ระหว่างทาง เจียงจั้นมีเรื่องสงสัย “ท่านอ๋อง คนที่จวนคิดว่าข้าตายไปแล้วงั้นหรือ”
อวี้จิ่นยิ้มพลางกล่าว “เดี๋ยวกลับไปถึงก็รู้เอง”
เจียงจั้นเห็นด้วยกับคำพูดของอวี้จิ่น เขาจึงเก็บความอยากรู้ ความรู้สึกผิด และความตื่นเต้นดีใจแปลกๆ เอาไว้ และเฝ้ารอให้ถึงจวนตงผิงปั๋วอย่างใจจดใจจ่อ
หากเป็นเมื่อปีก่อน จวนตงผิงปั๋วประดับโคมไฟสีสันสดใสเพื่อเฉลิมฉลองศักราชใหม่เหมือนจวนอื่นๆ แต่ในปีนี้ความตระการตาเหล่านั้นถูกลดทอนลงไปจนแทบสิ้น
แม้ว่าเฝิงเหล่าฮูหยินจะมองว่าการตายของหลานชายที่มิได้เป็นคนสำคัญของจวนแลกกับตำแหน่งที่สืบถอดไปอีกสามรุ่นเป็นเรื่องที่คุ้มค่า แต่ถึงอย่างไร เจียงอันเฉิงก็ยังเป็นเจ้าของจวนปั๋ว หากคนในจวนจะไม่มีท่าทีโศกเศร้าเลยคงไม่เหมาะนัก
เมื่อเจียงจั้นเสียชีวิตไปแล้ว จวนหลังนี้ก็เงียบเหงาลงไปมากทีเดียว แม้แต่คนเฝ้าประตูยังหลบไปดื่มชาในห้อง ส่วนสิงโตหินสองตัวที่หน้าประตูก็แลดูไร้ราศีไปโดยถนัดตา
เมื่อมีเสียงเคาะที่ประตู คนเฝ้าประตูก็ออกมาทำหน้าที่ “ผู้ใดกัน”
เจียงจั้นยิ้มหน้าระรื่น “ข้าเอง”
“ห๊า…” เสียงร้องตกตะลึงดังพร้อมกับเสียงปิดประตูดังปัง
เสียงร้องด้วยความหวาดผวาดังลั่น “ผี ผีหลอก!”
เจียงจั้นลูบจมูกที่ถูกบานประตูกระแทกเข้าเต็มรักก่อนจะหันไปยิ้มเจื่อนให้อวี้จิ่น “ดูท่าคงคิดว่าข้าตายแล้วจริงๆ”
ภายในจวนปั๋ว คนเฝ้าประตูวิ่งพล่านไปทั่วพลางร้อง “ผีคุณชายรองมา…”
บ่าวรับใช้ที่ได้ยินบ้างก็อยากรู้ บ้างก็หวาดกลัว มีคนหนึ่งรั้งตัวคนเฝ้าประตูเอาไว้ “เกิดอะไรขึ้น”
สีหน้าของคนเฝ้าประตูซีดเผือดมาพร้อมกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความกลัวสุดขีด “คุณ คุณชายรองกลับมาแล้ว!”
“กลางวันแสกๆ พูดเพ้ออะไรของเจ้า…”
คนเฝ้าประตูขึงตา “ใครพูดเพ้อ หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ไปดูที่ประตูได้เลย ส่วนข้าจะไปแจ้งนายท่าน”
คนเฝ้าประตูดันคนอื่นๆ ไปจนพ้นทางก่อนจะรีบวิ่งไป ปล่อยให้คนที่เหลือยืนงงงันมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น
“จากสภาพเหล่าจาง เขาคงไม่ได้แกล้ง”
“หากไม่ได้แกล้งทำ แล้วเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ พวกเจ้าเงยหน้าดูซิ ดวงอาทิตย์ยังลอยสูงอยู่กลางฟ้าอยู่เลย”
“ออกไปดูเดี๋ยวก็รู้”
บ่าวรับใช้กลุ่มนั้นปรึกษากันอยู่พักหนึ่งแล้วจึงรี่ไปที่ประตูใหญ่
เจียงจั้นที่ถูกปิดประตูใส่หน้าหันไปหัวเราะกับอวี้จิ่น “ท่าทางข้าคงทำให้เขาตกใจแย่เลย”
อวี้จิ่นส่ายศีรษะด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “คงต้องเปลี่ยนคนเฝ้าประตูของจวนปั๋วแล้วล่ะ”
เขาอุตส่าห์รีบพาพี่เขยมาส่งที่จวน จะได้รีบกลับไปหาอาซื่อ ตาลุงนี่ก็มัวแต่ทำให้เขาเสียเวลาอยู่ได้
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังรำพึงรำพันในใจ ประตูใหญ่ก็ค่อยๆ แง้มออกอีกครั้ง มีคนสามคนโผล่หัวออกมา ทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า แววตาของทั้งหมดก็แข็งค้างประหนึ่งเห็นผี
“รีบๆ เปิดประตูเถอะ นี่ท่านอ๋องกำลังรออยู่นะ” เจียงจั้นชี้นิ้วไปที่อวี้จิ่นในขณะที่เอื้อมมือไปดึงประตู
เขายังไม่ทันได้เดินไป เพียงแค่เอื้อมมือ เหล่าบ่าวรับใช้ก็รีบสับเท้าเผ่นแน่บพร้อมกรีดร้อง “ผี ผี…”
เจียงจั้นถอดสีหน้า เขาพรวดพราดเข้าไปด้านในพร้อมแผดเสียงเดือดดาล “ผีมารดามันเถอะ พูดจาสาปแช่งข้าเสียตั้งแต่ต้นปี รีบไปรายงานพ่อข้าเดี๋ยวนี้ว่าบุตรชายของเขาฟื้นขึ้นมาจากหลุมแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเจียงจั้น ทั้งหมดก็ชะงักฝีเท้าทันใด หนึ่งในนั้นเอ่ยถามด้วยความระแวง “ท่าน ท่านคือคุณชายรองจริงๆ หรือ”
เจียงจั้นกลอกตามองบน “หากไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครไปได้ มีผีรูปหล่อปานนี้ที่ไหนกัน ไอ้เจ้าพวกนี้!”
