บทที่ 657 แล้วเจ้าเคยคิดจะอยู่ไหม
บทที่ 657 แล้วเจ้าเคยคิดจะอยู่ไหม
วันนี้ที่ซวีจ้าวพูดมากเช่นนี้ ความจริงแล้วเป็นเพราะเชื่อมั่นในปฏิกิริยาตอบสนองของเหยาเอ้อหลางด้วยจิตใต้สำนึก มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางให้ตัวเองเมาแอ๋ต่อหน้าเหยาเอ้อหลางแน่นอน
บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยสิ่งใด แค่การกระทำง่าย ๆ อย่างหนึ่งก็สามารถเข้าใจว่าผู้อื่นคิดสิ่งใดในใจ
แม้ว่าเหยาเอ้อหลางจะยังเข้าไม่ถึงโลกของเหยาเฉา แต่ครั้นต้องเผชิญหน้ากับคนที่มีจิตใจเบิกบานอย่างซวีจ้าว เขาสามารถรับมือได้
“แล้วเจ้าเคยคิดจะอยู่ไหม?”
“ไม่ได้ ข้าชินกับการอยู่ในค่ายทหารมาตั้งแต่เด็ก ได้กลับเมืองหลวงบ้างก็ถือว่าเป็นการปรับตัวอย่างหนึ่ง แต่ถ้าจะให้อยู่ในเมืองตลอด ข้าไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำสิ่งใด ไม่อยากมีสัมพันธ์กับผู้คนมากมายเหล่านั้น อยู่ในค่ายทหารก็ดี ไม่ต้องคิดสิ่งใด แค่รบให้เต็มที่ก็พอ”
“ที่เจ้าพูดก็ถูก ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว”
ครั้นได้ยินคำพูดของเหยาเอ้อหลาง แม้ว่าจะเมามากแล้ว แต่ยังชำเลืองมองเขาโดยไม่รู้ตัว คล้ายกับไม่เข้าใจคำพูดของเขา
“เอาล่ะ เจ้าเมาแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้า” ขณะกล่าว เหยาเอ้อหลางกำลังจะเข้าไปช่วยประคองซวีจ้าว แต่ยังไม่ทันแตะตัวซวีจ้าวก็ถูกเขาหลบเลี่ยงเสียก่อน
“ไม่กลับ” ซวีจ้าวลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้ามุม ดวงตาคู่นั้นจับจ้องที่เหยาเอ้อหลางอย่างไม่ลดละ จ้องมองด้วยสายตามาดมั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะเหยาเอ้อหลางเคยเห็นความโหดเหี้ยมในขณะที่ซวีจ้าวไต่สวนนักโทษมาก่อน เขาคงไม่สามารถสานสัมพันธ์กับซวีจ้าวในตอนนั้นเหมือนกับซวีจ้าวที่อยู่ต่อหน้าตัวเองเช่นนี้ได้
“แล้วจะทำอย่างไร?”
“ดื่มสุรา ข้าไม่ได้ดื่มสุรานานมากแล้ว” ซวีจ้าวมองสุราบนโต๊ะพลางเอ่ย
“เจ้าดื่มมันแล้วไม่ใช่รึ?”
