บทที่ 643 ลำบากพี่หลินแล้วล่ะ
บทที่ 643 ลำบากพี่หลินแล้วล่ะ
“ข้าก็เรียนรู้มาจากท่านแม่ทัพหลินเช่นกัน ท่านแม่ทัพหลินช่างเก่งกาจยิ่งนัก”
ซวีจ้าวอยู่ในค่ายทหารตลอด เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจนชินหูชินตา
แต่ดูจากตอนนี้ แม้ว่าในค่ายทหารจะลำบากมาก แต่สิ่งที่ได้เรียนรู้ล้วนนำไปปฏิบัติได้จริง ทั้งยังช่วยจัดการภารกิจต่าง ๆ ของเหยาเอ้อหลางได้ดี เรื่องนี้ซวีจ้าวคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นเจ้าก็เรียนรู้ได้ดีเชียวล่ะ แต่เมื่อครู่ท่าทางของเจ้าโดดเด่นมาก ขนาดข้าอยู่ข้างนอกข้ายังกลัวเจ้าเลย เจ้าเสแสร้งได้เก่งเชียวล่ะ เมื่อไรข้าจะมีทักษะเช่นนี้เหมือนกับเจ้าบ้าง”
“ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวก็ได้” เขาเป็นกังวลมาตลอดว่าเหยาเอ้อหลางจะหวาดกลัวที่ตนเองเป็นเช่นนี้ แต่ดูจากตอนนี้ซวีจ้าวคงคิดมากไป เหยาเอ้อหลางไม่เพียงแต่ไม่กลัวแล้ว นัยน์ตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความอยากรู้มากอีกด้วย
“ข้าล่ะอิจฉาเจ้าจริง ๆ ทักษะการต่อสู้ก็ดี แม้แต่อุบายในการไต่สวนก็ยังเก่งกาจ”
เหยาเอ้อหลางอยากช่วยเหยาเฉามาตลอด แต่แค่ความสามารถของตัวเองในตอนนี้ ดูเหมือนจะยังไม่พอ
ดังนั้นในตอนที่เห็นซวีจ้าว เหยาเอ้อหลางจึงมักรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนจริงจัง ที่สามารถทำเรื่องของตัวเองได้อย่างไม่เกรงกลัว
ทั้งสองคนพูดคุยอยู่ด้านนอกกันครู่หนึ่ง กระทั่งผู้คุมขังเดินออกมาจากข้างใน
“รายงานใต้เท้า คำสารภาพของนักโทษได้ถูกเขียนออกมาแล้วขอรับ” เขากล่าวพลางส่งมอบคำสารภาพที่หัวหน้าโจรผู้นั้นเขียนออกมา
เหยาเอ้อหลางรับมาดู ซึ่งมันคือสถานที่ที่ตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อน หลังจากอ่านจบก็ยื่นมันให้กับซวีจ้าว ส่งสัญญาณให้เขาดู
“เจ้าดูสิ คนเหล่านี้ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก แต่ในเมื่อนี่คือสถานที่พวกเขาเลือกแล้ว ถ้าเราไม่ช่วยนาง คงพูดอะไรไม่ได้”
ใช่ ใครจะไปคาดคิดว่าคนกลุ่มนี้จะใช้เรือนพักพิงที่เอ้อเป่าเปิดเป็นฐานที่มั่น
จริง ๆ แล้ว เรือนพักพิงแห่งนั้นได้รับคำชื่นชมจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ทุกคนไม่เคยคิดว่าโจรเหล่านั้นจะไปปักหลักกันอยู่ที่นั่น ช่างเลือกสถานที่ได้ดีมากจริง ๆ
แต่เขาก็รู้ดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างในเรือนพักพิงแห่งนั้นเป็นสิ่งที่หลินซือสร้างมันขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง การจับคนกลุ่มนั้นได้ มันเรื่องเล็กไม่ใช่หรือ?
