ตอนที่ 1317 ป่ากร่อนกระดูก (3) / ตอนที่ 1318 ป่ากร่อนกระดูก (4)
ตอนที่ 1317 ป่ากร่อนกระดูก (3)
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่อุณหภูมิที่ลดลงอย่างต่อเนื่องและความเข้มข้นของพิษในหมอกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็อันตรายถึงตายแล้ว ถ้าอยากรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นเอาไว้ท่ามกลางอุณหภูมิที่หนาวจัด ก็ต้องใช้พลังวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แต่ใครจะแน่ใจได้เล่าว่าพลังวิญญาณจะอยู่ไปได้นานถึงเมื่อไร
ระหว่างทาง เฉียวฉู่เคยพยายามจะดื่มน้ำจากถุงน้ำที่เอาติดตัวมาด้วย และเพราะมันอยู่ติดกับร่างกายเขา มันจึงไม่ได้แข็งตัวจากอุณหภูมิที่ต่ำนั้น แต่ในขณะที่เขาดื่มน้ำ ก็บังเอิญมีหยดน้ำหล่นลงมาจากมุมปากของเขาสองหยด หยดน้ำนั้นแข็งตัวทันทีเมื่อออกนอกพลังวิญญาณที่ห่อหุ้มตัวอยู่ และกลายเป็นเม็ดน้ำแข็งสองเม็ดหล่นลงกระแทกพื้น
พิษเข้มข้นสูงในหมอกก็เป็นความทรมานมากอย่างหนึ่ง พลังวิญญาณสามารถใช้ป้องกันความหนาวเย็นได้ แต่ไม่สามารถกรองพิษในอากาศได้ ถ้าหายใจเอาพิษเข้าไป มันก็จะเข้าสู่ปอดโดยตรงและแล่นไปตามกระแสโลหิต ไม่นานพิษก็จะคร่าชีวิตของคนผู้นั้น
ถ้าจัดการไม่ดี มันก็จะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
แต่…
อุปสรรคที่อันตรายที่สุดนี้ ในสายตาของจวินอู๋เสียนั้น เป็นปัญหาที่แก้ได้ง่ายที่สุด สิ่งที่นางมีอยู่กับตัวมากที่สุดก็คือโอสถแก้พิษชนิดต่างๆ ที่อยู่ในลังที่เก็บไว้ในถุงเอกภพ มันมากพอจะให้พวกเขาอยู่ในสถานที่นี้ได้นานเป็นปี
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ทารุณโหดร้าย เสี่ยวเจว๋เดินตามทุกคนอย่างเงียบๆ แม้ว่าเขาจะอายุน้อยที่สุดและยังมีสติไม่ชัดเจนมากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการเพิ่มปัญหาให้จวินอู๋เสีย ทุกคำสั่งที่จวินอู๋เสียสั่งมา เขาจะปฏิบัติตามมากกว่าคนอื่นเสมอ
แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่แปลก
เสี่ยวเจว๋ไม่ได้ใช้พลังวิญญาณคลุมร่างเลย แต่เขาก็สามารถรักษาความอบอุ่นของร่างกายเอาไว้ได้มากพอ เมื่อจวินอู๋เสียยื่นไปจับมือเล็กๆ ของเขาเป็นครั้งคราว นางก็พบว่ามือของเขาร้อนเหมือนเป็นเตาเล็กๆ เคลื่อนที่ได้
ในกลุ่มนั้น คนที่ไม่ต้องใช้พลังวิญญาณเพื่อบรรเทาปัญหาที่ร่างกายต้องเผชิญ นอกจากจวินอู๋เย่าแล้ว ก็มีแค่เยี่ยเม่ยกับเยี่ยซาเท่านั้น และเสี่ยวเจว๋ก็เป็นข้อยกเว้นอีกคน
สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ…
หลังจากจวินอู๋เสียแจกโอสถวิเศษเสร็จ นางก็สังแกตเห็นฉากที่น่าสนใจอย่างมาก
เสี่ยวเจว๋ที่ได้รับยามาจากจวินอู๋เสีย จะประคองมันเอาไว้ด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็จะแกล้งทำเป็นเอาใส่ปาก แล้วกำมือยัดใส่เข้าไปในเสื้อคลุม จวินอู๋เสียที่เฝ้าสังเกตเขาอยู่จึงสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรในตอนนั้น
“เอาของที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมา” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงมองเสี่ยวเจว๋ที่เป็นเด็กดีเชื่อฟังมาตลอด
เสี่ยวเจว๋กะพริบตาและทำคอตก รู้ตัวแล้วว่าถูกจับได้ เขามองจวินอู๋เสียขณะที่ถอยหลังกลับไปหนึ่งก้าว
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้น เด็กน้อยมีความลับอย่างที่คิดไว้จริงๆ!
