ตอนที่ 1315 ป่ากร่อนกระดูก (1) ตอนที่ 1316

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1315 ป่ากร่อนกระดูก (1) / ตอนที่ 1316 ป่ากร่อนกระดูก (2)
ตอนที่ 1315 ป่ากร่อนกระดูก (1)

ระยะทางที่จวินอู๋เย่าทำลายไกลแค่ไหนน่ะหรือ

พวกเฉียวฉู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเขารู้แค่ว่าทางข้างหน้าไม่มีแท่งน้ำแข็งอีกเลย สภาพของมันราวกับโดนพายุรุนแรงพัดผ่าน เหลือเพียงแต่เศษน้ำแข็งแตกละเอียดบนพื้นน้ำแข็ง ระยิบระยับใสราวกับอัญมณี เป็นภาพที่สวยมาก

พวกเขาเดินบนเส้นทางนั้นกันทั้งวันทั้งคืน อุณหภูมิบนธารน้ำแข็งต่ำมาก มันหนาวจนมือชา ทั้งกลุ่มจึงต้องรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย

ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีแบบ ‘เฉียบขาด’ ของจวินอู๋เย่า พวกเขาคงต้องใช้เวลาในพื้นที่นี้นานขึ้นอีก

เส้นทางที่โดนแรงระเบิดกว้างหนึ่งร้อยเมตรนั้นยาวไปจนถึงที่หมอกปกคลุม และเมื่ออุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเล็กน้อย ก็เป็นการบ่งบอกว่าการเดินทางบนธารน้ำแข็งนี้กำลังจะสิ้นสุดลง

จวินอู๋เสียที่กำลังดีใจขมวดคิ้วทันที ในอากาศที่มีความชื้นสูง นางได้กลิ่นบางอย่างที่รุนแรงมาก กลิ่นนั้นเข้าไปในหลอดลม ทำให้หลอดลมแสบร้อนเหมือนโดนไฟไหม้ ความรู้สึกเหมือนคนที่หายใจเอาแก๊สที่เป็นกรดและเป็นพิษสูงเข้าไป

“เดี๋ยวก่อน!” จวินอู๋เสียหยุดเดินทันที กลิ่นนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นางรู้สึกได้ว่าลำคอของนางแสบร้อนจากการหายใจเอากลิ่นนั้นเข้าไป เนื่องจากพวกเขายังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็น ประสาทการรับรู้ของคนก็จะลดลงไปบ้าง ทำให้ความรู้สึกชาเล็กน้อย

“มีอะไรหรือ” เฉียวฉู่ถามพร้อมกับถูมือเข้าด้วยกัน หลังจากเดินบนน้ำแข็งมาทั้งวันทั้งคืน เขาก็รู้สึกได้ว่าความเย็นแทรกซึมผ่านรองเท้าเขาเข้ามา ทำให้เขาเจ็บปวดไปทั้งตัว

“อย่าเพิ่งเดินไป” จวินอู๋เสียพูดพลางสูดจมูกดมกลิ่นในอากาศเบาๆ “พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นอะไรแปลกๆ บ้างหรือ”

พวกผู้เยาว์ทุกคนหยุดเดินและพยายามสูดกลิ่นในอากาศ แต่เนื่องจากอยู่ในอากาศหนาวเย็นมาเป็นเวลานาน จมูกของพวกเขาจึงชาไปแล้ว การหายใจเอาอากาศเย็นจัดเข้าไปทำให้ลำคอของพวกเขาเจ็บไปหมด การอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจัดนานๆ ทำให้พวกเขามีปัญหาเรื่องการรับกลิ่น พวกเขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติ

“ข้าไม่ได้กลิ่นอะไรเลย จมูกข้าแข็งไปหมดแล้ว” เฟยเยียนถูจมูกที่แดงของเขา อุณหภูมิที่นี่ต่ำจนน่ากลัว พวกเขาต้องรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้ในร่างกายเพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายของพวกเขา และไม่กล้าที่จะยืนนิ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งนานๆ การยืนอยู่กับที่นานๆ จะทำให้พื้นรองเท้าของพวกเขาแข็งตัวเป็นน้ำแข็ง

