ตอนที่ 531 ไม่ต้องห่วง ข้าจะปิดปากให้แน่

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 531 ไม่ต้องห่วง ข้าจะปิดปากให้แน่นเหมือนปิดฝาขวด! (2)

หลี่ฉางโซ่วทำท่าผายมือเชื้อเชิญและนำกลุ่มเทพธิดาเข้าไปในวิหารเทพทะเล ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นผลให้มีข่าวลือเกี่ยวกับ “เรื่องราวความรักของเทพแห่งท้องทะเล” เพิ่มขึ้นแล้วเผยแพร่ออกไปในตลาดอย่างรวดเร็วหลายสิบรูปแบบ…

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วไม่มีเวลาพอจะปฏิรูปวิหารเทพทะเลเป็นครั้งที่หก ซึ่งแน่นอนว่า บรรดามนุษย์ธรรมดายังไม่รู้ว่าราชามังกรได้เข้ามาแทนที่เทพแห่งท้องทะเลแล้ว ทว่านั่นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการสะสมบุญเครื่องสักการะของหลี่ฉางโซ่ว

เมื่อพวกเขามาถึงห้องโถงด้านใน เจ้าภาพและแขกต่างก็นั่งลง ในขณะนั้น ทั่วทั้งห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงเสียงหัวเราะและเสียงสตรีสาวราวฝูงวิหคนกนางแอ่น[1] รวมถึงความสดใสหลากสีสัน

หลี่ฉางโซ่วไม่พูดจาโอภาปราศรัยและกล่าวอย่างจริงจังว่า “สหายเทพธิดาทั้งหลาย ไฉนพวกท่านถึงออกมาจากเกาะเต่าทองเล่า?”

ในขณะนั้น เหล่าเทพธิดาทั้งหมดล้วนปรารถนาจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมา ทว่าลังเลในขณะที่เทพธิดาจินกวงก้มหน้าลงเงียบๆ

“ท่านอาจารย์อา” เทพธิดาหั่วหลิงกล่าวเบาๆ จากนั้นนางก็ฝืนยิ้มให้หลี่ฉางโซ่วและกล่าวว่า “ข้ามาหาท่านครั้งนี้เพราะมีเรื่องอยากขอร้อง…”

“ให้ข้าพูดเถิด” เทพธิดาจินกวงเริ่มเอ่ยกล่าวออกมาก่อน เสียงของนางอ่อนแรงเล็กน้อย

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยนั้นเต็มไปด้วยความกังวลใจขณะที่นางถามเบาๆ ว่า “ก่อนหน้านี้ ศิษย์พี่กงหมิง… เคยมาหาท่านหรือไม่?”

หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที

หลังจากที่ได้พบกับเทพธิดาอวิ๋นเซียวที่ทะเลบูรพาเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนว่า สถานะและอิทธิพลของเขาในสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยจะเพิ่มขึ้นมาก ทว่ามันก็ไร้ประโยชน์ใดๆ…

ยิ่งกว่านั้น เขาก็ไม่ต้องการกรรมมากไปกว่านี้อีก

“แน่นอน” หลี่ฉางโซ่วแย้มยิ้มพลางตอบ “ดูเหมือนว่าพี่กงหมิงจะมีเรื่องกลุ้มใจ และเพื่อให้เขาได้ผ่อนคลาย ข้ายังเชิญเขาไปร่วมงานเลี้ยงผลท้อเซียนในศาลสวรรค์อีกด้วย”

เทพธิดาจินกวงอดจะถามไม่ได้ว่า “เขาลำบากใจมากหรือ?”

หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ในขณะนี้ เขาไม่กล้าใส่ความรู้สึกส่วนตัวใดๆ และทำได้เพียงตอบสนองอย่างเป็นกลางเท่านั้น

จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เขาไม่ได้ลำบากใจมากนัก… อาจกล่าวได้ว่าไม่สบายใจเล็กน้อยที่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด และยังท้อใจเล็กน้อยกับการเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ที่สุดในโลก”

เทพธิดาจินกวงถอนหายใจเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของนางฉายแววขมขื่นออกมาในขณะที่พึมพำเบาๆ ว่า “ข้าสมควรตายจริงๆ ข้าทำให้ศิษย์พี่กงหมิงต้องกลุ้มใจ หากรู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ข้าจะไม่พูดเช่นนั้น ข้าจะไม่รบกวนเขา”

เทพธิดาสองสามคนที่อยู่รอบๆ ต่างปลอบโยนนางทันที โดยบอกไม่ให้นางกล่าวโทษตัวเอง บางทีศิษย์พี่กงหมิงเพียงเป็นคนมั่นคงมากเกินไป

หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออกทันที

ไม่จริง

อาจารย์ลุงจ้าวไม่ได้ชมชอบสตรีน้อยน่ารักและหน้ากลมเช่นเจ้า!

เมื่อมองไปยังเทพธิดาจินกวงที่จุดประกายจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนางออกมาท่ามกลางเสียงโห่ร้องให้กำลังใจของเหล่าเทพธิดาที่อยู่ล้อมรอบกายนาง ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกอับจนหนทางเล็กน้อย

เมื่อมาถึงเรื่องอะไรเยี่ยงนี้ เขาก็กลัวการปลอบโยนจากคนอื่นซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เจ็บสั้นๆ ดีกว่าเจ็บยาวๆ มันจะดีกว่าที่จะจัดการกับความเจ็บปวดอย่างรวดเร็ว

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ไม่ได้เป็นเซียนของสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิม ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรในเรื่องนั้น และได้แต่เพียงฟังอยู่เงียบๆ …

การแต่งงานเป็นกรรมใหญ่หลวงนัก และคำพูดที่เขากล่าวเพื่อสอนบทเรียนให้หลิงเอ๋อร์ในยามนั้น ก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา ดังนั้น แน่นอนว่า เขาจะไม่ไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้

เมื่อเทพธิดาจินกวงเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางก็สว่างวาบขึ้นอีกครั้งขณะที่นางถามเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่ฉางเกิง… ข้าว้าวุ่นใจจริงๆ และไม่รู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไร ท่านคุ้นเคยกับศิษย์พี่กงหมิงมากที่สุด ท่านช่วยข้าดูสิ่งที่ข้าเขียนในจดหมายได้หรือไม่?”

จากนั้นเทพธิดาจินกวงก็ใช้พลังเซียนส่งจดหมายไปให้

หลี่ฉางโซ่วกระแอมไอแล้วกล่าวว่า “จริงๆ แล้ว เมื่อพี่กงหมิงเขียนจดหมายฉบับนี้ ข้าก็อยู่ข้างๆ เรื่องนี้มันยาว ในเวลานั้น พี่กงหมิงเล่าให้ข้าฟังว่าเกิดอันใดขึ้นและเขาหนักใจจนไม่อาจพูดคุยกับเจ้าได้ ดังนั้นข้าจึงแนะนำให้เขาเขียนจดหมายถึงสิ่งที่เขาอยากจะพูด แต่ไม่อาจพูดได้ลงไปในนั้น… ”

เทพธิดาจินกวงอดจะตกตะลึงไม่ได้แล้วพึมพำว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็รำคาญข้าจริงๆ”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน!?!”

ในขณะนั้นเทพธิดาหั่วหลิงก็ลุกขึ้นยืน แล้วคว้าจดหมายออกไปก่อนจะรีบเดินไปหาหลี่ฉางโซ่ว และเปิดจดหมายนั้น

“ท่านอาจารย์อา ท่านลองดูให้ดีๆ สิ!”

หลี่ฉางโซ่วก็มองดูอย่างระมัดระวังๆ และเต็มไปด้วยความสงสัยในใจ

ถ้อยคำที่แสดงออกมานั้น มีอันใดผิดปกติไปหรือไม่? เขาปฏิเสธนางอย่างอย่างสุภาพแนบเนียนในระหว่างบรรทัด เพียงแค่ไม่พูดตรงๆ ให้ชัดเจนเท่านั้น…

แต่ตาม เทพธิดาหั่วหลิงก็ชี้มือเรียวยาวของนางออกไปและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา ท่านอ่านคำแรกของทุกบรรทัด ตั้งแต่บรรทัดที่สามเป็นต้นไปดูสิ แล้วท่านจะเข้าใจความหมายของมัน”

บัดนั้น ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วก็เพ่งจิตจดจ่อลงไปและพึมพำว่า “น้องจิน ไม่ต้องห่วง ใจข้าอยู่กับเจ้า… มานานแล้ว… นี่?”

ไม่ไร้เหตุผลเกินไปหรือ?

หากเป็นบทกวีสั้นๆ แล้วไฉนเขาถึงไม่เริ่มต้นด้วยบรรทัดแรกเสียเลยเล่า?

ทว่าเพียงในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกำลังจะอ้าปากปฏิเสธนั้น เหล่าเทพธิดาทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ตัวเขาก็ลุกขึ้นยืนทันทีและมองไปที่หลี่ฉางโซ่วทีละคน

ในอีกด้านหนึ่งนั้น เทพธิดาจินกวงก็เม้มปากพร้อมด้วยดวงตาที่ฉายแววแห่งความหวังเล็กน้อย…

ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินข้อความเสียงส่งมาจากเทพธิดาหั่วหลิงที่อยู่ข้างๆ

เทพธิดาหั่วหลิงกล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา พวกเราทุกคนล้วนรู้ว่าท่านอาจารย์อากงหมิงหมายความอันใด แต่อาจารย์อาจินกวงต้องเจ็บปวดทนทุกข์มานานแล้ว พวกเราไม่อยากเห็นนางเศร้าเสียใจมากจริงๆ แม้กระทั่งอาจารย์อากงหมิงจะสามารถใช้เวลาครึ่งวันกับท่านอาจารย์อาจินกวง แต่นั่นก็ถือว่าเป็นการเติมเต็มความฝันของนางในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้ว

พวกเราชื่นชมกลอุบายและสติปัญญาของท่านมาตลอด ครั้งนี้ พวกเราจึงได้แอบหารือกันลับๆ และเกลี้ยกล่อมให้อาจารย์อาจินกวงมาหาท่าน ขอให้ท่านได้โปรดช่วยอาจารย์อาจินกวงด้วย แล้วพวกเราจะขอแบกรับกรรมทั้งหมดเอง

หากท่านอาจารย์อาเห็นว่าไม่เหมาะสม ก็ขอได้โปรดอย่าเปิดเผยกับนางตรงๆ ย่อมเป็นการดีกว่าที่จะให้ความคิดบางอย่างกับนางเช่นกัน และปล่อยให้นางค่อยๆ ลืมมันไปเอง”

หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงและงดงามที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา

ในขณะนั้น ดวงตาของเทพธิดาหั่วหลิงฉายแวววิงวอน หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ข้ายังไม่เข้าใจเล็กน้อย พี่กงหมิงหมายความอันใดกัน?”

ดวงตาของเทพธิดาจินกวงก็เต็มไปด้วยแสง

ในขณะนั้น เทพธิดาหั่วหลิงก็อดจะถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้ ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ได้ส่งข้อความเสียงกลับมาแล้วว่า…

“สาบานก่อน แล้วข้าจะให้ถุงผ้าสามใบแก่เจ้าในภายหลังเพื่อให้เจ้าได้ช่วยจินกวง แต่ห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเด็ดขาด เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า การกระทำทั้งหมดล้วนเป็นผลมาจากการหารือของเจ้ากับเทพธิดา”

เทพธิดาหั่วหลิงกระตุกมุมปาก

นางเรียกเขาว่าท่านอาจารย์อามานานแล้ว ไฉนมันถึงไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง… กึ่งคู่บำเพ็ญเต๋าของอาจารย์อาอวิ๋นเซียวช่างยุ่งยากน่ารำคาญจริงๆ

ในเวลาเดียวกันนั้น ในโถงตู้เซียนแห่งสำนักตู้เซียน หนุ่มน้อยหลี่จิ้งกำลังคุกเข่าอยู่บนเบาะนั่งสมาธิ เขาก้มหัวลงและไม่กล้ามองไปรอบๆ

มีผู้อาวุโสมากมายหลายคนนั่งอยู่ทางด้านซ้ายและขวาของเขา พวกเขายังคงชื่นชมในความโชคดีของหนุ่มน้อยผู้นี้

ไอม่วงจากทิศตะวันออก[2] โชคมหาศาลอยู่บนร่างของเขา!

