บทที่ 711 จดหมายจากฮูหยิน

เว่ยฉิงเข้าไปในรถม้า เมื่อเด็กหนุ่มบนรถม้าเห็นใบหน้าของเว่ยฉิงดวงตาของเขาก็พลันสว่างขึ้น

จ้าวจิ่งซวนรีบเร่งเดินทางมานาน ระหว่างทางคนที่พาเขามาล้วนมีสีหน้าเย็นชา แม้อยากจะชวนคุยมากเพียงใดอีกฝ่ายกลับตอบว่า ใช่,อืม ,โอ้ เท่านั้น จ้าวจิ่งซวนอึดอัดมาตลอด เด็กช่างพูดคนหนึ่งต้องถูกบังคับให้สงบปากสงบคำ

เว่ยฉิงเป็นคนคุ้นเคยคนแรกที่เขาได้เจอในช่วงเวลาสิบวันที่ผ่านมา จ้าวจิ่งซวนมีเรื่องมากมายที่อยากพูด เขาอยากเล่าถึงสิ่งที่ได้เห็นระหว่างทางตลอดจนความทุกข์และคับข้องใจ โดยหวังจะให้คนตรงหน้าปลอบโยน จ้าวจิ่งซวนอยากจะทำตัวประหนึ่งเด็กน้อยที่ต้องการจะอ้อนต่อผู้อาวุโส แต่เว่ยฉิงจับเสื้อที่หน้าอกของเขา

“ภรรยาข้าได้ฝากสิ่งของมากับเจ้าหรือไม่? ”

“…..”

จ้าวจิ่งซวนทำได้แต่เพียงหยิบจดหมายออกมาจากอ้อมแขนของเขาแล้วมอบให้เว่ยฉิง

จดหมายจากฮูหยิน!!

เว่ยฉิงรีบเปิดจดหมายข้างในอ่านผ่านแสงสลัวๆ เขาตื่นเต้นจนอธิบายไม่ได้ที่ได้เห็นถ้อยคำที่คุ้นเคยของภรรยา ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามข้อความบนจดหมายช้าๆ จินตนาการถึงใบหน้าของถังหลี่ยามที่เขียนจดหมายฉบับนี้ เขารู้สึกแสบจมูกจนอยากจะหลั่งน้ำตาออกมา

ทันใดนั้นเว่ยฉิงก็เงยหน้ามองจ้าวจิ่งซวน

เด็กหนุ่มตัวแข็ง เริ่มสนใจเขาแล้วใช่หรือไม่?

“เจ้าช่วยถือไข่มุกราตรีให้ข้าหน่อย ข้าจะได้อ่านมันชัดๆ” เขายื่นไข่มุกราตรีให้จ้าวจิ่งซวน เด็กหนุ่มได้ฟังก็พูดไม่ออก หยิบไข่มุกเม็ดนั้นมาส่องจดหมายให้แก่เว่ยฉิง

เว่ยฉิงอ่านจดหมายฉบับนั้นซ้ำไปซ้ำมา

“ภรรยาข้า…”

“เรื่องนี้ยาวมากเลย เริ่มมาจากตอนที่ข้าโดนไล่ล่า ข้าตกลงไปในแม่น้ำและลอยตามน้ำไป จนพบกับหมู่บ้านของเผ่าโบราณ ข้าได้รับการช่วยเหลือจากคนในเผ่านั้น คนที่ช่วยข้าเป็นเด็กสาวที่ดีมาก…” จ้าวจิ่งซวนกระแอมไอเขาเริ่มเล่าแบบช้าๆ

“เข้าประเด็นสำคัญเลย” เว่ยฉิงกล่าว

แล้วเรื่องของเขาไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรือ?

