ตอนที่ 661 เมื่อตัดสินใจแล้ว ใครก็ยากจะเปลี่ยน
“หากข้ามียาอายุวัฒนะ ยังต้องแอบให้พี่เขยเจ้ากินลับหลังด้วยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่น้องชายแล้วใช้เท้าสะกิดหลานชายเบา ๆ เพื่อให้เขาไปฝึกวิชาต่อสู้ อย่าแอบอู้ “ที่พวกเจ้าดูแก่ เพราะการกระทำของตัวเองทั้งนั้น ใครใช้ให้พวกเจ้าทำงานทั้งวันทั้งคืน ? ไม่รู้จักจัดสรรเวลาให้ถูกต้อง นอนดึกทำให้แก่ง่ายที่สุด…ทำไม ? เจ้าเองก็มาพูดโน้มน้าวเหมือนกันหรือ ? ”
หลินจื่อถิงหัวเราะ “พี่รอง ท่านก็อย่าตำหนิบุตรทั้งสองคนของข้าว่าเข้ามายุ่งวุ่นวายเลย ท่านไม่คิดบ้างว่าตนกับพี่เขยรองอายุเท่านี้แล้ว ยังจะไป ‘ฮันนีมูน’ อะไรนั่นอีก ? ถ้าระหว่างเดินทางเกิดล้มป่วย…จะไม่ให้น้องชายและพวกเด็ก ๆ ห่วงได้อย่างไร ? ”
“ใช่เจ้าค่ะ ! ท่านแม่ ท่านอย่าทรมานท่านพ่อเลย ! ” เจียงรั่วเยียนหรือเสี่ยวหมี่ลี่บุตรสาวคนโตของหลินเว่ยเว่ย ตั้งแต่รู้แผนการของอาวุโสทั้งสองแล้ว นางก็กลับบ้านมารดาแทบทุกวัน เฮ้อ ! มารดาคนนี้ของนางอยากจะไปก็ไปทันที ท่านพ่อก็เป็นพวกตามใจภรรยา ไม่ว่าอะไรก็ตามใจท่านแม่ นี่ก็…ไม่ได้ทำเพราะความฝันอยากออกไปท่องเที่ยวทั่วหล้าของท่านแม่จนแม้แต่โฉวฝู่ก็ไม่เป็นแล้วหรือ !
“ใครบอกว่าท่านแม่ของเจ้าทรมานพ่อ ? ออกไปท่องโลกนั้นเป็นความฝันของพ่อ ส่วนแม่เจ้าก็แค่ตามไปเป็นเพื่อนเท่านั้น ! ” เมื่อไม่มีภาระงานใด ๆ แล้ว เจียงโม่หานก็เดินได้เร็วราวกับติดปีก
เจียงรั่วเยียนมุ่ยปาก “ท่านพ่อ ท่านเลิกพูดแทนท่านแม่เถิดเจ้าค่ะ ! ใครก็บอกว่าอยู่บ้านสบาย ออกนอกบ้านลำบากกันทั้งนั้น แล้วท่านจะให้ลูกวางใจได้อย่างไรเจ้าคะ ? ”
เจียงโม่หานให้บ่าวขับรถม้าแบบพิเศษเข้ามา มันเป็นรถม้าที่เขาปรับปรุงให้กลายเป็นรถม้าที่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม ยางที่เคลือบล้อไว้ถูกซื้อมาจากหนานหยาง (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ผ่านกรมการค้า วงล้อทำด้วยเหล็ก เป็นของที่กรมโยธาธิการพัฒนาขึ้นมาใหม่…ล้อแบบนี้ช่วยลดแรงกระแทก ทนทานและทุ่นแรงที่สัตว์ต้องใช้ ตัวรถก็เป็นเหมือนห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นเยอะ…
“พอแล้ว พอแล้ว ! เจ้าเพิ่งอายุเท่าไรก็ทำตัวเป็นป้าแก่ขี้บ่นแล้วหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยขัดคำพูดของบุตรสาว “แม่ตัดสินใจแล้ว ใครก็ยากจะเปลี่ยน ! ”
ในเช้าของฤดูใบไม้ผลิอันแสนอบอุ่น อดีตเจียงโฉวฝู่อยู่ในชุดผ้าฝ้ายธรรมดาและกำลังขับรถม้าพาคู่ชีวิตออกไปท่องเที่ยว น้องชายทั้งสองของหลินเว่ยเว่ย บุตรสาวคนโตและบุตรชายคนรองก็พาหลาน ๆ มาส่งสองสามีภรรยาเฒ่าคู่นี้ด้วยความเหนื่อยใจและกังวล
