บทที่ 525 พร้อมหน้าพร้อมตา

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 525 พร้อมหน้าพร้อมตา

ไม่เจ็บก็แย่แล้ว

กู้เจียวเบิกตากว้างพร้อมกับส่ายหัวแล้วเอาหน้าถูแผ่นอกร่างสูง “ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ! ไม่เลยสักนิด!”

ติดเชื้อไม่เท่ากับบาดเจ็บสักหน่อย!

ผมนางไม่ร่วงสักเส้น!

เซียวเหิงจั๊กจี้ที่นางเอาผมมาถูกับอกของเขา เขาสูดหายใจลึก ยื่นมือคว้าหัวไหล่ของร่างเล็กให้อยู่นิ่งๆ

จากนั้นก้มหน้ามองเข้าไปในตาของนาง “ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ นะ”

กู้เจียวเงยหน้าสบตาเขาอย่างกล้าหาญ “ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ !”

นางไม่ยอมรับหรอกว่าตัวเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดตั้งหลายครั้ง ซ้ำยังเกือบถูกแช่แข็งจนกลายเป็นมนุษย์หิมะ ไหนจะไปติดเชื้อโรคระบาดมาอีก

มีหรือที่เขาจะไม่รู้ทันนาง

ต่อให้ฟ้าถล่มก็ไม่รู้สึกละอายหรอก

นางเปลี่ยนเรื่องเร็วขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่ชายแดน

“เจ็บตรงไหน” เซียวเหิงเอ่ยถามตรงๆ

“ไม่ได้เจ็บตรงไหนเลย!” นางไม่หลงกลเขาง่ายๆ หรอก

แน่จริงก็ลองทายมาสิว่านางเกือบถูกแช่แข็งตาย! หรือไม่ก็เกือบตายเพราะโรคระบาด!

เรื่องแบบนี้จะไปทายถูกได้อย่างไรเล่าจริงไหม

ขนาดให้เจ้าตัวทายเองยังทายไม่ถูกเลยถ้าไม่ได้เจอกับตัวจริงๆ

พอกู้เจียวเห็นว่าเขายังไม่เชื่อ ก็ทำท่ากางแขนออกแล้วเอนหลังลงบนเก้าอี้ “ไม่เชื่อก็ลองมาตรวจดูสิ!”

เซียวเหิง “…”

เซียวเหิงจ้องร่างบางเขม็ง ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอนตัวขึ้นมาอยู่เหนือร่างของนาง

เขาประคองที่วางแขนของเก้าอี้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนใช้ร่างสูงของเขากดร่างเล็กลงช้าๆ และใช้มืออีกข้างโอบเอวของนางพร้อมกับกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวนที่ฟังดูอันตราย “เจียวเจียว แน่ใจหรือว่าอยากให้ข้าทำแบบนั้น”

คำว่าเจียวเจียวทำเอาหูของนางแทบละลาย

กู้เจียวจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาที่ขยับเข้าใกล้เรื่อยๆ จนนางรู้สึกได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าวจากตัวเขา ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่ไปถึงเอวของนางผ่านเนื้อผ้า ความรู้สึกหนาวในตอนแรกพลันหายไปและเริ่มร้อนระอุขึ้น

แม้เขาจะไม่ใช่คนแรงเยอะ แต่พอได้เห็นท่วงท่าที่หมายครอบงำของเขาเช่นนี้ ยิ่งเก็บอาการไว้ไม่อยู่

กู้เจียวกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยื่นมือเข้าไปคว้าหมับเข้าที่เอวของร่างใหญ่

“เจียวเจียว…” เขากลั้นหายใจ

ร่างเล็กเอ่ยเสียงอ่อน “เจียวเจียวอยาก…”

“อยากอะไรรึ” เขาเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง

กู้เจียวคว้าเอวของเขาให้กระชับขึ้น จนตอนนี้พวกเขาแทบจะเป็นร่างเดียวกันแล้ว

ฝ่ามือใหญ่ของเซียวเหิงจับเอวบางแน่นขึ้นทันใด เขากอดร่างเนื้อนุ่มของนาง พลางใช้แขนประคองหลัง จากนั้นยกฝ่ามือของเขาโอบหลังศีรษะเพื่อไม่ให้นางออกแรงใดๆ

