บทที่ 609 ความคิดของจุ๊บแจง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

เพราะชอบเขา ก็เลยอยากจะซ่อนตัวเขาเอาไว้ ไม่ให้ใครหาเขาเจอ การชอบแบบนี้ เขาไม่สามารถจะเข้าใจมันได้จริงๆ

อีกอย่างผู้หญิงที่มาชอบเขามีถมเถไป เขาไม่มีทางจะมาภูมิใจ เพราะมีผู้หญิงมาชอบเขาเพิ่มมากขึ้นอีกคนหรอก หนำซ้ำยังรู้สึกรังเกียจผู้หญิงที่ชื่อจุ๊บแจงอะไรคนนี้เสียมากกว่า

แม้ว่าจุ๊บแจงคนนี้จะช่วยชีวิตเขาเอาไว้ เขาก็ไม่มีความรู้สึกดีๆอะไรให้เลยแม้แต่น้อย!

“ให้ค่าตอบแทนหรือยัง ? หากยังไม่ให้ ให้มารุตเอาเงินให้เธอไปจำนวนหนึ่ง ถือซะว่าเป็นค่าขอบคุณที่เธอช่วยผมเอาไว้”นัทธีพูดเสียงเรียบ

วารุณียักไหล่ “ตอนที่ฉันหาคุณเจอ เคยคุยกับเธอแล้ว แต่ความคิดของเธอค่อนข้างแปลกมาก เธอคิดว่าการที่ฉันให้เงินเธอมันคือการดูถูกเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่รับมันไว้ ไม่รู้จะทำยังไง ฉันก็เลยให้เธอกลับไปคิดดูก่อน รอเธอคิดได้ แล้วค่อยติดต่อกลับมาหาเราแล้วกัน ”

นัทธีเลิกคิ้วขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าการให้เงินคือการดูถูกกัน

สงสัยจุ๊บแจงคนนี้ สมองคงจะมีปัญหาแล้ว

“ช่างมัน ให้เธอคิดดูก่อนก็แล้วกัน หากคิดไม่ออก ก็ให้มารุตไปหาเธอ ให้บ้านเธอหลังหนึ่งหรือไม่ก็เงินก้อนหนึ่ง จบบุญคุณครั้งนี้ซะ ยืดเยื้อนานไปก็ไม่ดี” นัทธีกล่าว

เขาไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร ชดใช้ให้มันจบๆจะได้ไม่ต้องมาคาราคาซังกันอีก

วารุณีตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง จากนั้นก็เห็นริมฝีปากที่แห้งผากของนัทธี ยืนขึ้นแล้วพูดว่า“ ฉันจะเทน้ำให้คุณ คุณจะได้รู้สึกชุ่มคอ ”

“ไม่ต้อง ตรงนี้มีแบบพร้อมดื่ม”นัทธีเงยหน้าขึ้นแล้วจ้องมองไปที่ริมฝีปากของเธอ

วารุณีรู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร ทั้งหงุดหงิดและทั้งขำ“ เพิ่งจะฟื้นคุณก็…อืม……”

ยังพูดไม่ทันจบ ข้อมือของเธอก็ถูกนัทธีคว้าหมับแล้วจับเอาไว้แน่น

เธอถูกดึงแล้วร่างล้มลงบนเตียง นอนอยู่บนตักของเขา และเขาก็โน้มตัวเข้ามา จูบไปที่ริมฝีปากของเธอ

แม้ว่าวารุณีจะถูกเขาจูบอย่างกะทันหัน เธออึ้งกับการถูกจูบอยู่เพียงชั่วครู่ ไม่นานก็ปรับตัวได้ ยกมือขึ้นแล้วโอบรอบลำคอของเขา จูบตอบเขากลับในทันที

มืออีกข้างหนึ่งของนัทธีที่ยังให้วิตามินทางสายน้ำเกลืออยู่ก็ยกขึ้น โอบไปที่รอบเอวของหญิงสาว

ทันใดนั้น เขารู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ก็จึงหยุดลง เงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่หน้าท้องของเธอ

“ลูกล่ะ?” นัทธีถามด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

นี่เพิ่งจะหกเดือนเอง ทำไมหน้าท้องของเธอถึงได้แบนราบไป ?

เมื่อกี้เธอสวมใส่เสื้อผ้าตัวโคร่ง เขายังมองไม่เห็นความผิดปกติอะไร

ตอนนี้เพิ่งรู้ ว่าลูกไม่อยู่แล้ว!

ในที่สุดวารุณีก็รู้ว่าทำไมนัทธีถึงหยุดลงกลางคัน เพราะสังเกตเห็นความผิดปรกติของลูกนี่เอง

เดิมทีเธอยังคงครุ่นคิด ว่าจะบอกเขาเรื่องสุขใจยังไงดี ในเมื่อตอนนี้เขาก็สังเกตเห็นมันแล้ว เธอก็จะไม่ปิดบังมันอีกต่อไป พูดกับเขาตรงๆไปเลย

“ลูกยังอยู่ แต่ฉันคลอดก่อนกำหนด”วารุณีลุกขึ้น มือแตะไปที่หน้าท้องแล้วตอบกลับไป

รูม่านตานัทธีหดเกร็ง “คลอดก่อนกำหนด ? นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณถึงคลอดก่อนกำหนดได้ ?”