เจียงรั่วเยียนกำชับองครักษ์ในจวนว่าจะต้องคุ้มครองนายท่านและนายหญิงให้ดี จากนั้นยังสั่งคนขับรถม้าอีกว่าหากท่านพ่อขับรถเหนื่อยแล้วก็รีบเข้าไปเปลี่ยน อย่าปล่อยให้เขาเหนื่อยมากเกินไป…
เจียงโม่หานและหลินเว่ยเว่ยสองสามีภรรยากำลังเดินทางลงใต้ ทุกครั้งที่ไปถึงหัวเมืองใดก็ตาม พวกนางมักจะซื้อผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่นหรือพวกของฝากแล้วส่งกลับเมืองหลวง มีของคนทั้งครอบครัว แม้แต่ตำหนักหมินอ๋องและจวนสกุลหลินก็มีด้วย บางครั้งฮ่องเต้จิ่งหมิงที่อยู่ในวังก็ได้รับของขวัญเช่นกัน
ฮ่องเต้จิ่งหมิง “…” นี่กำลังอยากอวดพระองค์แน่นอน ! ! สองสามีภรรยาคู่นี้เกิดมาเพื่อทำให้พระองค์มีโทสะ ! !
หลินเว่ยเว่ยเดินทางพร้อมชิมอาหารทุกอย่างที่ขวางหน้า นางเขียนถึงอาหารเลิศรสทั่วหล้า แน่นอนว่านางแค่รับผิดชอบในการร่างเท่านั้น ส่วนเรื่องวาดภาพหรือเขียนบรรยายล้วนมีสามีที่วาดภาพเก่งและเขียนบทความได้ดีผู้นี้ลงมือ
ทุกครั้งที่ไปถึงจุดชมวิว พวกนางจะหยุดพักตรงนั้นหลายวัน หลินเว่ยเว่ยขึ้นเขาลงห้วยเป็นเพื่อนสามี กำลังขาและพละกำลังของสองสามีภรรยาคู่นี้ทำให้องครักษ์หนุ่มและสาวใช้ตามไม่ทัน เมื่อเหนื่อยแล้วพวกนางก็หยุดพัก หลินเว่ยเว่ยหยิบกระบอกน้ำออกมา หลังดื่มน้ำแล้วพละกำลังก็กลับมาอีกครั้ง
เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะมองกระบอกน้ำของนาง เหมือนด้านในจะมีน้ำที่ดื่มแล้วไม่มีวันหมด ทำให้เขาสงสัยว่ากระบอกน้ำเป็นเหมือนหีบมหาสมบัติ หลินเว่ยเว่ยเหลือบมองด้วยรอยยิ้ม นางยื่นกระบอกน้ำให้เขาเพื่อให้พลิกดูตามใจชอบ
หืม ? ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ? เหมือนกระบอกน้ำที่สามารถหาซื้อได้ตามข้างทาง ? เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะเบนสายตาไปยังตัวของภรรยา
หลินเว่ยเว่ยหัวเราะพลางขยับเข้าไปใกล้เขาแล้วใช้โอกาสตอนที่ร่างกายของทั้งสองติดกัน หยิบแอปเปิลผลใหญ่ออกมาหนึ่งผล “กินสิ เสริมสร้างวิตามินหน่อย ! ”
ช่วงหลายวันมานี้พวกนางเดินทางตลอด ผักที่นำมาด้วยจึงหมดนานแล้ว แต่ข้างกายมีพวกสาวใช้และองครักษ์อยู่ด้วยตลอด นางจึงหาจังหวะนำผักจากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณออกมาเติมไม่ได้ นางจึงกินอะไรไม่สะดวกสบายเหมือนก่อน
เจียงโม่หานรับแอปเปิลมาถือไว้…นี่คือแอปเปิลที่เพิ่งเด็ดมาจากต้น แต่…เหตุใดถึงมีแอปเปิลสดใหม่ในฤดูกาลนี้ ?
