พอเซมานั่งลงบนเตียง เจียงจั้นก็ทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
ตอนอยู่ต่อหน้าหญิงชราและหญิงสาวคู่นั้นเขาไม่ได้แสดงอาการออกมา ทว่าในใจกลับรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
อาศัยจากประสบการณ์ อาการบาดเจ็บของร่างกายดีขึ้นเกือบครึ่งแล้วชัดๆ อย่างมากหากขยับตัวก็จะมีผลกระทบเล็กน้อย ทว่าจากที่เห็นเขากลับไม่มีแรงแม้แต่จะเดิน
คนเหล่านี้ใส่อะไรบางอย่างลงไปในอาหารการกินประจำวันของเขางั้นหรือ
ถึงแม้จะเดาไว้เช่นนี้ เจียงจั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และยิ่งไม่ควรจะเถียงออกมาโดยไม่ไว้หน้าด้วย
อย่างน้อยน่าจะมีโอกาสหากเขาแกล้งโง่ ถ้าหากฉีกหน้าอีกฝ่าย ไม่แน่พวกนางอาจจะใช้ไม้แข็งคุมขังเขาไว้ เช่นนั้นก็จะไม่มีโอกาสหนีแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ จู่ๆ เจียงจั้นก็นึกเสียใจขึ้นมา
ถ้ารู้แต่แรกคงตกปากรับว่าจะเปลี่ยนคนไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าสตรีชื่ออาฮวามีความรู้สึกดีต่อเขา ไม่แน่อาจจะวางกลยุทธ์หนุ่มรูปงาม ล่อลวงนางได้
เจียงจั้นรู้สึกหงุดหงิดมาก จึงตัดสินใจว่าอีกเดี๋ยวจะเสนอขอเปลี่ยนตัว
ผู้อาวุโสฮวาพาเจียงซื่อเดินออกไป เมื่อเดินผ่านอาหลานก็ชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อย “อาหลาน เจ้าก็ตามมาด้วย”
อาหลานลังเลครู่หนึ่ง แล้วย่อเขาลงแล้วเดินตามหลังผู้อาวุโสฮวา
ความมืดปกคลุมไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ด้านนอกมีคนสัญจรน้อยลง กลิ่นหอมอบอวลของอาหารแต่ละบ้านหอมโชยออกมาชวนน้ำลายไหล
เจียงซื่อเดินตามผู้อาวุโสออกไปไกลจากสิ่งสวยงามเหล่านี้เรื่อยๆ ในที่สุดก็หยุดลงตรงที่พักแห่งหนึ่ง
ถึงที่พักอาศัยของหัวหน้าผู้อาวุโสแล้ว
ผู้อาวุโสฮวาเขย่ากระดิ่งทองแดงที่ห้อยอยู่ข้างประตู ไม่นานประตูก็เปิดออก
คนที่เปิดประตูออกมาคือสตรีวัยกลางคน นางโค้งคำนับเคารพผู้อาวุโสฮวาออกมา
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้ารับเล็กน้อย แล้วพาเจียงซื่อกับอาหลานเดินเข้าไป
หญิงวัยกลางคนดูเหมือนจะไร้ซึ่งความสงสัยใดๆ ก้มหน้าก้มตาปิดประตูลงไม่ได้มองเจียงซื่อมากนัก
ภายในเรือนเงียบสงัด แสงจันทร์ราวกับน้ำค้างแข็ง ประสานเข้ากับแสงไฟสว่างที่ลอดออกมาจากภายในห้อง ส่องไปยังทางเดินข้างหน้า
เจียงซื่อก้าวเดินขึ้นไปบนบันไดหิน รู้สึกกังวลเล็กน้อย
สำหรับหัวหน้าผู้อาวุโสแล้ว ความรู้สึกของเจียงซือที่มีต่อนางนั้นซับซ้อน ถ้าหากให้พูด น่าจะเป็นความรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณมากกว่า
ชาติภพที่แล้ว หญิงชราผมขาวโพลนคนนั้นเป็นผู้ให้ตัวตนใหม่กับนาง สอนให้นางมีความสามารถมากมาย
ถึงแม้ว่าถ้าดูจากตอนนี้ การให้นางสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สำหรับเผ่าอูเหมียวนั้นมันเป็นเรื่องที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ที่หัวหน้าผู้อาวุโสยอมสอนนาง บางทีอาจจะมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่ตลอดระยะเวลาที่อดทนสอนนางนั้นก็เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ
บันไดมีเพียงสามขั้น ผู้อาวุโสฮวาเดินเข้าไปแล้ว แต่รับรู้ได้ว่าเจียงซื่อนิ่งไป จึงหันกลับมามอง
อาหลานที่เดินตามผู้อาวุโสฮวาอยู่ด้านหลังก็หันมามองเช่นกัน สายตาแอบจ้องจับผิด
