บทที่ 610 ข่าวจากพิชิต

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“คุณเป็นใคร มาหาฉันทำไม ? ยังบอกอีกว่าตัวเองนามสกุลไชยรัตน์!” จุ๊บแจงจ้องเขม็งมองนิรุตติ์ ในใจรู้สึกโกรธที่ถูกหลอก

นิรุตติ์เอามือกอดอก“ ฉันไม่ได้โกหกเธอ ฉันนามสกุลไชยรัตน์จริงๆ ฉันชื่อนิรุตติ์ ”

“นิรุตติ์ ?” จุ๊บแจงแปลกใจ

นิรุตติ์ นัทธี ชื่อดูคล้ายกันมาก

“คุณกับนัทธี…… เป็นอะไรกัน?” จุ๊บแจงไม่โกรธอีกต่อไป มองไปที่นิรุตติ์ ถามอย่างมีความหวัง

เมื่อนิรุตติ์ได้ฟังคำเรียกขานของเธอที่เรียกนัทธีแววตาก็ฉายรอยยิ้มเย้ย

นัทธี ?

หน้าหนาจริงๆ ถึงขั้นเรียกนัทธีกันเลย !

แน่นอนว่า แม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่ใบหน้าของนิรุตติ์ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร มุมปากยกหยักแล้วตอบว่า“ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา”

“ลูกพี่ลูกน้อง!”ความผิดหวังในใจของจุ๊บแจงหายไปทันที มีความประหลาดใจเข้ามาแทนที่ “คุณมาหาฉันถึงที่นี่ มีธุระอะไร ?”

นัทธีเรียกให้เขามาเหรอ?

จุ๊บแจงกำลังคิดอะไรอยู่ ทุกอย่างล้วนเขียนอยู่ที่หน้า

นิรุตติ์ได้แต่ยิ้มเยาะในใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มปรากฏ“ ฉันมาหาเธอ เพราะอยากจะทำข้อตกลงร่วมกันกับเธอ ”

“ข้อตกลง?” จุ๊บแจงตะลึง

นัทธีไม่ได้เป็นคนให้เขามาหาหรอกเหรอ

ดวงตาของเธอเศร้าสร้อยลง

นิรุตติ์พยักหน้า “ใช่ ฉันรู้ว่าเธอช่วยนัทธีเอาไว้ และรู้ว่าเธอชอบนัทธี ดังนั้นฉันสามารถช่วยเธอให้ได้ตัวนัทธีมา แต่เธอก็ต้องทำงานแลกกับมัน ว่ายังไง ข้อตกลงนี้สนใจไหม?”

เมื่อจุ๊บแจงได้ยินว่าเขาสามารถช่วยตัวเองให้ได้ตัวนัทธีมา ในใจก็หวั่นไหวขึ้นมา

เธอลอบกลืนน้ำลาย ดวงตาจ้องเขม็งมาที่นิรุตติ์ “คุณ…… คุณพูดเรื่องจริงเหรอ?”

“แน่นอน ฉันกับนัทธีเราไม่ลงรอยกันเท่าไร ดังนั้นเรื่องบางเรื่องฉันลงมือทำเองไม่ได้ แต่เธอไม่เหมือนกัน เธอเป็นคนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แค่เธอเอ่ยปากพูด สิ่งที่ฉันต้องการ เธอก็สามารถจัดการแทนฉันได้ และฉันก็สามารถทำให้เธอได้ใช้ชีวิตอยู่กับนัทธีด้วย”นิรุตติ์พูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนเชื่อ

จุ๊บแจงคิดถึงวารุณีขึ้นมา ผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนนั้น

คิดถึงความสง่างามและสูงศักดิ์ของผู้หญิงคนนั้น สรรพนามที่เรียกขานของคนเหล่านั้นที่เรียกเธอ รวมถึงการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้น ล้วนทำเธออิจฉามาก

เธอก็อยากจะมีชีวิตและความเป็นอยู่เหมือนผู้หญิงคนนั้น

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จุ๊บแจงก็กำมือแน่น ราวกับเหมือนจะตัดสินใจได้ หายใจเข้าลึก พยักหน้าอย่างหนักแน่น“ได้ ฉันตกลงกับข้อเสนอของคุณ อะไรที่คุณต้องการ ฉันจะทำมันให้สำเร็จ และอะไรที่ฉันต้องการ คุณก็ต้องช่วยฉันทำมันให้สำเร็จเช่นกัน ”

“เยี่ยม!”นิรุตติ์ดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ

จุ๊บแจงมองมาที่เขา “คุณต้องการให้ฉันทำอะไร?”