วารุณีนั่งไปบนเก้าอี้ “คืนที่รู้ว่าคุณหายตัวไป ฉันเครียดและสะเทือนใจมาก ทำให้มดลูกบีบตัวหดรัดและมีภาวะมดลูกแตก ลูกเลยต้องคลอดก่อนกำหนด”

เมื่อได้ยินดังนั้น นัทธีราวกับรู้สึกว่าหัวใจของเขามีเข็มนับรอยทิ่มแทง และเจ็บปวดอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยิ่งโทษตัวเองและรู้สึกผิดมากที่สุด

เขาโผเข้ากอดวารุณี และกอดเธอเอาไว้แน่น กล่าวโทษตัวเองด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ขอโทษ ผมขอโทษ……”

ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา หากเขาไม่เป็นลมหมดสติไป เธอก็คงจะไม่ได้ยินข่าวเรื่องการหายตัวไปของเขาที่นำไปสู่การคลอดก่อนกำหนด และทำให้เธอต้องตกอยู่ในอันตราย และในขณะเดียวกันก็ยังต้องมากังวลเรื่องความปลอดภัยของเขาอีก

“ที่รักผมขอโทษ” นัทธีแนบศีรษะไปที่ลำคอของวารุณี และพูดขอโทษขึ้นอีกครั้ง

เมื่อวารุณีได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก็ตบไปที่แผ่นหลังของเขาเบาๆ“ พอแล้ว เราไม่โทษคุณ ฉันกับสุขใจสบายดี”

“สุขใจ?”นัทธีเงยหน้าขึ้น ราวกับกำลังสงสัยว่าสุขใจเป็นใคร

วารุณีจ้องมองเขา “สุขใจเป็นลูกชายคนเล็กของคุณ ฉันตั้งชื่อเล่นนี้ให้เขา ชื่อจริงยังไม่ได้ตั้ง รอคุณมาตั้งให้”

ดวงตาของนัทธีมีความผิดหวังอยู่ชั่วครู่ “เป็นลูกชายเหรอ……”

เขาคิดว่าจะเป็นลูกสาวที่น่ารักเหมือนไอริณ

“ทำไมค่ะ ไม่ชอบลูกชายเหรอ ? ” วารุณีขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

นัทธีส่ายหน้า “ไม่ใช่ จะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงก็เหมือนกัน ผมก็รักทั้งนั้น ”

“แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า เหมือนคุณจะรักเด็กผู้หญิงมากกว่าล่ะ ? ” วารุณีเหล่ตามองเขา

หน้าผากของนัทธีแตะไปที่หน้าผากของเธอ“ เพราะลูกสาวเหมือนคุณไง ”

คำพูดประโยคนี้ของเขาทำเอาวารุณีเอียงอาย ใบหน้าเห่อร้อน จากนั้นก็ผลักเขาออกเบาๆ “พอเลย ไม่ต้องมาทำปากหวาน ”

“ตอนนี้สุขใจเป็นอย่างไรบ้าง ?”ในที่สุดนัทธีก็ถามอาการของลูกชายคนเล็กเสียที

นัยน์ตาของวารุณีเศร้าสร้อย“สุขใจยังอยู่ในตู้อบ ต้องอยู่ในนั้นอีกสามเดือนเพื่อช่วยให้เขารอดชีวิต ดังนั้นจึงพาสุขใจกลับมาด้วยไม่ได้ ตอนนี้ไอริณก็อยู่ที่ต่างประเทศ วันนี้ผู้ช่วยมารุตจะพาเธอกลับมา คุณฟื้นขึ้นมาพอดี หากไอริณเห็นคุณ ต้องดีใจมากแน่ๆ ”

เมื่อนัทธีได้ยินว่าเจ้าตัวเล็กจะต้องอยู่ในตู้อบเป็นเวลานานขนาดนั้น ความรู้สึกเสียใจที่ไม่ใช่ลูกสาว ก็มลายหายไปในทันที

คนเป็นพ่อคนนี้นั้นผิดต่อเขา

รอเด็กน้อยออกมาจากตู้อบได้ เขาจะชดเชยให้ทารกน้อยคนนี้อย่างเต็มที่

“ตั้งชื่อให้สุขใจด้วยนะ ”วารุณีมองมาที่ชายหนุ่ม

นัทธีกลับส่ายหัว“ รอ สุขใจออกจากตู้อบแล้วค่อยตั้งกันดีกว่า ”