“แล้วแต่พวกเขาจะปรารถนา”
ซวีจ้าวเองก็คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหากินด้วยวิธีนี้
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งง่ายต่อการถูกจับ บางครั้งมันก็อาจจะล้มเหลวได้
“วันนี้ต้องลำบากเจ้าแล้ว โปรดพักที่นี่สักครู่ อย่าเพิ่งกลับเลย” เหยาเอ้อหลางเห็นว่าซวีจ้าวยุ่งกับภารกิจมานานแล้ว ถ้ากลับไปอีกก็ต้องวิ่งเต้น ใจจึงอยากรั้งซวีจ้าวให้อยู่ต่อ
“ไม่ต้องหรอก วันนี้ตระกูลหลินมีเรื่องราวมากมาย ข้าต้องกลับไปช่วยถึงจะถูก”
“งั้นก็ได้ ถ้าญาติผู้น้องตื่นแล้ว เจ้าให้คนนำจดหมายมาส่งให้เข้าด้วย ข้าจะไปเยี่ยมนาง”
“ได้สิ”
ทั้งสองคนแยกทางกัน ซวีจ้าวกลับมายังจวนหลิน
หลังจากเพิ่งถึงจวนหลินได้ไม่นาน ก็เห็นหลินจื้อพุ่งตัวออกมา ไป๋หรูปิงที่อยู่ข้างกายฉุดรั้งอย่างไรก็ฉุดรั้งไม่อยู่
“ศิษย์พี่ ท่านอย่าบุ่มบ่ามสิ เรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเลยนะเจ้าคะ!” หลังจากที่ไป๋หรูปิงรู้เรื่องว่าหลินซือเกิดเรื่อง ก็ตรงมายังจวนหลินตั้งแต่วินาทีแรก
ด้วยสถานะของนางในตอนนี้ นับว่าผู้อื่นก็ไม่เห็นความผิดพลาดใด ๆ แต่ยามที่นางมาถึงจวนหลิน เห็นหลินซือและเจี่ยงเถิงสลบไสลอยู่บนเตียง นางเพิ่งรู้ว่าตนเองนั้นคิดตื้นเกินไป
“ศิษย์น้อง ข้าไม่ได้บุ่มบ่าม ข้าแค่อยากไปกราบทูลองค์รัชทายาทว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ลักพาตัวเอ้อเป่าไปจวนบนเขากลางวันแสก ๆ ก็เรื่องหนึ่ง นี่ยังทำให้นางสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนเตียง เจ้าคิดว่าข้าจะอดกลั้นความโกรธนี้ได้อย่างนั้นหรือ”
หลินจื้อมักจะมีท่าทีเย็นชามากเสมอ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลินซือไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาไม่สามารถสงบใจลงได้เลย
องค์รัชทายาทรู้สึกอย่างไรกับหลินซือเขาย่อมรู้ดี ดังนั้นในวันปกติเขามักจะเตือนเอ้อเป่าทั้งแบบตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ให้นางอย่าเข้าใกล้องค์รัชทายาทมากเกินไป
เอ้อเป่าเชื่อฟังมาก นางไม่เคยเข้าใกล้องค์รัชทายาทมากนัก แต่ใครเลยจะรู้ว่าองค์รัชทายาทจะตามตื๊อไม่เลิกเช่นนี้
วันนี้กล้าบุกมาลักพาตัวหลินซือถึงในจวนหลินอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเห็นว่าตระกูลหลินไม่มีใครอยู่ใช่ไหม?
“ศิษย์พี่ ตอนนี้เอ้อเป่ายังนอนอยู่บนเตียง แม้ว่าหมอหลวงจะบอกว่าเอ้อเป่าไม่เป็นไร แต่ข้าเชื่อว่าหลังจากเอ้อเป่าฟื้นนางจะคงอยากให้ครอบครัวอยู่ด้วยแน่นอน ถ้าท่านไม่อยู่ เอ้อเป่าจะต้องเสียใจมาก”
ไป๋หรูปิงเติบโตมาพร้อมกับหลินจื้อตั้งแต่เด็ก ย่อมรู้ดีว่าหลินซือน้องสาวคนนี้สำคัญต่อหลินจื้อมากเพียงใด
ตอนนี้พูดได้ว่าองค์รัชทายาทประสบกับความพิโรธของตระกูลหลินเข้าแล้ว แม้แต่หลินเหราผู้เยือกเย็นก็ยังบุกเข้าวังเพื่อส่งฎีกาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท หลินจื้อมีปฏิกิริยาเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