นี่น่ะหรือคือสตรีที่ผู้อาวุโสฮวาตามหาทั่วทุกสารทิศเพื่อต้องการให้มาสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์
ดูๆ แล้วก็ไม่เห็นมีอะไรเลย คนเช่นนี้เหมาะแล้วหรือที่จะสวมรอยเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์
อาหลานเต็มไปด้วยความเหยียดหยามในใจ ทว่าผู้อาวุโสฮวาอยู่ด้วย จึงจำต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้
พอเจียงซื่อรู้สึกตัว ก็เดินตามไป
ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมประหลาด กลิ่นนั้นจางมาก แถมยังไม่ชัดเจน
เสียงแหบพร่าดังขึ้น “มาแล้วหรือ”
ผู้อาวุโสฮวารีบตอบ “มาแล้วเจ้าค่ะ”
ภายในห้องเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็มีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “พาเข้ามาเถอะ”
“เจ้าค่ะ” ผู้อาวุโสฮวาบอกเป็นนัยให้เจียงซื่อตามมา แล้วเดินเข้าไปยังประตูที่มีผ้าม่านสีสดใสห้อยอยู่
แสงในห้องนั้นเป็นแสงสลัว หญิงชราผมสีขาวโพลนนั่งขัดสมาธิ มองมาที่หน้าประตูด้วยท่าทางสงบนิ่ง
ผู้อาวุโสฮวาเดินนำหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วหันข้างเผยให้เห็นเจียงซื่อ “หัวหน้าผู้อาวุโส นี่คือสตรีท่านนั้น”
หัวหน้าผู้อาวุโสหยุดสายตาลงที่เจียงซื่อ
เจียงซื่อทำเคารพหัวหน้าผู้อาวุโส
หัวหน้าผู้อาวุโสตะลึง สีหน้าที่ไม่สนใจไยดีเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางมองไปที่ผู้อาวุโสฮวา
สตรีตรงหน้าใช้รูปลักษณ์ของหลานสาวผู้อาวุโสฮวา แถมยังประพฤติตัวตามธรรมเนียมมารยาทของเผ่าอูเหมียว
ซึ่งธรรมเนียมมารยาทนี้ตรงตามมาตรฐานเลย
นี่คือสตรีคล้ายอาซังที่ผู้อาวุโสไปตามหาจากต้าโจวอันไกลโพ้นงั้นหรือ
ผู้อาวุโสข่มความรู้สึกประหลาดใจไว้ เอ่ยพูดอธิบาย “ได้เล่าเรื่องของพวกเราให้นางฟังระหว่างทางแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อพบกับผู้อาวุโสในเผ่าอูเหมียวต้องทำความเคารพอย่างไร อันที่จริงนางเคยพูดกับเจียงซื่อแล้ว เพียงแต่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำได้ดีขนาดนี้
“ปลดมนต์แปลงกายบนหน้านางออกเถอะ”
ผู้อาวุโสฮวาพยักหน้า หยิบขวดยาออกมาจากถุงผ้าที่พกติดตัวมาด้วย นำไปถูลงบนผ้าเช็ดหน้าที่สะอาด แล้วขจัดสิ่งที่เติมแต่งเจียงซื่อออกทีละนิด
หัวหน้าผู้อาวุโสจ้องใบหน้าเจียงซื่อตาไม่กะพริบ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวเริ่มขาวผ่องขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาค่อยๆ เปลี่ยนไป
“ปรับไฟให้สว่าง” จู่ๆ หัวน้าผู้อาวุโสก็พูดออกมา
อาหลานมองเจียงซื่อตาค้าง จึงไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้กลับว่านี่เป็นคำสั่ง
ผู้อาวุโสฮวาตวาดออกมา “อาหลาน ไม่ได้ยินที่หัวหน้าผู้อาวุโสสั่งหรือ”
อาหลานได้สติกลับมา เอ่ยขอภัย แล้วรีบไปปรับแสงไฟให้สว่างขึ้น
ห้องสว่างจ้าขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น หน้าตาที่แท้จริงของเจียงซื่อก็ถูกเปิดเผยออกมาต่อหน้าพวกเขา
“สตรีศักดิ์สิทธิ์!” อาหลานทำหน้าตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหาเจียงซื่อ
หัวหน้าผู้อาวุโสสายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึง มือที่อยู่ในแขนเสื้อตัวโคร่งสั่นสะท้านขึ้นมาเบาๆ
เหมือน เหมือนมากจริงๆ คนที่มีชีวิตตรงหน้านี้คืออาซัง!