หากไม่มีการเปรียบเทียบ ก็จะไม่มีการทำร้าย

ในขณะนั้น เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วเพิ่งทดสอบ วัดโชคของตัวเขาเองและตระหนักว่า เซียนจินผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขาเป็นเพียงสีแดงอ่อนเท่านั้น … มันทำให้เหล่าผู้อาวุโสในสำนักต่างสัมผัสได้ถึง “ความหายาก” ของหนุ่มน้อยผู้นี้

แต่นั่นก็หมายความเช่นกันว่า โชคชะตาไม่ได้สัมพันธ์โดยตรงกับระดับฐานพลังของคนผู้หนึ่ง เวลานี้ ในห้องโถงด้านข้าง ตู้เอ้อร์เจินเหรินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในขณะที่จี้อู๋โหย่วก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ เขา

ในขณะนั้น ตู้เอ้อร์เจินเหรินได้ตัดสินใจยอมรับหลี่จิ้งเป็นศิษย์ของเขาแล้ว แต่ด้วยเหตุที่หลี่จิ้งมีคุณสมบัติไม่แข็งแกร่งนัก เขาจึงเพียงได้รับการยอมรับให้อยู่ในฐานะศิษย์ในนามเท่านั้น

ทว่าเมื่อตู้เอ้อร์เจินเหรินกล่าวว่า เขาต้องการพาหลี่จิ้งไปฝึกบำเพ็ญที่คุนหลุนตะวันตก เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วจึงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ปล่อยให้หลี่จิ้งฝึกบำเพ็ญที่สำนักตู้เซียนจะไม่ดีกว่าหรือขอรับ?”

“โอ้?”

ตู้เอ้อร์เจินเหรินถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่า “เจ้าคิดว่า การที่เขาฝึกฝนอยู่ในสำนักนั้นดีกว่าที่ข้าจะสอนเขาด้วยตัวเองในฐานะอาจารย์หรือ?”

จี้อู๋โหย่วกล่าวเสียงทุ้มว่า “ท่านอาจารย์อาจไม่รู้ หากเขามีโชคสูงกว่า เขาอาจมีโอกาสมากขึ้นเมื่ออยู่ในสำนัก ท่านอาจารย์ ยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว บัดนี้มีผู้ทรงพลังอยู่ในสำนักตู้เซียนของเรา”

ตู้เอ้อร์เจินเหรินอดจะรู้สึกงงงวยมากขึ้นไม่ได้ และถามว่า “ผู้ทรงพลังเยี่ยงใดกัน?”

“ท่านอาจารย์ ขอท่านโปรดอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปกับผู้ใดนะขอรับ” จี้อู๋โหย่วโน้มตัวไปข้างหน้าและกล่าวพึมพำเบาๆ จริงจัง

“อะไรนะ?”

ตู้เอ้อร์เจินเหรินลุกขึ้นยืนพร้อมกับเบิกตากว้างขึ้นในทันใด จากนั้นเขาก็ลดเสียงลงและถามว่า “เจ้าอย่าปดนักพรตเต๋าชราเช่นข้า!”

“ศิษย์จะกล้าปดท่านได้อย่างไร? นั่นเป็นเพราะมีปรากฏการณ์เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและมีโอกาสมากมายอย่างต่อเนื่อง…”

“ท่านอาจารย์ ขอท่านโปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับผู้ใดนะขอรับ” จี้อู๋โหย่วกล่าวอย่างจริงจัง

“วางใจเถิด” ทันใดนั้น หัวใจเต๋าของตู้เอ้อร์เจินเหรินก็คืนกลับสู่ความสงบลงอย่างรวดเร็ว เขายิ้มและกล่าวว่า “ในฐานะอาจารย์ ข้าเสียการควบคุมตัวเองไปได้อย่างไรกัน มา มาเล่ารายละเอียดให้ข้าฟังสักหน่อยว่า…ศิษย์หลานชายตัวดีของข้าผู้นี้มีปรากฏการณ์เช่นไร”

จี้อู๋โหย่วพยักหน้าและเริ่มเล่าเบาๆ ทันที

……………………………………………………………….

[1] เสียงหัวเราะและน้ำเสียงของหญิงสาวที่รุมรายล้อมบุรุษคนเดียวกัน

[2] หรือเมฆม่วงจากทิศตะวันออก หมายความว่ามีสิ่งมงคลหรือเรื่องมงคลเกิดขึ้น เป็นสำนวนที่ว่ากันมาจากเรื่องราวของเหล่าจื้อที่กำลังเดินทางมายังด่านหยินสี่ ซึ่งขณะนั้น ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกได้ปรากฏเห็นเป็นก้อนเมฆใหญ่สีม่วงลอยเด่นอยู่