“แต่ข้าคงปล่อยองค์รัชทายาทไว้เช่นนี้ไม่ได้”
“ท่านลุงบอกแล้วไม่ใช่หรือ เขากราบทูลถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับองค์จักรพรรดิไปแล้ว เชื่อว่าองค์จักรพรรดิทรงการตัดสินได้ ถ้าศิษย์พี่ไปเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทตอนนี้ เกรงว่าอาจจะทำให้เขาไม่พอพระทัย ถึงอย่างไรศักดิ์ศรีของราชวงศ์ก็มิอาจล่วงละเมิดได้”
ไป๋หรูปิงเป็นสตรีผู้หนึ่งที่มักจะอยู่กับหลินซือและเหยาซูตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือความคิดเห็นก็ล้วนแต่ไม่ได้ต่างไปจากบุรุษทั่วไปแต่อย่างใด
ครั้นได้ยินคำพูดของไป๋หรูปิง หลินจื้อก็ค่อย ๆ สงบจิตสงบใจลง ศิษย์น้องพูดถูก ถ้าเขาบุกไปขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาทตอนนี้ คงเป็นการนำจุดอ่อนของตัวเองไปมอบให้อีกฝ่ายถึงที่ เขาจะบุ่มบ่ามเช่นนี้ไม่ได้
“พี่หลิน ถ้าเจ้าอยากระบายอารมณ์ให้คุณหนูหลินจริง ๆ สู้จับตัวพวกกากเดนเหล่านั้นมาไม่ดีกว่าหรือ” ครั้นได้ยินบทสนทนาของไป๋หรูปิงและหลินจื้อ ซวีจ้าวก็ค่อย ๆ ย่างเท้าเดินออกมาจากด้านข้าง
ในใจของเขาก็ชื่นชอบคุณหนูหลินเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่มีความประทับใจที่ดีต่อโจรเหล่านั้นแต่อย่างใด
“เจ้ามีเบาะแสอะไร?” หลินจื้อเห็นซวีจ้าว แม้ว่าซวีจ้าวจะไม่ค่อยอยู่กับพวกเขาเท่าไรนัก แต่เขาคือคนที่เหยาเอ้อหลางมักจะชื่นชมอย่างไม่ขาดปาก หลินจื้อย่อมไม่เห็นเขาเป็นคนแปลกหน้าอยู่แล้ว
ซวีจ้าวไม่ใช่คนที่สัญญาพร่ำเพรื่อ ตอนนี้เขาพูดเช่นนี้ได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าเขามีเบาะแสบางอย่างที่ตนไม่รู้
“วันนี้ข้าเข้าไปไต่สวนโจรเหล่านั้นกับเหยาเอ้อหลาง จนได้รับรู้เรื่องฐานลับซ่อนตัวของโจรคนอื่น”
“ที่ไหน?”
“เรือนพักพิงที่คุณหนูหลินเปิด”
“ทำไมพวกเขาถึงได้กล้าเช่นนี้!” หลินจื้อคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ โทสะในใจจึงเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ไป๋หรูปิงอยู่ข้างกาย ไม่สนใจสายตาของผู้อื่น เอาแต่กำมือของหลินจื้อไว้แน่น กลัวเขาจะขาดสติ
ครั้นนึกได้ว่าเรือนพักพิงที่น้องสาวของตนสร้างมากับมือกลายเป็นซ่องโจรของโจรชั่วช้าเหล่านั้น ไฟโทสะก็ยิ่งปะทุขึ้นในใจของหลินจื้อ แต่เมื่อเรื่องผ่านไป เขาจึงค่อย ๆ สงบลง
วิธีการแก้แค้นให้กับน้องสาวที่ดีที่สุด ก็คือการจับตัวโจรเหล่านั้น
“พี่หลินอยากไปจับโจรเหล่านั้นกับเราไหม?”
“ข้าไม่ไป แต่ข้าจะนำฎีกาถวายแด่องค์จักรพรรดิ นำความเลวร้ายของเรื่องนี้กราบทูลให้ชัดเจน
“เช่นนี้ ทางนั้นคงต้องลำบากพี่หลินเสียแล้ว” ครั้นได้ยินคำพูดของหลินจื้อ เป้าหมายของซวีจ้าวบรรลุผลแล้ว
แม้ว่าเหยาเอ้อหลางจะมีทหารใต้การปกครองอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้เยอะ ถ้าทำให้องค์จักรพรรดิทรงส่งกำลังเสริมมาช่วยสนับสนุนได้ย่อมดีมากทีเดียว
“วันนี้ในจวนไม่ค่อยสงบนัก ทำให้น้องซวีขบขัน เวลาก็สายมากแล้ว น้องซวีรีบพักผ่อนเถอะ”