต่สวนได้มีชั้นเชิง ข้าอยากเรียนรู้เสียหน่อย แม้ว่าเมืองจิงจ้าวจะมีปัญหาไม่มากนัก แต่ถ้ามีขึ้นมาจริง ๆ ข้าก็ไม่ต้องหัวหมุน”

“งั้นก็ดี” ครั้นเห็นเหยาเอ้อหลางยืนหยัดเช่นนี้ ซวีจ้าวก็ไม่พูดสิ่งใดอีก

ทั้งสองคนเดินตามกันออกไป กระทั่งมาถึงสถานที่ที่ใช้คุมขังโจรที่ถูกจับได้วันนี้ หลังจากเข้าไป โจรเหล่านั้นก็สบถคำด่าออกมาไม่หยุดราวกับยังไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ของตนเอง

“นำตัวเขาออกมา แล้วพาไปห้องไต่สวน”

เหยาเอ้อหลางเอ่ยกับผู้คุมขังที่อยู่ข้างกายพลางมองเป้าหมาย นั่นคือคนที่ไล่ตามหลินซือจนตกหน้าผาไปวันนี้

“ขอรับ” เมื่อเปิดประตูคุก ผู้คุมขังพาตัวคนผู้นั้นออกมาอย่างรวดเร็ว นำตัวมายังห้องที่อยู่ถัดไป

เหยาเอ้อหลางและซวีจ้าวเดินตามไปยังห้องที่อยู่ถัดไป โดยไม่สนใจท่าท่างของโจรที่อยู่ในคุกเหล่านั้นว่าเป็นอย่างไร สำหรับพวกเขา คนเหล่านี้ล้วนเป็นนักโทษ ไม่จำเป็นต้องมองให้เสียสายตา

หัวหน้าโจรผู้นั้นเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีมากผู้หนึ่ง ต่อให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่เคยคิดจะร้องขอชีวิต ตรงกันข้ามยังสบนัยน์ตากับเหยาเอ้อหลางด้วยความโกรธแค้นอีกด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพาลูกน้องไปไม่พอจะถูกจับมาอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูได้หรือ

แค่เด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยังกล้าใช้สายตาแบบนี้มองเขา ถ้าอยู่ในรังโจรของเขา ไม่รู้ตายไปแล้วกี่ครั้งกี่ครา

“ทำไม เจ้าไม่พอใจหรือ?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะข้าพากำลังคนไปน้อย เจ้าคิดว่าคนไร้ความสามารถอย่างเจ้าจะจับข้าได้อย่างนั้นหรือ? เพ้อฝันทั้งนั้น”

“พี่น้องของเจ้า ใช่คนที่บอกว่ารังโจรห่างจากเมืองไปประมาณสามสิบลี้ใช่หรือไม่?”

“เจ้าจะทำอะไร?” ครั้นได้ยินเหยาเอ้อหลางบอกพิกัดที่ตั้งฐานออกมาได้อย่างแม่นยำ แววตาของหัวหน้าที่มองเหยาเอ้อหลางได้เปลี่ยนไป

นั่นคือรังโจรของพวกเขา คนทั่วไปไม่มีทางหาเจอแน่ แต่ตอนนี้เหยาเอ้อหลางกล้าพูดเช่นนี้ นั่นพิสูจน์ได้ว่ารังของตัวเองน่าจะไม่รอดแล้ว สายตาที่จับจ้องเหยาเอ้อหลางจึงดูไม่เป็นมิตรมากขึ้น

“ทำอะไรหรือ ก็แค่เรียกความยุติธรรมแทนสวรรค์อย่างไรเล่า พวกเจ้าก่อกรรมทำชั่วอยู่บนภูเขา ไม่เพียงแต่เป็นโจรปล้นสะดมพ่อค้าที่สัญจรไปมา กระทั่งชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างก็ยังไม่มีว่างเว้น คนแบบนี้ ถ้าปล่อยให้มีชีวิตต่อไปจะไม่เป็นอันตรายต่อชาวบ้านหรอกหรือ? ดังนั้นข้าจึงต้องกวาดล้างรังโจรเหล่านี้แทนพวกชาวบ้านก็เท่านั้น”