“เจ้าโง่เฉียว”
“ได้เลย!” เฉียวฉู่ขานรับทันที เขาอุ้มเสี่ยวเจว๋ขึ้นจากทางด้านหลัง เสี่ยวเจว๋อ้าปากพึมพำอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถเข้าใจได้ เหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรแต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาได้อย่างชัดเจน
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปหาเขา และเมื่อค้นเสื้อผ้าของเสี่ยวเจว๋แล้ว นางก็พบโอสถวิเศษหนึ่งกำมือ…
ใช่แล้ว
หนึ่งกำมือ…
จากจำนวนโอสถวิเศษที่นางนับได้ เจ้าตัวร้ายนี่เก็บเอาไว้ทุกเม็ดตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาลงมาที่ผาสุดขอบฟ้า ไม่เคยกินเลยสักเม็ด!
โชคดีที่ตัวเขาเองแข็งแกร่งมากพอ ถ้าเป็นพวกเฉียวฉู่ก็คงล้มตั้งแต่ครึ่งทางแล้ว
หลังจากจวินอู๋เสียตรวจจนแน่ใจว่าร่างกายของเสี่ยวเจว๋ไม่มีอะไรผิดปกติ นางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ภายใต้สายตาจ้องมองแบบน้ำตานองหน้าของเสี่ยวเจว๋ จวินอู๋เสียยึดโอสถวิเศษที่เขาซ่อนไว้ไปทั้งหมด
“อ๊า!” เสี่ยวเจว๋ร้องออกมาพลางมองจวินอู๋เสียอย่างสิ้นหวัง สีหน้าของเขาผิดหวังและเศร้าสร้อย
หลังจากเฉียวฉู่วางเขาลงเบาๆ เด็กน้อยก็ลงนั่งยองๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลรินลงมาอย่างเงียบๆ
ตอนที่ 1318 ป่ากร่อนกระดูก (4)
จวินอู๋เสียมองสีหน้าเศร้าโศกอย่างมากมายของเสี่ยวเจว๋ แล้วไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ไม่นานนางก็ตระหนักว่านางไม่มีเวลามาล้อเด็กน้อยต่อแล้ว
เพราะเมื่อพวกเขาเดินออกจากธารน้ำแข็ง ภาพที่ปรากฏต่อสายตาพวกเขาก็ทำให้ทุกคนต้องกลั้นหายใจด้วยความตกใจ!
ป่าทึบอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุดโผล่ขึ้นมาต่อหน้าพวกเขา!
มันเป็นป่าที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีขาว น้ำค้างแข็งปกคลุมใบไม้ทุกใบ แผ่คลุมไปทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง ลำต้นหนาของต้นไม้ไขว้สลับกันไปมาขวางทางจนแน่นไปหมด
ในป่าน้ำแข็งหนาทึบตรงหน้าพวกเขา พื้นที่ขนาดใหญ่ถูกทำลายไป ต้นไม้หนาล้มทับกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือจากการโจมตีของจวินอู๋เย่าครั้งนั้น การโจมตีครั้งเดียวนั่นไม่เพียงแต่ทำลายแท่งน้ำแข็งทั้งหมด แต่ยังลามมาถึงส่วนหนึ่งของป่านี้ด้วย
และใต้ต้นไม้ที่ล้มพวกนั้นก็มีอะไรแปลกๆ อยู่ ตรงส่วนที่หักนั้นมียางไม้สีเขียวข้นไหลออกมาอย่างต่อเนื่องกระจายไปทั่วพื้นป่าครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด ยางไม้ไม่ได้ถูกแช่แข็งจากอุณหภูมิที่เย็นจัด มันส่งกลิ่นฉุนออกมาเรื่อยๆ
กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นที่จวินอู๋เสียคุ้นเคย พิษที่ปะปนอยู่ในหมอกหนามีต้นกำเนิดจากที่นี่นี่เอง!