ภายใต้สายตากดดันของเว่ยฉิง เขาจึงเล่าพุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญเท่านั้นว่า แท้จริงแล้วหวังหยูเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าโบราณอู๋ซาน เหยาเจี๋ยได้สังหารอาจารย์ของเขาอย่างโหดร้าย และกลายเป็นพ่อมดศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองเผ่าอู๋ซานแทน หวังหยูต้องการเดินทางไปยังเมืองเยว่เฉิงเพื่อเปิดโปงเหยาเจี๋ย ถังหลี่กับซานเป่าไม่อยากให้เขาเดินทางไปตามลำพังแต่ผู้เดียว จึงได้ร่วมเดินทางไปยังเมืองเยว่เฉิงด้วย

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เว่ยฉิงเริ่มกังวลมากขึ้น เขามีลางสังหรณ์ว่าภรรยาและซานเป่าจะต้องเข้าไปในอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของเผ่าอู๋ซาน สถานการณ์จะเหมือนกับเอาไข่ไปปาใส่หินไม่มีผิด

ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอันตรายกับพวกนางหรือไม่? เขาได้แต่หวังว่าโชคของถังหลี่จะทำให้นางและซานเป่ากลับร้ายให้กลายเป็นดีได้ เว่ยฉิงกังวลมาก เขาสวดภาวนาในใจเงียบๆ พร้อมอ่านจดหมายอีกสองสามเที่ยว เมื่อรถม้าหยุดลงเว่ยฉิงก็เปิดม่านออก

ถึงแล้ว..

พวกเขาอยู่หน้าจวนสกุลเหลียง

“ลงไป” เว่ยฉิงกล่าว

สกุลเหลียงนั้นจะสามารถปกป้องจ้าวจิ่งซวนให้ปลอดภัยด้วยกำลังทั้งหมดที่พวกเขามี แต่ทว่าเด็กหนุ่มยังไม่ยอมลงจากรถม้า เขามองเว่ยฉิง

“ถังถังและท่านช่วยข้าเอาไว้ หากมีโอกาสข้าจะตอบแทนบุญคุณของพวกท่านแน่นอน”

ใบหน้าของจิ่งซวนจริงจัง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นในสัญญาที่ตนเองได้เอ่ยปากพูดออกมา เว่ยฉิงสบตาจ้าวจิ่งซวน ภรรยาของเขาเดินทางหลายพันลี้เพื่อไปช่วยคนผู้นี้ นางทนไม่ได้ที่เขาจะต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และด้วยน้ำใจของนางในครั้งนี้ นางย่อมอยากให้จ้าวจิ่งซวนให้สัตย์สัญญาว่าจะช่วยล้างมลทินให้กับสกุลเซียวในภายหน้า เว่ยฉิงพยักหน้า

“ตกลง”

เมื่อจ้าวจิ่งซวนลงไปจากรถม้า เว่ยฉิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง

“อย่าพูดถึงเผ่าโบราณมากเกินไปล่ะ” อู๋ซานนั้นเป็นดินแดนของเผ่าโบราณที่ลึกลับ และเพราะความลึกลับไร้ตัวตนถึงได้ปลอดภัย หากโลกภายนอกรู้เรื่องเผ่าอู๋ซานและรู้ว่าในอู๋ซานมีที่ดิน มีผู้คน รวมถึงของล้ำค่า มันจะไปกระตุ้นความโลภของคนภายนอกได้ สงครามจะเกิดขึ้น….

เว่ยฉิงรู้ดีว่าภรรยาของเขาย่อมไม่ต้องการให้อู๋ซานต้องตกอยู่ในอันตรายแน่นอน เว่ยฉิงไม่ใช่คนดี ถังหลี่ต่างหากที่เป็นคนดี เขาตัดสินใจจากมุมมองที่คิดว่าภรรยาของเขาจะเลือกกระทำ เพื่อไม่ให้นางเสียใจ

“ข้าทราบแล้ว” จ้าวจิ่งซวนพยักหน้า นั่นคือบ้านเกิดของอาฮวา เขาจะไม่ยอมให้บ้านเกิดของหญิงสาวต้องตกอยู่ภายใต้สงครามแน่นอน