“ไม่ต้องรีบ เดี๋ยวฉันจะติดต่อหาเธอเอง ตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด คือเธอต้องออกไปจากหมู่บ้านนี้ เข้าไปในเมืองเพื่อหานัทธี บอกเขาว่า เธออยากจะเข้าไปทำงานที่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ”นิรุตติ์ตอบพร้อมแสงแว่นที่สะท้อนกลับ

จุ๊บแจงครุ่นคิดและพยักหน้าให้ “ได้”

“นี่คือเบอร์ของฉัน”นิรุตติ์ยกยิ้มและยื่นนามบัตรให้

จุ๊บแจงรับมันมา และก้มดู

“มีเรื่องอะไร ก็โทรมาหาฉันได้ แต่ห้ามบอกเรื่องของฉันให้ใครรู้ ”นิรุตติ์หรี่ตาลง ส่งสัญญาณเตือน

จุ๊บแจงเพิ่งจะตระหนักได้ และมามีสติ ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ในใจรู้สึกเสียใจที่ตอบตกลงเขาเร็วเกินไป

แต่มาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนดี หากเธอบอกว่าเธอตัดสินใจผิด ไม่อยากจะร่วมมือด้วยแล้ว ยังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้จะทำอะไรกับเธอ

ดังนั้นเพื่อนัทธี และเพื่อชีวิตที่เธอต้องการ เธอก็จึงต้องก้มหน้าทำมันเท่านั้น

จุ๊บแจงถือนามบัตรไว้แน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

เมื่อนิรุตติ์เห็น ดันไปที่กรอบแว่น จากนั้นก็หันหลังแล้วจากไป

พอขึ้นมาบนรถได้ นวิยาก็ถามด้วยใบหน้าที่มืดมน“ คุณจะดันผู้หญิงคนนี้ไปยืนอยู่ข้างๆนัทธีจริงหรือ?”

ฟังออกถึงเสียงเธอที่อิจฉาและอาฆาตต่อหญิงสาวคนนั้น นิรุตติ์ก็ยกยิ้มมุมปาก“แน่นอน ฉันแค่จะส่งเขาไปยื่นอยู่ข้างๆนัทธี แต่ที่เขาอยากได้นัทธี มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นนัทธีไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนนี้หรอก อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ ก็ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับนัทธีเลย แต่เลือกเขาไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างนัทธีกับวารุณี ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ”

เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของนวิยาก็ดูดีขึ้นมาก

เมื่อนิรุตติ์เห็น ก็พูดหยอกว่า “ หากเธอไม่พอใจ เธอก็สามารถเลียนแบบเขา ปลอมตัวเป็นเขา แล้วกลับไปยืนอยู่เคียงข้างนัทธีได้นะ ”

นวิยาขบริมฝีปาก “คุณคิดว่าฉันไม่เคยมีความคิดนี้เหรอ ? แต่ฉันถามหมอแล้ว ร่างกายของฉัน รับกับการผ่าตัดใหญ่ๆแบบนี้ไม่ไหว ”

และตอนที่เธอเพิ่งฟื้นขึ้นมาหมอก็ได้บอกเธอแล้ว ว่าชีวิตของเธอนานสุดก็อยู่ได้เพียงสิบปีเท่านั้น ดูเอาแล้วกันว่าสภาพร่างกายของเธอนั้นย่ำแย่แค่ไหน

หากยังคิดจะศัลยกรรมอะไรอีก เธอคงลงจากเตียงผ่าตัดไม่ได้แน่

“งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว เธอคงต้องทนดูผู้หญิงคนอื่นยืนอยู่ข้างๆนัทธีแล้วล่ะ” นิรุตติ์จงใจพูดเย้ยเธอ

นวิยามีท่าทีเหี้ยมโหด“ รอจุ๊บแจงอะไรนั้นไม่มีประโยชน์แล้ว ส่งเขามาให้ฉัน ฉันจะลงมือจัดการเขาด้วยตัวเอง ”

“ได้อยู่แล้ว”นิรุตติ์หลุบตาลง ตอบกลับพร้อมอำพรางดวงตาที่ดำทมิฬ

อีกด้านหนึ่ง ที่โรงพยาบาล

วารุณีกำลังประคองร่างของนัทธีทำการบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายในห้องกายภาพ

ป้าส้มกับอารัณก็ยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆเช่นเดียวกัน

การฟื้นตัวของนัทธีเป็นไปได้ด้วยดี เดินไปรอบหนึ่ง ก็ไม่ต้องให้วารุณีช่วยประคองแล้ว พยุงราวกั้นที่อยู่ข้างๆด้วยตัวเอง และเดินไปตามทางเดินอย่างช้าๆ เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อขา

ในตอนนี้เอง พิชิตก็เดินเข้ามา

วารุณีขอให้นัทธีหยุดลงก่อน จากนั้นก็หันไปหาพิชิต“คุณหมอพิชิตคุณมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า?”

“ผมแวะมาดู และมีเรื่องสำคัญจะบอกนัทธีด้วย ”

วารุณีมองไปที่นัทธี จากนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้าให้“ก็ได้ งั้นพวกคุณคุยกันแล้วกัน เราจะไปทางโน้น ”

พูดจบ เธอก็หันหลังแล้วเดินไปทางป้าส้มกับอารัณ จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินไปยังอีกฝั่งของห้องกายภาพ

นัทธีจับไปที่ราวแล้วยื่นให้มั่น มองไปยังพิชิตอย่างเฉยชา“ มีเรื่องอะไร?”

ท่าทีของพิชิตก็จริงจังขึ้นมา “ นายเองก็รู้ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ป้าส้มถูกลอบทำร้าย ฉันก็ได้สอบปากคำคนที่น่าสงสัยในโรงพยาบาล และตลอดหลายวันในการสอบปากคำนี้ ก็จับมาได้สองคน คนหนึ่งเป็นพยาบาล และอีกคนเป็นหัวหน้าคลังสินค้ายาและเวชภัณฑ์”

“หัวหน้าคลังสินค้า?”นัทธีหรี่ตาลง จู่ๆก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านั้นนวิยาเคยของยาอันตรายกับพิชิต

“หัวหน้าคลังสินค้าคนนั้นขโมยยาไปใช่ไหม ?”นัทธีถามด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

พิชิตพยักหน้า“ใช่ แต่ฉันได้สอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว หัวหน้าคลังสินค้าคนนั้นไม่รู้เรื่องยาอะไรเลย ดังนั้นจึงหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน เพื่อศึกษาวิธีการใช้ยาเหล่านั้น แต่ยังไม่ทันได้รู้เรื่อง ก็ถูกพวกเราจับได้เสียก่อน ”

นัทธียิ้มเยาะ“ ดูแล้วนวิยาจะระวังตัวเอามากๆ ให้คนที่ไม่รู้เรื่องยาสอดแนมเข้ามา ให้หัวหน้าคลังสินค้าคนนั้นค่อยๆแทรกซึมเข้าไป ก็จะไม่เป็นจุดสนใจ หากเธอให้คนที่รู้เรื่องยาเข้ามาสอดแนม พวกนายก็ต้องรู้ไปแล้วว่ายาถูกขโมยไป และทำการตรวจสอบค้นหากันครั้งใหญ่”

เพราะตอนนั้นป้าส้มก็เพิ่งจะเกิดเรื่อง การรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลก็เข้มงวดมาก หากตอนนั้นรู้ว่ายาถูกขโมยไป คนที่ขโมย ก็คงถูกจับไปนานแล้ว ไม่แน่ว่านวิยาก็อาจจะถูกจับไปด้วย

“ใช่”พิชิตพยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่นัทธีพูด

นัทธีมองมาที่เขา“ หัวหน้าคลังสินค้าคนนั้นได้บอกไหมว่านวิยาให้เขาขโมยยาอะไร?”

พิชิตส่ายหัว“ ไม่ได้บอก ตามคำกล่าวอ้างของหัวหน้าคลังสินค้า นวิยาบอกเพียงว่าให้เขาศึกษาสรรพคุณของยาต่างให้ดี รอให้รู้ทุกอย่างดีแล้ว นวิยาจะติดต่อมาหาเขา เพื่อให้เขาขโมยยา ”

นัทธีเม้มริมฝีปากจนมีไอเย็นแผ่ซ่าน “ แล้วพยาบาลคนนั้นล่ะ?”

“พยาบาลคนนั้นไม่มีภารกิจใหญ่อะไร ภารกิจหลักก็คือคอยติดตามดูพวกนายทุกฝีก้าว จากนั้นก็รายงานให้นวิยาได้รู้”