ลี่จุนถิงเองก็รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อคิดถึงลูก ในตอนนั้นจึงตัดสินใจจะพาเธอกลับไป ไม่ว่ายังไงแล้วที่นี่มีเพียงชิงโม่และเฟิงจิงเป่ยก็พอแล้ว
ลี่จุนถิงและเจียงหยุนเอ๋อเก็บของสัมภาระเล็กน้อย จากนั้นก็เรียกชิงโม่มา
“ชิงโม่ ตอนนี้ฉันจะพาหยุนเอ๋อไปหาแม่ของฉัน นายกับเฟิงจิงเป่ยรออยู่ที่นี่ จัดการเรื่องที่นี่ต่อ แล้วก็ตามรอยอาเธอร์ต่อด้วย”
“เขาทำให้ฉันและภรรยาจากกันนานขนาดนี้ อีกอย่างยังคิดที่จะทำร้ายภรรยาของฉันเพื่อไปช่วยคนที่เขารัก บัญชีนี้ฉันจำเป็นต้องคิดกับเขา ฉันไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่”
หลังจากที่ลี่จุนถิงฝากงานกับชิงโม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ช่วยเจียงหยุนเอ๋อแต่งตัวอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็พาเธอไป
ระหว่างทาง เจียงหยุนเอ๋อพร่ำบ่นลี่จุนถิงว่าให้เธอใส่เสื้อผ้าที่ระเบียบเข้มงวดเกินไป ทำเอาคนระหว่างเธอต่างก็มองเธอกันหมด
“นายดูนายทำสิ ห่อฉันมิดชิดขนาดนี้ ตลอดทางที่เดินมาเมื่อกี้ ต่างก็มีแต่คนแอบมองฉันอยู่ข้างๆ ฉันเดาว่าพวกเขาน่าจะคิดว่าฉันมีโรคติดต่ออะไรหรือเปล่า ตอนนี้ขึ้นรถแล้ว ฉันสามารถถอดหมวกลงมาได้ไหมเนี่ย”
“ไม่ได้ ตอนนี้เธออยู่ช่วงหลังคลอด ไม่สามารถออกบ้านเจอลมได้อยู่แล้ว จะป่วยได้ง่าย เมื่อวานเป็นเพราะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จึงให้เธอไปเจอลม จากตอนนี้ไปเธอจำเป็นต้องเริ่มรักษาร่างกายของตัวเองแล้ว”
ลี่จุนถิงปฏิเสธเธอด้วยเหตุผลเต็มเอี่ยม
“แต่ว่าการรักษาก็ไม่ใช่การรักษาแบบนี้นิ ขอร้องนายล่ะจุนถิง ให้ฉันถอดสักสองสามตัวไม่ได้เหรอ”
เจียงหยุนเอ๋อร้องขออย่างลำบาก แต่ว่าไม่ว่าเธอจะพูดอะไรลี่จุนถิงก็ไม่เห็นด้วย ทำเอาเจียงหยุนเอ๋อโมโหจนถึงปลายทางแล้วยังไม่สนใจลี่จุนถิงเลย
ในตอนที่โม่เสี่ยวฮุ่ยเจอพวกเขาก็ดีใจมากๆ แต่ว่าหลังจากที่มองไปสองนาทีก็รู้สึกว่าท่าทีของทั้งสองไม่ค่อยปกติ โม่เสี่ยวฮุ่ยให้ซูม่านลีพาเจียงหยุนเอ๋อเข้าไปพักผ่อน จากนั้นตัวเองก็ดึงลี่จุนถิงไปยังข้างๆ ถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ลี่จุนถิงพูดไม่ออกบอกไม่ถูกโดยพูดเรื่องราวทั้งสาเหตุต่างๆ ออกมาทั้งหมด ทำเอาโม่เสี่ยวฮุ่ยหัวเราะจนยืนตรงไม่ขึ้น ตีลี่จุนถิงไปหลายรอบมาก
“นายเนี่ย ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงหลังการคลอดยังไง ก็ไม่สามารถห่อไว้แบบนี้ได้ ขอแค่ศีรษะไม่ต้องเจอลมก็พอแล้ว ใบหน้าไม่ต้องปิด ฉันก็ว่าตอนที่เจอเธอรู้สึกว่าการแต่งตัวของเธอไม่ได้มีปัญหา ที่แท้นายพึ่งให้เธอเผยหน้าตอนก่อนที่จะเข้ามา”
“ตอนกลางคืนนายปลอบเธอดีๆ ขอโทษเธอ พวกเราจะอยู่พักที่นี่ก่อน รอให้ช่วงหลังการคลอดของหยุนเอ๋อผ่านไปแล้วค่อยกลับประเทศ ไม่ว่ายังไงแล้วตอนนี้ในประเทศก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แล้วก็เดี๋ยวให้คุณหมอตรวจร่างกายให้หยุนเอ๋ออีกหนึ่งรอบ ก็ยังต้องให้เธอพักผ่อนดีๆ อีก”
หลังจากพูดจบ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ดึงลี่จุนถิงเข้าไป
เมื่อกี้ตอนที่ถวนจื่อเจอเจียงหยุนเอ๋อประโยคแรกที่พูดก็คือ “คุณแม่ คุณแม่หนาวมากเหรอครับ? ทำไมแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ครับ? หรือว่าคุณแม่กำลังเลียนแบบพวกคุณน้าที่นี่อยู่”
ประโยคเดียว ก็ทำให้ความคิดถึงของเจียงหยุนเอ๋อมองเห็นถวนจื่อแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย กำลังจะนั่งลงไปอุ้มร่างกายของถวนจื่อ ก็รีบลุกขึ้น ลี่จุนซินและซูม่านลีที่อยู่ข้างๆ ต่างก็หัวเราะกันใหญ่ แม้กระทั่งเวียร์ก็แอบปิดปากหัวเราะด้วย
ถวนจื่อเห็นสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อเปลี่ยนไป ก็รู้ว่าตัวเองพูดผิดแล้ว รีบกอดขาของเจียงหยุนเอ๋อแน่น “คุณแม่ ผมรู้ว่าผิดแล้วครับ คุณแม่อย่าโมโหสิ”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นถวนจื่อที่นุ่มนิ่มแบบนี้ ก็รีบหายโกรธเลย ให้ถวนจื่อปล่อยขาตัวเองออก ตัวเองนั่งลงไป อุ้มถวนจื่อขึ้นมา “ลูกรัก ไม่ว่าหนู โทษพ่อของหนูนั่นแหละ”
คนที่อยู่ข้างๆ ต่างก็หัวเราะได้ใจใหญ่ ในตอนที่พวกเขาเห็นการแต่งตัวของเจียงหยุนเอ๋อครั้งแรก ก็รู้แล้วว่าเป็นการกระทำของลี่จุนถิง
ในตอนที่ลี่จุนถิงและโม่เสี่ยวฮุ่ยเข้ามา ก็เห็นภาพที่อบอุ่นมีดูความสุขนี้ ลี่จุนถิงเองก็ยิ้มโค้งที่มุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เขาเดินไปยังข้างกายของเจียงหยุนเอ๋อ ยื่นมืออุ้มถวนจื่อมา “แด๊ดดี้อุ้มหนูเอง หม่ามี้ร่างกายยังไม่หายดี ไม่ต้องทำให้หม่ามี้เหนื่อยนะ ช่วงเวลานี้ หนูต้องช่วยแด๊ดดี้ดูแลหม่ามี้ดีๆ นะ”
ถวนจื่อพยักหน้า จากนั้นก็ยื่นศีรษะไปจูบเจียงหยุนเอ๋อ “หม่ามี้ ผมจะดูแลหม่ามี้เองครับ”
เจียงหยุนเอ๋อซึ้งใจมาก จูบถวนจื่อไปหนึ่งทีเช่นกัน แต่ว่าไม่ได้มองลี่จุนถิงเลย ลี่จุนถิงคิดในใจ ครั้งนี้จบแล้ว ภรรยาโกรธแล้วจริงๆ
หลังจากที่ทุกคนพูดคุยกันเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจียงหยุนเอ๋อไปพบเด็กน้อย เจียงหยุนเอ๋อตื้นตันใจมากๆ ถวนจื่อดิ้นรนจะลงมาจากอ้อมกอดของลี่จุนถิง ดึงมือของเจียงหยุนเอ๋อ แล้วเดินเข้าไปในห้องของเด็กน้อย
วินาทีที่เจียงหยุนเอ๋อเห็นเด็กน้อย น้ำตาก็ไหลลงมาเลย โม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นแล้วรีบส่งทิชชูไปให้เธอ
“หยุนเอ๋อ ไม่ต้องร้องแล้ว ร้องไห้ช่วงหลังคลอดไม่ดีต่อดวงตาของคนตั้งครรภ์ เห็นลูกแล้วควรจะดีใจสิ อย่าร้องไห้เลยนะ”
เจียงหยุนเอ๋อรับกระดาษทิชชูมา เช็ดไปทีหนึ่ง แล้วยิ้มไปทางโม่เสี่ยวฮุ่ยหนึ่งที
ลี่จุนถิงยืนอยู่ข้างหลังของเจียงหยุนเอ๋อ ล้อมตัวเธอและกล่องออกซิเจนอยู่ตรงกลางพอดี ชี้ไปทางเด็กน้อยที่อยู่ในกล่องออกซิเจนแล้วพูดว่า “เธอดูสิลูกหน้าเหมือนเธอมากๆ เลยใช่ไหม”
เขียงหยุนเอ๋อหันมาตีเขาหนึ่งที “พูดมั่วอะไร ลูกพึ่งโตเท่าไรเอง จะมองออกได้ยังไงว่าเหมือนฉัน”
“ฉันไม่สน ก็ฉันรู้สึกว่าเหมือนเธอ”
ในระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่ คุณหมอก็มาแล้ว เจียงหยุนเอ๋อรีบดึงพวกเขาไว้ ถามคำถามเกี่ยวกับเด็กน้อยไปมากมาย
คุณหมออธิบายกับเจียงหยุนเอ๋อไปรอบหนึ่งอย่างใจเย็น พูดว่าตอนนี้เด็กน้อยอาหารดีขึ้นเยอะมาก แต่ว่ายังต้องอยู่ในกล่องออกซิเจนอีกสักพัก
เจียงหยุนเอ๋อขอบคุณพวกเขาด้วยความตื้นตัน โม่เสี่ยวฮุ่ยใช้โอกาสที่คุณหมออยู่ที่นี่ ให้พวกเขาตรวจร่างกายให้เจียงหยุนเอ๋อ
เจียงหยุนเอ๋อรีบปฏิเสธ “คุณแม่ ไม่ต้องแล้วค่ะ ร่างกายหนูดีมากๆ เลย บุคลากรทางการแพทย์ของอาเธอร์ได้รักษาร่างกายของหนูมาโดยตลอดเลยค่ะ”
“แบบนั้นก็ไม่ได้ งั้นก็ต้องดูว่ามีปัญหาอื่นหรือเปล่า เธออย่าลืมสิว่าสองสามวันนี้เธอออกจากบ้านแล้ว ช่วงหลังการคลอดของหญิงตั้งครรภ์หากออกจากบ้านจะมีอันตรายสูงมาก”
ซูม่านลีก็เริ่มพูดโน้มน้าวด้วยแล้ว เจียงหยุนเอ๋อสู้พวกเขาไม่ไหว เพื่อที่ให้พวกเขาวางใจ ก็ไปตรวจรอบหนึ่ง
ถึงแม้ว่าหลังจากคลอดแล้วจะไปๆ มาๆ และดูลำบาก แต่ว่าเพื่อที่อาเธอร์จะรีบให้เจียงหยุนเอ๋อช่วยเบ็ตตี้ ดังนั้นจึงให้ฝ่ายการแพทย์ใช้ยาและอาหารที่ดีที่สุด ภายใต้ร่างกายของเธอที่ได้รับยาต่างๆ และอาหารต่างๆ มาเสริมสร้างชดใช้ ก็ถือว่าดีขึ้นไม่น้อยเลย
หลังจากที่ผลตรวจออกมาแล้ว คุณหมอบอกว่าร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้เป็นอะไร แค่รักษาตัวหลังการคลอดต่อก็พอแล้ว
เจียงหยุนเอ๋ออยากจะพูดคุยกับพวกเขาที่ห้องรับแขก แต่ว่าซูม่านลีและโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยังบังคับเธอเข้าไปนอนที่ห้อง
“ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่างกายของเธอจะไม่เป็นอะไรมาก แต่ว่าอยู่ในช่วงหลังการคลอด จะต้องพักผ่อนอยู่บนเตียง ไม่เช่นนั้นบาดแผลของเธอสิ่งเหล่านี้จะแพร่เชื้อได้ง่าย อีกอย่างน้ำคาวปลาของเธอต้องใช้เวลาอีกนานจึงจะสะอาด ช่วงเวลานี้จำเป็นต้องพักผ่อนดีๆ”
ถวนจื่อนอนอยู่ข้างเตียง พูดโน้มน้าวใจไปด้วย “หม่ามี้ต้องพักผ่อนดีๆนะ ผมจะดูและหม่ามี้ที่นี่เอง รอหม่ามี้ร่างกายดีขึ้นหมดแล้ว ถึงจะพาผมออกไปเล่นได้”
“หม่ามี้ หม่ามี้วางใจได้เลย ผมไม่ปล่อยหม่ามี้ไว้ที่นี่คนเดียวแน่นอน ต่อจากนี้ผมจะอยู่กับหม่ามี้ที่นี่ทุกวัน ดีไหมครับ ขอแค่หม่ามี้พักผ่อนอยู่บนเตียงดีๆ”