“นี่มันต้นบ้าอะไรเนี่ย…” เฟยเยียนพูดเสียงกระซิบขณะมองไปที่ป่าทึบแปลกๆ นั่น ต้นไม้ที่สูงตระหง่านเติบโตขึ้นอย่างแปลกประหลาด กิ่งของมันบิดๆ เบี้ยวๆ ใบไม้ทุกใบดูหนามาก ใบไม้ที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งภายใต้หมอกนั้นดูเหมือนเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นลงมา เถาวัลย์นับไม่ถ้วนก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งเช่นกัน มันไขว้สานกันอยู่บนต้นไม้สูง
ถ้าไม่ใช่สถานที่ที่ไม่ควรมาอยู่ ภาพที่เห็นก็คงดูสวยงามดี แต่ในหมอกหนาที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้าเช่นนี้ ต้นไม้สูงที่ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีขาวดูเหมือนกระดูกสีขาวที่บิดงอมากกว่า มันดูน่ากลัวและน่าสยดสยองมาก
จวินอู๋เสียมองดูต้นไม้ ‘สีขาว’ แล้วทันใดนั้นนางก็คิดอะไรออก
นางไม่เคยเห็นต้นไม้แบบนี้มาก่อน แต่ในตำราโบราณขาดๆ พวกนั้น นางจำได้ว่ามีคำอธิบายที่คล้ายกับต้นไม้พวกนี้อยู่ด้วย
“ต้นกร่อนกระดูก” จู่ๆ จวินอู๋เสียก็พูดคำสามคำนั้นออกมา
“ต้นกร่อนกระดูก มันคืออะไรเล่านั่น” เฉียวฉู่ถาม เขาอดขนลุกไม่ได้ แค่ชื่อก็ทำให้ขนแขนเขาตั้งชันไปหมดแล้ว
“พืชมีพิษร้ายแรงชนิดหนึ่งที่ใช้โลหิตและเนื้อเป็นสารอาหารและรดน้ำด้วยโอสถพิษ” จวินอู๋เสียพูดพลางหรี่ตาลง ในตำราโบราณที่นางซื้อจากเฉียวฉู่ มีพืชสายพันธุ์แปลกๆ และหายากมากมายบันทึกเอาไว้ รวมทั้งมีรายละเอียดวิธีการปลูกพืชพวกนั้นด้วย
ตอนแรกที่นางเห็นบันทึกเกี่ยวกับต้นกร่อนกระดูก นางก็สนใจมันเล็กน้อย วิธีการปลูกต้นไม้ชนิดนี้ต่างจากต้นไม้อื่นๆ มันไม่ต้องการดินหรือน้ำหรือแสงอาทิตย์ การเจริญเติบโตของต้นกร่อนกระดูกทุกต้นนั้นนองโลหิตมากทีเดียว จะต้องฝังเมล็ดลงไปในร่างของมนุษย์ที่มีชีวิต จากนั้นก็ฝังคนลงไปในดินทั้งเป็น โผล่แค่หัวออกมาเหนือพื้นดิน เมล็ดที่ถูกฝังอยู่ในร่างของมนุษย์จะดึงเอาเลือดเนื้อของร่างกายมนุษย์คนนั้นมาใช้ และแตกหน่อออกรากอยู่ภายในร่างราวกับเป็นดิน
ในระยะแรกของการเจริญเติบโต ต้นกร่อนกระดูกจะอยู่ในฐานะพืชกาฝาก มันจะชอนไชร่างกายของมนุษย์ ดูดเอาสารอาหารจนหยดสุดท้าย ก่อนจะหยั่งรากลงไปในดิน พูดได้ว่าต้นกร่อนกระดูกคืออสูรร้ายที่ต้องการชีวิตมนุษย์มาแลกเพื่อให้มันมีชีวิตอยู่ หลังจากที่มันแตกหน่อโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเป็นครั้งแรก จะต้องรดน้ำมันด้วยโอสถพิษที่ปรุงจากแมลงมีพิษห้าชนิดและพืชมีพิษสิบสองชนิด เพื่อให้ต้นกร่อนกระดูกดูดซับพิษและเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ…