ตอนที่ 532 ยอมจำนน (1)
ในคราแรก ไม่มีผู้ใดสนใจที่มาของข่าวนี้…
“สหายเต๋า เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีทายาทแล้ว! หากออกไปข้างนอก ก็ระวังตัวกันด้วย อย่าไปล่วงเกินผู้ยิ่งใหญ่ที่มีภูมิหลังเช่นนี้ให้ขุ่นเคืองใจ”
จากนั้น มันก็ค่อยๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นทีละน้อยในดินแดนเทวะทั้งห้า…
“สหายเต๋า แล้วปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินรู้หรือไม่? ใช่แล้ว ใช่แล้ว เขาเป็นศิษย์คนโตแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า! ข้าไม่รู้ว่าเขามีบุตรชายตั้งแต่เมื่อใด
ว่ากันว่า บุตรชายของเขาเป็นสายสืบสานระหว่างปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเทพปีศาจโบราณ เทพธิดาน้ำแข็ง! เขามีสามเศียรแปดกรและสามารถควบคุมลม ไฟ และสายฟ้าได้! ขอบเขตพลังของเขาก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด ว่ากันว่าเขากลายเป็นเซียนต้าหลัวจินได้ภายในหนึ่งพันปี!”
ในที่สุดมันก็พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นเรื่องที่เกือบจะเป็นจริง …
“อาจารย์อา ท่านออกมาจากการปิดด่านแล้วหรือ? เรื่องที่ทุกคนกำลังพูดถึงกัน… อาจารย์อา ท่านไม่รู้
เมื่อศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋า ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูได้ฝึกฝนเต๋าใหญ่หยินหยาง เขานั่งอยู่บนแผนภาพไท่จี๋และสัมผัสได้ถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสวรรค์และปฐพี … แล้วพวกเขาก็มีบุตร!”
“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านเจ้าสำนัก! สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรามีเรื่องน่ายินดีแล้ว!”
หลังจากพิธีเปิดผ่านไปได้หนึ่งเดือนครึ่ง ยอดเขาต่างๆ ของสำนักตู้เซียนก็ค่อยๆ เงียบสงบลง
บรรดาศิษย์ใหม่ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยคนได้กระจายอยู่บนยอดเขาหลายสิบแห่งและเริ่มฝึกฝนเป็นเวลาสองร้อยปี…
เนื่องจากมีชายหนุ่มผู้ท่วมท้นไปด้วยโชคมหาศาลเข้ามาในสำนัก เขาจึงได้รับการยอมรับให้เป็นศิษย์ในนามของผู้ก่อตั้งสำนัก ตู้เอ้อร์เจินเหริน
เขาได้เข้าร่วมฝึกบำเพ็ญที่ยอดเขาพิชิตสวรรค์ และบรรดายอดเขาต่างๆ ก็มีใจอยากเปรียบเทียบดูเช่นกันว่า ผู้ใดจะได้เป็นหัวหน้าศิษย์ในครั้งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เจ้าสำนักตู้เซียน จี้อู๋โหย่วก็ไม่ได้เข้าปิดด่านเลย เขาแอบยุ่งอยู่หลายสิบวันสิบคืนอยู่ลับๆ
ในที่สุดวันนี้ เขาก็มีเวลาว่าง จี้อู๋โหย่วยืนอยู่ตรงหน้าขอบหน้าต่างของห้องโถงที่อยู่ข้างๆ โถงตู้เซียน และมองไปที่ทะเลเมฆภายนอก ดวงตาของเขาสงบขณะที่เขาถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “ฉางโซ่วพูดถูก”
ในฐานะเจ้าสำนัก สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำเมื่อมีศิษย์ใหม่เข้ามาในสำนักก็คือ การตรวจสอบภูมิหลังและคุณสมบัติของศิษย์เหล่านั้น
ประเด็นสำคัญอยู่ที่การค้นหาว่ามีปีศาจภายนอกตัวใดที่เข้ายึดร่างของศิษย์เหล่านั้นและมีปีศาจภายในซ่อนอยู่ในร่างของพวกเขาหรือไม่ หรือพวกเขาเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
สายเลือดของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินผู้อาวุโสคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาจากด้านนอกโถงตู้เซียน และร้องตะโกนว่า “สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเรามีเรื่องน่ายินดีแล้วขอรับ”
จี้อู๋โหย่วรู้สึกสับสน เขาเอามือไพล่หลังพร้อมกับเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่และต้อนรับผู้อาวุโสคนนั้น
“น้อมพบท่านเจ้าสำนัก!”
“ผู้อาวุโสเหวิน ในฐานะผู้อาวุโส ท่านก็ต้องทำตัวให้สมเป็นผู้อาวุโสเช่นกัน แล้วไยถึงทำกิริยาแตกตื่น ลนลานเช่นนี้?” จี้อู๋โหย่วถามอย่างสงบ “บอกข้ามาช้าๆ สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีเรื่องน่ายินดีอันใดกัน?”
“ท่านเจ้าสำนัก มันเป็นโอกาสที่น่ายินดี!” ผู้อาวุโสถลกแขนเสื้อกว้างขึ้นและเบิกตากว้าง
จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างเบิกบานว่า “ก่อนหน้านี้ เหล่าผู้บริหารสำนักได้ยินข่าวเรื่องหนึ่งมาเมื่อพวกเขาออกไปข้างนอก ข้าเป็นห่วงจึงออกไปตรวจสอบเช่นกัน ท่านเจ้าสำนัก ท่านลองเดาดูสิ”
จี้อู๋โหย่วขมวดคิ้ว แล้วจู่ๆ เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา “อันใดกัน?”