“ดื่มไม่เยอะ”
“งั้นเจ้าก็ดื่มเถอะ” เหยาเอ้อหลางไม่ใช่คนผัดวันประกันพรุ่งแต่อย่างใด ในเมื่อซวีจ้าวดื่มไม่เยอะงั้นก็ให้เขาดื่มไป ให้เขาดื่มจนพอใจแล้วค่อยกลับ
ดังนั้นเหยาเอ้อหลางจึงกลับมานั่งที่นั่งตัวเอง ส่วนซวีจ้าวมองเหยาเอ้อหลาง พบว่าเขาไม่มีท่าทีจะพาเขากลับแต่อย่างใด จึงเดินโซซัดโซเซกลับไปนั่ง จากนั้นก็หยิบจอกสุราบนโต๊ะขึ้นดื่มต่อ
ครั้นเห็นซวีจ้าวที่เมาแอ๋ยังคงระแวดระวัง เหยาเอ้อหลางไม่รู้ว่าควรชื่นชมในปฏิกิริยาตอบสนองโดยสัญชาตญาณของเขาหรือควรบอกให้เขาระแวดระวังตัวดี
เวลาต่อมา ซวีจ้าวก็ยกสุรากรอกปากตัวเองจอกแล้วจอกเล่า ส่วนเหยาเอ้อหลางก็นั่งมองอยู่ข้างกาย เขาคาดไม่ถึงว่าวันนี้จะเสียการควบคุม ทั้งยังเป็นกังวลว่าถ้าตัวเองพาตัวซวีจ้าวที่เมามายไร้สติกลับจวนหลินอีก ประเดี๋ยวจะบอกกล่าวกับเหยาซูว่าอย่างไร
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ ซวีจ้าวล้มฟุบไปกับโต๊ะสำเร็จ ส่วนเหยาเอ้อหลางเห็นว่าได้ที่แล้ว จึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์มาคิดเงิน จากนั้นก็ดึงตัวซวีจ้าว ประคองเขากลับจวนหลิน
“¥%¥%&” ยามเมาซวีจ้าวไม่ได้เอะอะโวยวายเหมือนกับผู้อื่น แต่กลับเงียบเชียบ
เขามักจะพูดในสิ่งที่เหยาเอ้อหลางไม่เข้าใจอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เหยาเอ้อหลางคิดจะถามเขา ซวีจ้าวก็หยุดชะงักลง ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าซวีจ้าวไม่มีทางแกล้งเมา เกรงว่าเหยาเอ้อหลางคงสงสัยว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้งแล้วแน่นอน
“อะไรนะ?”
“…”
“ซวีจ้าว ต่อไปข้าไม่กล้าเรียกเจ้ามาดื่มหนักเพียงนี้แล้ว”
“เหอะ ๆ ต้องเรียก” ดูเหมือนจะได้ยินคำพูดของเหยาเอ้อหลาง ซวีจ้าวจึงตอบกลับด้วยความลำบาก
“ข้าหาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ” ครั้นรู้ว่าตอนนี้ซวีจ้าวไม่ได้สนใจตัวเอง แต่ก็ยังโอบกอดซวีจ้าวอย่างน้อมรับชะตากรรม เดินตรงไปยังจวนหลินทีละก้าว ๆ
ในที่สุดก็มาถึงจวนหลิน บ่าวรับใช้หน้าประตูจำเหยาเอ้อหลางได้จึงรีบยื่นมือเข้าไปช่วยเหยาเอ้อหลางทันที ปรากฏว่าไม่ทันรอให้บ่าวรับใช้เหล่านั้นเข้าใกล้ ซวีจ้าวก็จับอีกฝ่ายล้มคว่ำไปกับพื้น จนเหยาเอ้อหลางตื่นตกใจ
เขาไม่รู้ว่าซวีจ้าวจะมีนิสัยเช่นนี้ จึงรีบประคองซวีจ้าวรุดขึ้นหน้า จากนั้นก็เอยกับบ่าวรับใช้ว่า “พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรขอรับ ไม่ทราบว่าคุณชายซวีจ้าวเป็นอะไร?” บ่าวรับใช้ตอบคำถามของเหยาเอ้อหลาง พลางตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นอย่างหมาจนตรอก โชคดีที่ซวีจ้าวไม่ได้ใช้พลังลมปราณ มิเช่นนั้นบ่าวรับใช้เหล่านี้ไม่มีทางตะเกียกตะกายลึกขึ้นง่ายดายเช่นนี้
“คงดื่มหนักไปหน่อย ไม่เป็นไร ว่าแต่ท่านอาอยู่เรือนหรือไม่?”
“ฮูหยินอยู่ขอรับ คุณชายเหยาต้องการพบฮูหยินหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่ต้อง อย่าบอกเรื่องนี้กับท่านอา เข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ” แม้จะไม่รู้ว่าเขาจะทำสิ่งใด แต่ในเมื่อเหยาเอ้อหลางสั่งเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องทำตามโดยธรรมชาติ
“แล้วพวกเจ้าต้องทำเหมือนไม่เคยเจอเรา”
“คุณชายเหยาเดินช้า ๆ ขอรับ” ครั้นเห็นเหยาเอ้อหลางประคองซวีจ้าวเข้าไป บ่าวรับใช้ก็เกิดความสงสัยในใจ
พวกเขาไม่เคนเห็นคุณชายซวีดื่มหนักเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ทำไมถึงได้ดื่มหนักเพียงนี้ ไม่ต้องเชิญหมอมาจัดยาสร่างเมาให้สักหน่อยจริง ๆ หรือ?
เหยาเอ้อหลางค่อย ๆ ประคองซวีจ้าวมาถึงจวนที่พัก เพราะซวีจ้าวไม่ชอบมีคนรับใช้ ดังนั้นเหยาซูจึงไม่ได้จัดเตรียมสาวใช้มาให้เขาโดยพลการ เรื่องนี้ทำให้เหยาเอ้อหลางจัดการได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ครั้นวางซวีจ้าวลงบนเตียง ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเขา เหยาเอ้อหลางมองห้องที่แทบจะวางเปล่าของซวีจ้าว ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้จักนิสัยของอาตัวเอง เกรงว่าต้องเกิดความสงสัยแน่ว่าอาละเลยซวีจ้าว แต่เขารู้แก่ใจดีว่าซวีจ้าวจัดการเอง
บางทีอาจเพราะเขาเคยชินกับการอยู่ในค่ายทหารมานาน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มักรักษาสถานที่ให้สะอาดอยู่เสมอ วางแค่ของที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อจะกลับได้ทุกเมื่อ
แม้ว่าจะไม่สำรวจห้องของซวีจ้าวอย่างละเอียด แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการหาผ้าเช็ดหน้าที่เหยาเอ้อหลางจำเป็นต้องใช้แต่อย่างใด ทั้งยังออกไปตักน้ำอ่างหนึ่งให้ซวีจ้าวด้วย
ใช้มือบิดผ้าเช็ดหน้าจนหมาด จากนั้นก็เช็ดหน้าให้ซวีจ้าวอย่างแผ่วเบา เหยาเอ้อหลางอดทอดถอนใจไม่ได้ กับผู้เป็นพ่อยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ตอนนี้ซวีจ้าวกลับได้รับมัน
หลังจากจัดการซวีจ้าวเรียบร้อย เหยาเอ้อหลางก็เข้าไปต้มน้ำแกงสร่างเมาชามหนึ่งในครัวของจวนหลิน
หลังจากกลับเข้าห้องก็กรอกน้ำแกงสร่างเมาใส่ปากของซวีจ้าว จึงจะกลับอย่างวางใจ
เขาเห็นซวีจ้าวนอนหลับไม่ได้สติเพราะเมาแอ๋เช่นนี้เป็นครั้งแรก เหมือนนิสัยของเขาก็ไม่ปาน ไม่ชอบให้เป็นห่วง
“ซวีจ้าว ข้าพาเจ้ากลับมาส่งถึงห้องแล้วค่อยกลับ เจ้าอย่ากล่าวหาว่าข้าไม่สนใจเชียวนะ เอาล่ะ ในเมื่อเมาหนักก็พักผ่อนเถอะ ข้าขอตัว”
ซวีจ้าวที่หลับอยู่บนเตียงไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น จึงไม่มีการตอบสนองกลับมาโดยธรรมชาติ
หลังจากเดินพ้นห้องได้ไม่นาน เขาก็เห็นเหยาซูยืนอยู่ข้างนอก เหยาเอ้อหลางรู้ทันทีว่าเรื่องที่ตนพาซวีจ้าวออกไปดื่มสุราถูกจับได้แล้ว ครั้นเห็นอาของตัวเองจึงไม่สบายใจอยู่ภายใน
จริง ๆ เลย แม้ว่าท่านอาจะไม่เคยเข้มงวดกับตน แต่นางก็มีความน่าเกรงขามอย่างหนึ่ง ทำให้เหยาเอ้อหลางเคารพนางและไม่กล้ากำเริบเสิบสานมากในเวลาเดียวกัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เรือจะแล่นอีกแล้วหรือคะ??
ไหหม่า(海馬)