“รีบกิน รีบกิน ! อย่าให้คนอื่นเห็น ! ” หลินเว่ยเว่ยหยิบองุ่นออกมาหนึ่งพวงแล้วใช้แขนเสื้อป้องปากไว้ นางหยิบองุ่นเข้าปากเหมือนหนูแฮมสเตอร์ สายตายังจ้องพวกข้ารับใช้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลด้วย
เจียงโม่หานจับแขนเสื้อนาง จากนั้นก็เริ่มพลิกดูมือของนางราวกับว่ามันมีอะไร หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม ดวงตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์…ตรงหางตามีรอยตีนกาขึ้นแล้ว แต่ท่าทางกลับดูเจ้าเล่ห์และไร้เดียงสาเหมือนตอนยังเป็นสาวน้อยไม่มีผิด
เจียงโม่หานกัดแอปเปิล…ผลไม้ฉ่ำน้ำมาก อร่อยยิ่งกว่าของที่ซื้อได้จากตลาดหรือผลไม้ในไร่เสียอีก เขาเริ่มย้อนนึกถึงช่วงหลายปีนี้ ผลไม้ที่บ้านพวกตนรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็รสชาติสุดยอดทั้งนั้น เป็นของที่หาซื้อไม่ได้จากข้างนอก…
“คืออย่างไรกันแน่ ? ในเมื่อวันนี้เจ้ายอมเปิดเผยแล้วก็หมายความว่ายอมเปิดใจคุยกับข้าแล้วใช่หรือไม่ ? ” เจียงโม่หานสังเกตเห็นในบางครั้ง แต่นางไม่พูดและเขาเองก็ไม่ถาม
หลินเว่ยเว่ยเข้าไปซบไหล่เขาแล้วป้อนองุ่นให้เขา ก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “ข้ามีห้วงมิติประหลาดชนิดหนึ่ง ด้านในมีแอ่งน้ำพุวิญญาณตั้งอยู่ สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ พอดื่มไปนาน ๆ ก็จะไม่ป่วย ตอนแรกพื้นที่ด้านในปลูกพืชผลไว้แค่ 5 หมู่เท่านั้น ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นร้อยหมู่ พันหมู่…ถ้าใช้น้ำพุวิญญาณรด ผลไม้ก็จะลูกดกและรสชาติดี…”
เจียงโม่หานเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น “ดังนั้น…เมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิตสูงที่เจ้าไปพบโดยบังเอิญ ความจริงมาจากห้วงมิติประหลาดนั่นของเจ้า ? ”
หลินเว่ยเว่ยกลอกตาใส่เขา “ตอนแรกก็เป็นแบบนั้น เพราะเมล็ดพันธุ์ของโลกนี้ให้ผลผลิตแย่มาก ! แต่เมล็ดพันธุ์จากมิติน้ำพุวิญญาณในแรกเริ่มไม่ค่อยมีความเสถียร หลังผ่านไปสามรุ่นแล้วถึงจะให้ผลผลิตที่เสถียรดังเดิม ข้าจึงคิดว่าจะเอาแต่พึ่งพาเมล็ดพันธุ์จากห้วงมิติน้ำพุวิญญาณไม่ได้ อย่างไรต้องคำนึงถึงพวกลูกหลานบ้าง ดังนั้น 20 กว่าปีมานี้ข้าจึงวิจัยและปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ในไร่มาโดยตลอด…แล้วมันก็สำเร็จด้วยล่ะ ! ”
พอพูดถึงตรงนี้แล้วแววตาของนางก็เผยความภาคภูมิใจออกมา…ในที่สุดเมล็ดพันธุ์ให้ผลผลิต 1,000 ชั่งต่อหมู่ของนางก็เป็นจริง การวิจัยในโลกยุคโบราณนี้ลำบากสุด ๆ ! แต่พวกลูกศิษย์และศิษย์หลานของนางยังคงวิจัยข้าวพันธุ์ผสมกันต่อไป โดยหวังว่าจะสร้างเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ผสมชนิดใหม่ขึ้นมาแล้วทำให้ผลผลิตของข้าวขาวสูงขึ้นกว่าเดิม !
เจียงโม่หานจับผมของนางไปทัดข้างหูให้แล้วลูบเส้นผมอันยาวสลวยของนาง “สิ่งที่เจ้าทำให้ต้าเซี่ยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ทุกคนย่อมรู้ดีว่าเจ้าทำอะไร ราษฎรต่างจดจำ ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็จะมีชื่อของเจ้าอยู่เช่นกัน”