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีทายาทแล้ว! ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินมีทายาทแล้ว! ว่ากันว่า เป็นแผนภาพไท่จี๋แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินและปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่มีธิดาด้วยกัน! เวลานี้ นางกำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในโลกบรรพกาล!”
“ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่! พรึ่ด…”
จี้อู๋โหย่วเบิกตากว้างขึ้นกะทันหัน แล้วจู่ๆ พลังลมปราณของเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นจนเขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก
บัดนั้น ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเซียนจินที่ทรงพลังแกร่งกล้าก็ซวนเซไปมาจนเกือบจะทรุดกายล้มลงไปแล้ว
ทันใดนั้นผู้อาวุโสเหวินก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่งก่อนจะรีบไปประคองจี้อู๋โหย่ว จี้อู๋โหย่วได้จับแขนของผู้อาวุโสเอาไว้ขณะที่เขารู้สึกวิงเวียน และยังคงหูอื้อไม่หยุด
“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านเจ้าสำนัก เกิดอันใดกันขึ้นกับท่าน!?!”
“ไม่ ข้าไม่เป็นไร” จี้อู๋โหย่วกัดฟันและกล่าวว่า “เรื่องนี้… แพร่กระจายออกไปแล้วหรือ?”
“มันแพร่กระจายออกไปทั่วจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังได้ยินมาว่า สำนักเซียนเซียวเหยาได้ปล่อยข่าวออกมาแล้วว่า พวกเขาอยากขอเชิญทายาทผู้สืบทอดของท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไปฝึกบำเพ็ญที่สำนักเซียน พวกเขาต้องการตอบแทนผู้อาวุโสไท่ซ่าง[1]เป็นอย่างดีและปกป้องเขาอย่างสุดกำลังของพวกเขา”
“เหอะ! ตอนนี้ท่านคงกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างลิงโลดยิ่ง!” จี้อู๋โหย่วขมวดคิ้วและอดจะถอนหายใจไม่ได้ บัดนี้ เขาเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าเกิดอันใดขึ้น
ท่านอาจารย์ของข้าช่างแสบสันจริงๆ …
เขาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจอะไรเช่นนี้
หากเขาทำให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่โกรธ แล้วเขาจะยังปล่อยให้สำนักตู้เซียนอยู่ต่อไปอีกหรือ? เขาและอาจารย์ของเขาจะทนรับความเกรี้ยวกราดของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?
ในขณะนั้น จี้อู๋โหย่วจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสและสั่งไม่ให้ทั้งสำนักเผยแพร่ข่าวลือเช่นนั้นออกไปอีกเด็ดขาด
จากนั้น จี้อู๋โหย่วก็กล่าวว่า “แผนภาพไท่จี๋เป็นสมบัติเซียนเทียนขั้นสูงสุด มันมีไว้เพื่อให้เจ้าสำนักปรมาจารย์จอมปราชญ์ของเราใช้ยับยั้งชะตากรรมของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน
ดูเหมือนว่า นี่เป็นคำพูดที่คนอื่นปั้นแต่งขึ้นเพื่อใส่ร้าย ทำให้ชื่อเสียงของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราเสียหาย
ข้าจะให้เหล่าผู้อาวุโสหารือและวางแผนกันเพื่อประกาศต่อโลกภายนอกว่า ความจริงแล้ว ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่เคยมีคู่บำเพ็ญเต๋าเลยนับตั้งแต่เขาเริ่มฝึกบำเพ็ญ!
นั่นคือ ร่างหยางบริสุทธิ์อย่างแท้จริง!”
“นี่… ข้าจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก!”
ในขณะนั้น ผู้อาวุโสรู้สึกว่าสิ่งที่เจ้าสำนักของเขาพูดนั้นถูกต้อง จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและรีบไปที่หอไป่ฝาน
จี้อู๋โหย่วเช็ดเลือดจากมุมปากของเขา ใบหน้าของเขาซีดลงขณะที่เขาถอนหายใจออกมา
นี่คือ วิธีปิดปากให้แน่นเหมือนปิดฝาขวด[2]ของท่านหรือ ท่านอาจารย์? มีรอยแตกร้าวมากเกินไป! แล้วข้าควรทำอย่างไรดี? ข้ายังจะทำอื่นใดได้อีก?
ในเวลาต่อมา จี้อู๋โหย่วก็ขี่เมฆไปยังยอดเขาหยกน้อย ในขณะนั้น เขาทำได้เพียงไปหารือกับหลี่ฉางโซ่วและดูว่าเขาจะสามารถระงับโทสะของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ผ่านทางหลี่ฉางโซ่วได้หรือไม่…
เมื่อเจ้าสำนักรีบพุ่งไปที่ยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก็กำลังสอนเวทสร้างตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รุ่นเก่าให้หลิงเอ๋อร์ ในยามนั้น ดวงตาของหลิงเอ๋อร์ฉายแววมึนงงเมื่อมองมัน และนางก็เอาแต่พูดว่ามันยากมากเกินไป
หลี่ฉางโซ่วแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปและค้นพบว่า เจ้าสำนักกำลังพุ่งไปที่นั่น ทันใดนั้น เขาก็พลิกมือ แล้วเก็บยันต์หยกและตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก่อนจะกล่าวกับหลิงเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปเตรียมชาก่อน เจ้าสำนักกำลังมา พวกเราอาจจะมีเรื่องต้องพูดคุยกัน”
“เจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อร์กะพริบตาและรับบัญชาอย่างเชื่อฟัง
………………………………………………………………..
[1] หมายถึงองค์ไท่ชิงหรือเหล่าจื้อ
[2] ปิดปากเงียบเพื่อเก็บความลับเอาไว้อย่างมิดชิด ไม่ให้ความลับเล็ดลอดออกไปได้