ด้วยอุณหภูมิที่เย็นยะเยือก หมอกในอากาศจึงเย็นจัด พอพวกเขาหายใจ มันก็เข้าไปในปอด ทำให้หนาวไปจนถึงกระดูก แม้แต่การหายใจก็กลายเป็นความทรมาน

“ข้าก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย” หรงรั่วพูดพลางส่ายหน้า

ฮวาเหยากับฟ่านจัวฉลาดกว่านิดหน่อย พวกเขาเอามือป้องไว้ที่จมูก หายใจพ่นลมร้อนออกมาเพื่อให้อุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ผลมากนักเนื่องจากพวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เย็นจัดนานเกินไป พวกเขาไม่ได้กลิ่นอะไรเลยจริงๆ

ส่วนเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยที่แข็งแกร่งกว่ามากนั้น ความเย็นไม่ได้ส่งผลต่อพวกเขามากนัก แต่ในขณะเดียวกัน กลิ่นแสบจมูกในอากาศก็ไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเช่นกัน เนื่องจากร่างกายของพวกเขาไม่ได้มีประสาทรับรู้ที่ไวเท่าจวินอู๋เสีย

“เสี่ยวเสียเอ๋อร์เจออะไรผิดปกติหรือ” จวินอู๋เย่าถามพร้อมกับมองดูสีหน้าระแวดระวังของจวินอู๋เสีย

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วและพูดว่า “ยังไม่แน่ชัดหรอก แต่มีบางอย่างผิดปกติในหมอกที่นี่ ต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ” เนื่องจากไม่มีใครสามารถให้ข้อมูลอะไรกับนางเพื่อช่วยในการตัดสินใจได้ จวินอู๋เสียจึงได้แต่เดาเอาเองเท่านั้น

นางดึงเอาถุงเอกภพที่ห้อยอยู่ที่สะโพกออกมา และหยิบโอสถแก้พิษแจกจ่ายให้กับเฉียวฉู่และคนอื่นๆ

ตอนที่ 1316 ป่ากร่อนกระดูก (2)

เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียระวังตัวมากขึ้น พวกเฉียวฉู่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก พวกเขากินโอสถวิเศษเข้าไปตามคำสั่งของนาง ไม่รู้ว่าเป็นผลทางจิตวิทยาหรือเปล่า แต่หลังจากกินโอสถวิเศษเข้าไป พวกเขาก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดเวลาที่หายใจเข้าไปนั้น ดูเหมือนจะเจ็บน้อยลงแล้ว

“แปลกๆ นะ น้องเสีย เจ้าเอาอะไรให้พวกเรากิน ที่นี่มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” เฉียวฉู่ถามพลางเกาหัว ต้องบอกว่าถึงจะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่ทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าก็ยังโหดสุดๆ อยู่ดี ถ้าเตรียมตัวมาไม่พร้อมหรือมีพลังไม่มากพอ ต่อให้มีแผนที่ครบสมบูรณ์ ก็ทำได้แค่รอความตายอยู่ที่นี่

พวกสามารถหลบหลีกสัตว์ประหลาดที่เฝ้าสุสานได้ก็จริง แต่สถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นที่ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด

“อากาศที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้านี่มีพิษกัดกร่อนอยู่ ตอนแรกมันก็จางๆ พิษจะไม่สร้างผลกระทบอะไรในระยะเวลาอันสั้น แต่หลังจากที่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้ว มันจะไปตามกระแสโลหิตและแพร่กระจายไปยังทุกส่วนของร่างกาย ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าพวกมู่เชียนฟานหายใจเอาพิษนี้เข้าไปในปริมาณมาก และพิษก็ออกฤทธิ์ฆ่าทุกคนในกลุ่มของเขา ก่อนที่เราจะเริ่มต้นลงมาจากผาสุดขอบฟ้า ข้าได้ให้พวกเจ้ากินโอสถแก้พิษชนิดนี้เอาไว้ แต่…” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง รอบตัวพวกเขามีหมอกหนาทึบ ทัศนวิสัยจึงต่ำมาก ลูกบอลเพลิงวิญญาณที่พวกเขาใช้ก็ให้ความสว่างได้แค่พื้นที่เล็กๆ ในหมอกหนาเช่นนี้ พวกเขาไม่มีทางเห็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจน

แต่ดูเหมือนว่ายิ่งพวกเขาเข้าไปลึกมากขึ้น ทั้งหมอกและอุณหภูมิก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และถ้าหากไม่ระมัดระวังตรวจสอบให้ถี่ถ้วนก็อาจจะมองข้ามมันไปได้ง่ายๆ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างกะทันหัน แต่จะเปลี่ยนไปทีละนิด สภาพแวดล้อมจะกลายเป็นเลวร้ายขึ้นอย่างเงียบๆ และเมื่อคนเหนื่อยล้าและเครียดมากๆ เข้า พวกเขาก็จะพลาดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ นี้

ก็เหมือนกับต้มกบในน้ำอุ่น กบจะนอนอยู่ในน้ำโดยไม่ได้สังเกตว่าอุณหภูมิน้ำค่อยๆ เปลี่ยนจากเย็นเป็นอุ่นขึ้นทีละนิด พอถึงเวลาที่น้ำเดือดและรู้สึกถึงอันตราย ก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว

สถานที่หลายแห่งที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้านั้นน่าทึ่งมาก พื้นที่ทั้งหลายที่ถูกทำเครื่องหมายเอาไว้บนแผนที่ก็กว้างใหญ่มาก แต่ความกว้างใหญ่นี้ไม่ใช่ว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด ในพื้นที่พิเศษพวกนี้ พื้นที่สองแห่งที่อยู่ติดกันจะมีการเปลี่ยนแปลงในระยะเปลี่ยนผ่านอยู่

มันเหมือนกับการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป ให้ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนจากสภาพเลวร้ายหนึ่งไปอีกอย่างหนึ่งโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว

แม้ว่าจวินอู๋เสียจะคุ้นเคยกับเรื่องทางการแพทย์มากที่สุด แต่ความรู้เรื่องธรรมชาติและภูมิประเทศยังอยู่ในขั้นพื้นฐาน นางอยากรู้มากว่าคนจากดินแดนเทพมารใช้วิธีการอะไรถึงเปลี่ยนด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าให้กลายเป็นสถานที่ลึกลับที่กลืนกินผู้คนไปหมดโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก กับดักและสัตว์ร้ายอาจจะออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นมาได้ แต่สถานที่ที่เลียนแบบพลังของธรรมชาติพวกนี้ทำได้อย่างไร

เรื่องนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรจวินอู๋เสียก็คิดไม่ออกเลย

“ตลอดสองชั่วยามที่ผ่านมา ความเข้มข้นของพิษในหมอกเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ข้ากลัวว่าโอสถแก้พิษที่ข้าให้ไปตอนแรกจะไม่พอแก้พิษที่เข้มข้นมาก ก็เลยให้พวกเจ้ากินเสริมเข้าไปอีก” ขณะที่จวินอู๋เสียพูด สายตาของนางก็มองลึกเข้าไปในหมอก นางมีความรู้สึกไม่สบายใจว่าหลังจากที่ผ่านแท่งน้ำแข็งมาได้แล้ว พวกเขาจะเจอกับอะไรต่อไป ซึ่งมันคงเป็นสิ่งที่รับมือได้ยากมากขึ้นไปอีก

ยิ่งเข้าใกล้สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมากเท่าไร ก็ยิ่งเจอกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น