“ทำไมล่ะ?”วารุณีสงสัย

นัทธียกยิ้มให้ และไม่ได้พูดอะไรต่อ ท่าทีลับๆล่อๆ

เมื่อวารุณีเห็นดังนั้นก็ไม่คิดคาดคั้นจะเอาคำตอบ

ช่างมัน ถึงตอนนั้นค่อยตั้งชื่อก็ดีเหมือนกัน

ไม่แน่ว่ารอให้สุขใจหายดี ก็ถึงจะสามารถแบกรับกับชื่อจริงได้

สองสามีภรรยาแสดงความรักที่มีต่อกันอยู่ร่วมสองชั่วโมงได้ แล้วผู้ดูแลก็มา

วารุณีรู้ว่าพวกเขากำลังจะคุยเรื่องการเรื่องงานกัน ก็จึงออกจากห้องไป และไปยังห้องผู้ป่วยของป้าส้ม ไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกับป้าส้ม

ในบ่ายของวันนั้น ออฟฟิเซียลของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้นำเสนอข่าวล่าสุด ว่าท่านประธานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปได้กลับประเทศพร้อมภรรยาและลูกน้อยอีกสองคน

เมื่อเป็นแบบนี้ เรื่องที่นัทธีหายตัวไป ก็จะถูกฝังกลบลงอย่างสมบูรณ์

เพราะตอนนี้หาตัวนัทธีเจอแล้ว และเขาก็ฟื้นแล้ว ต่อให้จะมารู้ในภายหลังว่าเขาได้หายตัวไปจริงๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

เพราะพวกเขาพลาดโอกาสที่จะโจมตีบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปไปแล้ว

อีกด้านหนึ่ง จุ๊บแจงเองก็เห็นข่าวนี้ที่บ้านแล้วเช่นกัน สองมือกำกันแน่น

ประธานของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปสถานะที่สูงส่งขนาดนี้

เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าวันหนึ่ง ตัวเองจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจแบบนี้ และยังอาศัยอยู่ใต้หลังคาเดียวกันเป็นเวลานานหลายวัน

แต่ตอนนี้ เธอก็สูญเสียมันไปแล้ว

ผู้หญิงคนนั้น คนที่สวยอย่างหาใครมาเทียบ มาแย่งเขาไป

เดิมทีสามารถที่จะทะยานขึ้นฟ้าได้ แต่……

ขณะที่กำลังคิด ก็มีเสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้น“จุ๊บแจง ด้านนอกมีชายหนุ่มหน้าตาดีนามสกุลไชยรัตน์มาหา เป็นเพื่อนเธอเหรอ?”

ชายหนุ่มหน้าตาดีนามสกุลไชยรัตน์?

นัทธี!

ในหัวของจุ๊บแจงก็มีชื่อนี้ผุดขึ้นมา ความเศร้าบนใบหน้าก็หายไปในทันที และเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจแทน

ใช่แล้ว บนโลกออนไลน์บอกว่า นัทธีกลับมาแล้ว แต่นัทธีก็อยู่ที่นี่ตลอด เพราะฉะนั้นที่ว่ากลับประเทศน่าจะมีความหมายอย่างอื่น และที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าก็คือ เขาฟื้นแล้ว

นัทธีรู้ว่าเธอเป็นคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ดังนั้นเมื่อฟื้นแล้ว ก็จึงตั้งใจมาหาเธองั้นเหรอ ?

เขามาหาเธอ เพื่อที่จะตอบแทนเธอ แล้วพาเธอกลับไปด้วยงั้นเหรอ ?

ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งตื่นเต้น จุ๊บแจงไม่ได้สนใจตอบคำถามของพ่อตัวเอง รีบวิ่งออกจากห้อง ไปยังนอกบ้านทันที

เมื่อออกไปดู ที่หน้าประตูก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่

ชายคนนั้นยืนหันหลังให้เธอ สวมใส่ชุดสูทดูโอ่อ่า และสง่ามาก

จุ๊บแจงบังคับหัวใจที่เต้นโครมครามให้สงบ สองมือประสานกัน น้ำเสียงที่เอียงอายก็ขานเรียก “นัทธี”

เธอเรียกเขาแบบนี้ เขาคงไม่ถือหรอกมั้ง?

เพราะยังไงเธอก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

ในทีวีก็บอก คนรวยควบคุมอารมณ์เก่ง ดังนั้นน่าจะไม่ถือสาอะไร

“พรืด!”ชายคนนั้นหัวเราะ จากนั้นก็ค่อยๆหันกลับมา “ขอโทษด้วย ผมไม่ใช่นัทธีคนที่คุณเรียกชื่อ ”

ชายคนนั้นมองไปที่จุ๊บแจงอย่างติดตลก

ใบหน้าของจุ๊บแจงแข็งค้าง ความเอียงอายที่มีก็หายไปในพริบตา และหัวใจที่เต้นโครมคราม ก็กลับมาเต้นในจังหวะปรกติ ในแววตามีร่องรอยของความผิดหวังผาดผ่าน

ไม่ใช่นัทธีเหรอ!