“เจียวเจียวอยากได้อะไรรึ”

“ทำไมเงียบไปล่ะ”

“เจ้าอายรึ”

เซียวเหิงไม่รอคำตอบของอีกฝ่าย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพบว่าร่างเล็กผล็อยหลับไปในท่าที่กำลังพิงแขนและฝ่ามือของเขา

“…”

ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นเรื่องยากแค่ไหนในการข้ามภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ พอหลังจากออกจากภูเขา นางควบม้าไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน และทุกครั้งที่นางแวะที่สถานีพักม้า นางจะทำการเปลี่ยนม้าตัวใหม่ตลอด ม้าเปลี่ยนได้ก็จริง แต่คนควบเปลี่ยนไม่ได้

กู้เจียวไม่ได้นอนดีๆ มาหลายวันติดต่อกัน

เซียวเหิงอุ้มร่างเล็กและวางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน

แม้กู้เจียวจะอยู่ในสภาพเหนื่อยล้าจนปลุกไม่ตื่นแน่ๆ แต่เขาเลือกที่จะประคองนางด้วยความทะนุถนอม

เซียวเหิงบรรจงถอดรองเท้าและชุดคลุมของนางออก รวมถึงที่คาดผม จากนั้นดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวนาง

เขาจัดมุมผ้าห่มอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจว่ามันสามารถโอบร่างเล็กๆ ไว้อย่างแน่นหนา ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากนางอย่างอ่อนโยน

รุ่งสาง จิ้งคงตื่นขึ้นตามปกติ เขาหันไปข้างๆ และไม่เห็นว่าพี่เขยตัวแสบอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพี่เขยตัวแสบต้องตื่นเร็วกว่าเขาอยู่แล้ว

วันนี้เป็นวันสิ้นปี

น่าเสียดายที่เจียวเจียวกลับมาไม่ทัน เขาทั้งรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและไม่มีกะใจจะสวมเสื้อผ้าตัวใหม่เลยแม้แต่นิด

เจ้าตัวเล็กเดินไปหยิบชุดเก่ามาใส่ จากนั้นเดินกุมขมับเล็กๆ ของเขาออกไปข้างนอก

เขามักจะเดินไปดูที่ห้องของกู้เจียวก่อนจะไปล้างหน้าแปรงฟันเป็นกิจวัตร

เขาเดินเข้าไปในห้องอย่างไร้อารมณ์ เดินวนรอบเตียง จากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินออกไป

เขาหยิบแปรงสีฟันขนาดเล็กที่ทำจากหางม้าขึ้นมา พอได้แปรงฟัน สติของเขาก็เริ่มมา

บนเตียงมีคนนอนอยู่นี่นา!

เจียวเจียว!

“อ๊ากกก!”

จิ้งคงโยนแปรงสีฟันและแก้วทิ้ง รีบพุ่งตัวไปยังห้องนอนของกู้เจียว!

พอมาถึงก็พบว่าทั้งแม่นางเหยา กู้เหยี่ยนและกู้เสี่ยวซุ่นก็อยู่ในห้องแล้ว

อาจไม่แปลกสำหรับเขาที่เห็นแม่นางเหยาและกู้เสี่ยวซุ่นในเวลานี้เพราะสองคนนี้ตื่นเช้าเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ที่แปลกใจสุดคือกู้เหยี่ยน เพราะเขามักจะตื่นสายเสมอ

อาจเป็นเพราะจิตที่เชื่อมถึงกันของคนเป็นแฝด กู้เหยี่ยนตื่นขึ้นตั้งแต่กลางดึกแล้ว จากนั้นเขามานอนที่ข้างๆ กู้เจียว

เมื่อได้กลิ่นลมหายใจของนาง ในที่สุดเขาก็รู้สึกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเองที่ถูกพรากไปได้กลับมาหาเขาแล้ว

“เจียว…”