เด็กหนุ่มลงจากรถม้า เว่ยฉิงแฝงกายอยุู่ในเงามืดมองดูจ้าวจิ่งซวนไปเคาะประตูจวน เสียงงัวเงียของยามหน้าประตูดังขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าใครเป็นผู้มาเยือนก็ตกใจมาก

“องค์ชาย…องค์ชายหก” เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกลัว ดวงตาเบิกกว้างราวกับเห็นผี ขาสั่นเทาไปหมดตอนนี้เขาอยากจะวิ่งหนีมา

“ข้าเป็นคน”

“ท่าน…ท่านยังไม่ตาย” ยามเฝ้าประตูยื่นมือไปแตะที่มือของจ้าวจิ่งซวน มันอุ่น!

ยังมีชีวิต!

“องค์ชายหกกลับมาแล้ว!” ยามเฝ้าประตูตะโกนเสียงดังไปที่ด้านในจวน หลังจากนั้นไม่นานนายท่านเหลียงหรือเหลียงตงที่มีท่าทางสุขุมอยู่เสมอก็รีบออกมาจากจวนในสภาพที่ไม่เรียบร้อยนัก เขาไม่ได้สวมแม้แต่รองเท้า แสดงให้เห็นว่ารีบร้อนมากเพียงใด

บ่าวรับใช้บอกว่าองค์ชายหกกลับมาหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เหตุใดคนที่ตามหาไม่เจอมานาน จู่ๆ จึงมาปรากฏตัวที่จวนสกุลเหลียงได้?!

บ่าวรับใช้สาบานด้วยสัตย์จริง ทำให้เหลียงตงรู้สึกได้ถึงความหวังเล็กๆ ในหัวใจ เป็นไปได้หรือไม่ที่เขาจะกลับมาแล้วจริงๆ

เหลียงตงวิ่งออกมา เขาตกตะลึงไปทันที ภายใต้แสงสลัวของตะเกียงที่แขวนอยู่สามารถมองเห็นได้ว่าเด็กหนุ่มที่ตรงหน้าคือองค์ชายหกจริงๆ

“ท่านลุงรอง” จ้าวจิ่งซวนเรียก

“องค์ชายหก เป็นท่านจริงๆ หรือนี่?”

เหลียงตงวิ่งไปข้างหน้าแล้วกอดจ้าวจิ่งซวนไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

นี่เป็นเรื่องจริง องค์ชายหกกลับมาแล้วจริงๆ เหลียงตงร้องไห้ออกมาเงียบๆ

เมื่อเว่ยฉิงเห็นว่าสองลุงหลานได้พบกันแล้วเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นก่อนจะจากไป

เหลียงตงจับมือของจ้าวจิ่งซวนเดินเข้าไปในจวนเหลียง เขาแตะตัวชายหนุ่มไปมา

“ไม่ใช่ความฝันใช่หรือไม่?”

“ท่านลุงก็ลองหยิกตัวเองสิจะได้รู้ว่าฝันหรือไม่” เหลียงตงบีบไปที่แก้มของจ้าวจิ่งซวน

“โอ๊ย เจ็บนะ!” จ้าวจิ่งซวนร้องขึ้นมา

“เจ็บ แปลว่าไม่ใช่ความฝัน” เขาว่า ทำให้จ้าวจิ่งซวนพูดไม่ออก

“ผิวเจ้าหยาบกร้านขึ้น เจ้าต้องลำบากมากเลยใช่หรือไม่?” เหลียงตงพูดด้วยความลำบากใจ

“ข้าทั้งลุยน้ำ ฟันดาบ ปีนภูเขาและติดคุก” จ้าวจิ่งซวนพูดโอ้อวด เขาเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของตัวเอง แต่หากสังเกตแล้วเขาไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรเลย เช่น สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ หรือใครเป็นคนขังเขาไว้ แต่ทุกอย่างล้วนไม่สำคัญ

แค่เขามีชีวิตก็พอ…

————————————————