“เจ้าฆ่าพวกเขาทั้งหมดเลยหรือ?” คนในรังโจรล้วนแต่เป็นพี่น้องของเขา ครั้นได้ยินเช่นนี้ หัวหน้าจึงอดกระวนกระวายไม่ได้

“ไม่ แต่อีกไม่นาน มันก็ต้องดูว่าเจ้าจะเลือกอย่างไร?”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ง่ายมาก มีสองทางเลือก ทางที่หนึ่ง เจ้าต้องบอกที่อยู่ของโจรชั่วช้าคนอื่นกับข้า ข้าถึงจะไว้ชีวิตพี่น้องในรังโจรของเจ้า ทางที่สอง ถ้าเจ้าเลือกจะปกป้องโจรคนอื่น ในขณะเดียวกัน เหล่าพี่น้องในรังโจรของเจ้าจะต้องจบชีวิตลง”

เหยาเอ้อหลางพูดออกมาอย่างง่ายดาย แต่กลับทำให้หัวหน้าโจรผู้นั้นคิดต่อต้าน เขาเชื่อว่าถ้าตัวเองไม่พูด เหยาเอ้อหลางต้องทำเช่นนั้นแน่

เขาผู้ซึ่งคิดมาตลอดว่าองค์รัชทายาทผู้นั้นเป็นคนเจ้าเล่ห์ ถึงไม่เอาด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล จนบัดนี้ คนที่ไล่ตามเขามาเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนดีนัก

ครั้นเห็นนัยน์ตาของเหยาเอ้อหลางดูไม่เป็นมิตรมากขึ้น ซวีจ้าวที่อยู่ข้างกายเห็นนัยน์ตาของหัวหน้าโจนผู้นั้น จึงได้ชักดาบออกมาแทงเข้าร่างกายของเขาโดยตรง

“อย่าใช้สายตาแบบนั้นของเจ้ามองเขา ประเดี๋ยวความสกปรกโสมมจะเปรอะเปื้อนนัยน์ตาของเขา”

“เจ้า…” เห็นได้ชัดว่าตัวเองยังไม่ได้ทำสิ่งใด แต่ในตอนที้หัวหน้าโจรมองซวีจ้าว ในใจเริ่มสั่วไหวอย่างอดไม่ได้

ร่างกายของซวีจ้าวผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และนั่นคือสิ่งที่เหยาเอ้อหลางไม่มี

ครั้นเห็นซวีจ้าว หัวหน้าโจรผู้นั้นไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก แค่รออย่างเงียบสงบ เหมือนกับไม่มีใครบังคับให้เขาต้องเลือกอย่างไรอย่างนั้น

เหยาเอ้อหลางไม่คิดว่าซวีจ้าวจะสร้างความลำบากใจให้กะทันหันเช่นนี้ แต่ก็ต้องบอกว่า ซวีจ้าวเป็นคนที่น่ากลัวมากจริง ๆ

ครั้นเห็นหัวหน้าโจรผู้นั้นตื่นกลัวซวีจ้าวโดยไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก เหยาเอ้อหลางจึงรู้สึกผิดหวังอย่างอดไม่ได้ ต่อหน้าตัวเองทำเป็นเก่งไม่ใช่หรือ? ทำไมครั้นเห็นซวีจ้าวถึงได้เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนเช่นนี้เล่า? ไม่ต้องปฏิบัติตัวแตกต่างไปจากเดิมเช่นนี้ก็ได้?

“เจ้าอย่าคิดว่าเงียบแล้วจะหนีรอดหรือ ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะให้คนไปฆ่าพี่น้องของเจ้าเดี๋ยวนี้ ที่นี่ห่างจากที่นั่นไม่ไกลนัก เจ้าคงจะได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญของพวกเขาได้ไม่ยาก”

เหยาเอ้อหลางพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน เขาไม่ใช่กลุ่มชายหญิงที่มีความศรัทธาอะไรนักหรอกนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่คุกคามตัวเอง เขาไม่เคยอ้อมค้อม

“ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ งั้นก็ฆ่าพวกเขาเสีย”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?”