ไม่ ขาดแค่ไฝแดงตรงกลางระหว่างคิ้ว
ในที่สุดหัวหน้าผู้อาวุโสที่ใจเย็นลงก็พบความแตกต่าง
การตายของสตรีศักดิ์สิทธิ์อาซังก็เหมือนดาบที่ห้อยอยู่บนหัวของผู้ที่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่าเวลาไหนดาบจะร่วงลงมา ทำให้เผ่าอูเหมียวเกิดความโกลาหลอลหม่าน
การที่จะหาสตรีที่รูปร่าง ใบหน้าคล้ายกับอาซังมาแปลงกายเป็นอาซังเพื่อตบตานั้น ไม่ใช่ว่าหัวหน้าผู้อาวุโสไม่เคยคิด เพียงแค่ไม่กล้าลงมือทำอย่างง่ายดาย
วิชาแปลงกายเหล่านี้ผู้อาวุโสล้วนเคยเรียนมาหมดแล้ว แม้กระทั่งมีอยู่ท่านหนึ่งที่เชี่ยวชาญการแปลงกายนี้มากกว่านางเสียอีก
ในเผ่าอูเหมียวไม่ได้ปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งหมด หากมีผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งพบว่ามีคนสวมรอยเป็นอาซังเพื่อมาบำรุงขวัญคนในเผ่า การตายของอาซังก็คงจะปิดไม่อยู่แล้ว
ถึงตอนนั้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายแน่
สวรรค์เมตตา คาดไม่ถึงเลยว่าจะส่งหญิงสาวอีกคนที่เกิดมาเหมือนอาซังมาอยู่ตรงหน้านาง
ทว่าคนที่ตื่นเต้นมากกว่าหัวหน้าผู้อาวุโสก็คืออาหลาน
อาหลานปรี่เข้าไปคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงซื่อ เอามือปิดหน้าพลางร้องไห้โฮออกมา “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่าน…”
ผู้อาวุโสฮวาไอออกมาแรงๆ กลัวว่าอาหลานจะหลุดปากพูดออกมา
อาหลานจับปลายกระโปรงเจียงซื่อไว้ไม่ปล่อย
เจียงซื่อก้าวขาหลบออกมาข้างๆ น้ำเสียงเย็นชา “เจ้าจำคนผิดแล้วล่ะ”
เมื่อพูดออกมา หัวหน้าผู้อาวุโสก็ลุกยืนขึ้นมาทันที เอ่ยเสียงหลง “ไหนเจ้าพูดอีกที!”
แม้แต่น้ำเสียงการพูดก็ยังเหมือนขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นอาซังกลับมาจริงๆ
เจียงซื่อมองไปที่หัวหน้าผู้อาวุโส น้ำเสียงราบเรียบ “ข้าไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ แม่นางอาหลานจำคนผิดแล้ว”
อาหลานเงยหน้าขึ้น พูดพึมพำออกมา “เหมือนสตรีศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างขนาดนี้…”
“ยังไงข้าก็ไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าเป็นคนต้าโจว” เจียงซื่อเอ่ยเสียงเรียบ
อาหลานอ้าปากพะงาบๆ หันไปมองหัวหน้าผู้อาวุโส
เวลานี้หัวหน้าผู้อาวุโสเมินเฉยต่อนาง พลางมองเจียงซื่อด้วยสายตาร้อนผ่าว จู่ๆ ก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ยื่นมือซ้ายเจ้าออกมา”
เจียงซื่อยื่นมือออกมาโดยไม่หวาดหวั่น
หัวหน้าผู้อาวุโสจับข้อมือนางไว้ เลิกแขนเสื้อขึ้นมองอย่างละเอียด บอกไม่ถูกว่าผิดหวังหรือประหลาดใจ เอ่ยพึมพำขึ้น “ไม่นึกเลยว่าบนโลกนี้จะมีคนที่เหมือนกับอาซังขนาดนี้”
ที่หน้ามือฝั่งมือซ้ายของอาซังจะมีรอยตราประทับสีแดงเล็กๆ มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทว่าสตรีตรงหน้ากลับไม่มี
นี่มันสวรรค์มาโปรดจริงๆ ที่ส่งสตรีศักดิ์สิทธิ์อีกคนมาให้!
หัวหน้าผู้อาวุโสหันไปมองผู้อาวุโสฮวาอย่างอดไม่ได้