กู้เหยี่ยนรีบยื่นมือปิดปากเจ้าตัวเล็ก

จิ้งคงมองดูเจียวเจียวที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ร้องอือๆๆ อยู่สักพัก ก่อนจะยอมเงียบลง

แม้เขาจะคิดถึงเจียวเจียวแค่ไหน แต่เขาจะรบกวนนางไม่ได้เด็ดขาด

“พวกเราออกไปกันก่อนเถอะ” แม่นางเหยากระซิบบอกกับทุกคน

พวกเขาพยักหน้า และเดินออกจากห้องมานั่งลงที่ห้องโถง

แม่นมฝางเดินเข้ามาพร้อมสีหน้าที่ดูตื่นเต้น พร้อมเอ่ย “เมื่อครู่นี้ข้าน้อยได้ยินนายน้อยกับท่านจี้จิ่วพูดว่าคุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว จริงหรือเจ้าคะ”

จี้จิ่วเองก็กังวลเรื่องกู้เจียวไม่น้อย พอฟ้าสาง เซียวเหิงรีบแจ้งข่าวนี้ให้แม่นางเหยาก่อน จากนั้นก็เดินไปเล่าให้จี้จิ่วฟัง

แม่นางเหยาไม่สามารถซ่อนความตื่นตันไว้ได้ พลางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วเอ่ยเสียงเบา “กลับมาแล้ว”

“อมิตาพุทธ! สวรรค์เมตตา!” แม่นมฝางพนมมือยกใหญ่

ก่อนที่กู้เจียวออกเดินทางได้ทิ้งจดหมายไว้ให้พวกเขา โดยบอกว่าจะไปทำหน้าที่หมอที่ชายแดน นอกจากเซียวเหิงและกู้เหยี่ยนแล้ว ทุกคนเชื่อกันหมด

แต่กระนั้น ก็ยังอันตรายและน่าเป็นห่วงอยู่ดี

ขนาดคนอย่างเหล่าโหวเหย่ยังถูกจับเป็นตัวประกัน กู้เจียวเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะต้องเจออะไรบ้างนั้นต่างก็เป็นประเด็นที่ทุกคนกังวล

แต่วันนี้ นางกลับมาถึงอย่างปลอดภัยแล้ว ความกังวลทุกอย่างก็เป็นอันคลี่คลายลง

กู้เจียวนอนหลับจนถึงช่วงบ่าย

หลังจากเดินทางเป็นเวลานาน เมื่อนางลืมตาขึ้นกลับรู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง จนเผลอคิดไปว่าตัวเองเดินทางข้ามเวลาอีกแล้วหรือ ไม่อย่างนั้นจะตื่นขึ้นมาในสถานที่อันอบอุ่นเช่นนี้ได้อย่างไร

จากนั้น กู้เจียวก็เห็นหัวเล็กๆ ยื่นเข้ามาจากช่องประตู “…”

มีทั้งหัวของจิ้งคง กู้เสี่ยวซุ่น กู้เหยี่ยน และทารกน้อยอายุสามเดือน

กู้เหยี่ยนรับหน้าที่อุ้มเจ้าตัวเล็ก ดวงตากลมโตที่เหมือนกับเม็ดองุ่นกำลังกลอกไปมาพร้อมกับดูดนิ้วของตัวเอง

ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงดูดนิ้วของเขา

กู้เจียว “…”

นางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

แววตาของจิ้งคงส่องระยิบระยับ เขาผลักประตูออกและเป็นคนแรกที่รีบวิ่งไปที่เตียง “เจียวเจียวตื่นแล้ว!”

“เจียวเจียวยังไม่ตื่น นอนอยู่เนี่ยเห็นไหม” กู้เหยี่ยนประชด

เจ้าเด็กบ้า วิ่งเร็วชะมัด!

เหอะ!

จิ้งคงสะบัดก้นไม่สนใจกู้เหยี่ยน เจียวเจียวกลับมาแล้ว เขาจะคุยกับเจียวเจียวแค่คนเดียว!

จิ้งคงพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของกู้เจียว และส่ายหัวเล็กน้อยอย่างออดอ้อน “เจียวเจียว คิดถึงจังเลย! คิดถึงมากๆ เลยล่ะ!”

เดิมทีเขาแค่อยากจะเข้ามาอ้อน แต่จมูกของเขาเริ่มรู้สึกแสบพร้อมกับรู้สึกน้อยใจ

เขาไม่ได้เห็นหน้าเจียวเจียวมาหลายวันจนเขารู้สึกเสียชาติเกิด!

สามเดือนที่ผ่านมาเขารู้สึกอยากให้ตัวเองไปเกิดใหม่เสียเหลือเกิน !

“ผมของเจ้างอกแล้ว” กู้เจียวเอ่ย

ตอนแรกผมของเขาขึ้นแค่นิดเดียวอยู่เลย แต่ตอนนี้ผมของเขากลายเป็นทรงหัวเห็ดแล้ว สงสัยปีใหม่นี้คงได้ตัดผมให้เจ้าตัวเล็กเสียแล้วล่ะ

“อื้อ” เซียวจิ่งคงตอบอย่างน้อยใจ ตอนนี้เขาไม่ต้องการพูดถึงผมของเขา “เจียวเจียว ทีหลังอย่าลืมพาข้าไปด้วยล่ะ ครั้งต่อไปที่ออกไปข้างนอก ข้าจะไปด้วย”

“เจ้าคิดว่าเด็กตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะไปที่แบบนั้นได้รึไง” กู้เหยี่ยนเดินเข้ามาค้อนขณะกำลังอุ้มทารกน้อยในอ้อมอก

กู้เหยี่ยนชอบนักที่ได้ต่อปากต่อคำกับเจ้าเปี๊ยกนี่ “ต่อให้เจ้าโตแล้ว ก็ไปไม่ได้อยู่ดี ตรงนั้นมีแต่สงคราม อันตรายมาก บัณฑิตอ่อนแอเช่นเจ้าอยู่แค่ในเมืองหลวงไปก็พอ”

ประโยคนี้ของเขาทำให้จิ้งคงเงียบได้สำเร็จ

กู้เหยี่ยนที่กำลังรู้สึกพึงพอใจที่เถียงชนะจู่ๆ ก็ถูกคำถามเสียงเศร้าของจิ้งคงขัดจังหวะ “แปลว่า เจียวเจียวไปในที่ๆ อันตรายมากเลยอย่างนั้นหรือ”

เขายังเด็ก และทุกคนในเรือนตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกเขาเรื่องที่กู้เจียวไปสนามรบ

พวกเขาแค่บอกกับจิ้งคงว่ากู้เจียวไปชายแดน กู้เจียวเองก็ระบุไว้ในจดหมายแบบนั้นเช่นกัน

จิ้งคงยังนึกว่ากู้เจียวต้องออกไปรักษานอกสถานที่ไกลๆ เสียอีก

กู้เหยี่ยนที่เผลอหลุดปากก็รีบกระแอมกลบเกลื่อน “เอาละ เอาละ ในเมื่อเจียวเจียวกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลอีกต่อไป”

พูดอย่างกับตัวเองไม่กังวลยังไงยังงั้น

“เจียวเจียว” จิ้งคงมองกู้เจียวด้วยแววตาขรึม

“หืม” กู้เจียวมึนงงเล็กน้อยกับปฏิกิริยากะทันหันนี้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าตัวเล็กกำลังหวาดกลัวอยู่หรือเปล่า สงครามฟังดูเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับเด็กน้อยแบบเขา

ขณะที่นางกำลังจะยื่นมือไปลูบหัวเล็กๆ ของเขาอย่างมั่นใจ และบอกเขาว่านางสบายดี เหมือนกับที่กู้เหยี่ยนพูดว่าไม่ต้องกังวล

แต่เจ้าตัวเล็กกลับพูดอย่างจริงจัง “เจียวเจียว อย่าไปสถานที่อันตรายแบบนั้นอีกนะ

หากจำเป็นต้องไป

เขาจะไปแทนเอง

และถ้าต้องต่อสู้

เขาจะสู้แทนเอง!”