เขาไม่อยากมัวเสียเวลากับคนพวกนี้อีกแล้วจึงเดินเข้าไปเอง แต่เดินไปได้ไม่ไกลก็พบกับเจียงอันเฉิงที่วิ่งพรวดออกมา
วินาทีที่เห็นหน้าบุตรชาย ร่างกายของเจียงอันเฉิงก็ชะงักค้างทันที ใบหน้าของเขากระตุกสั่นอย่างบ้าคลั่ง
เจียงจั้นเดินรี่เข้าไปหาและคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงอันเฉิง “ท่านพ่อ ลูกยังไม่ตาย ลูกกลับมาแล้ว!”
เจียงอันเฉิงจ้องมองบุตรชายที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าก่อนจะเอ่ย “ลุกขึ้น…”
เจียงจั้นจึงลุกขึ้นพร้อมส่งยิ้มให้ผู้เป็นบิดา
ครั้นเห็นรอยยิ้มโง่เขลาแสนคุ้นเคยของบุตรชาย หัวใจที่คลอนแคลนสั่นไหวของเจียงอันเฉิงก็ค่อยๆ สงบลง ความรู้สึกในตอนนี้คล้ายกับอยู่ในความฝันก็ไม่ปาน เขาจึงเอื้อมมือไปลูบแก้มบุตรชาย ใบหน้านั้นส่งไอร้อนผ่าวมายังฝ่ามือใหญ่ แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เจียงอันเฉิงหยิกเนื้อแก้มบุตรชายจนเป็นก้อนแล้วถึงวางใจ เขาพึมพำ “กลับมาก็ดีแล้ว เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว”
ริมฝีปากของเจียงจั้นเผยอขึ้นจนเห็นฟันขาวถูกหยิกแก้ม ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวไป แต่เขาไม่กล้าส่งเสียง เพียงแต่คิดในใจ ปล่อยให้ท่านพ่อต้องเป็นห่วงเสียตั้งนาน ปล่อยให้หยิกไปเถอะ
เจียงจั้นอดทนอยู่พักใหญ่ แต่รู้สึกว่าบิดาไม่ยอมปล่อยมือจากแก้มเขาเสียที เขาจึงกระแอมกระไอแผ่วเบา “ท่านพ่อ ท่านอ๋องเป็นคนพาข้ากลับมาส่ง”
เจียงอันเฉิงถึงหลุดจากภวังค์ความคิดก่อนจะหันไปมองหน้าอวี้จิ่น
อวี้จิ่นยกมือขึ้นคารวะเจียงอันเฉิง “ท่านพ่อตา ลูกพาพี่รองมาส่งแล้วขอรับ”
เจียงอันเฉิงเอื้อมมือไปจับมืออวี้จิ่นไว้แน่นทว่ามิได้เกริ่นกล่าว
บุตรเขยที่มีศักดิ์เป็นถึงท่านอ๋องอุตส่าห์นำร่างบุตรชายของเขาที่เสียชีวิตในสงครามกลับมาจากแดนไกล เขาเขากลับพูดไม่ออก เจียงอันเฉิงลงความเห็นแต่เพียงในใจว่า บุตรสาวของเขาเลือกสามีไม่ผิดจริงๆ
เมื่อรักใครแล้วก็ต้องรักทุกสิ่งที่เป็นคนๆ นั้นด้วย บุตรเขยให้ความสำคัญกับบุตรสาวของเขาถึงขนาดเดินทางลงใต้ด้วยตนเอง
“เจ้า…เจ้าไปเจอที่ไหน” ผ่านไปหลายอึดใจก่อนที่เจียงอันเฉียงจะเอ่ยถามด้วยเสียงสั่น
“ท่านพ่อตา พวกเราเข้าไปคุยกันในห้องเถอะ”
เจียงอันเฉิงพยักหน้าตอบรับ “เข้าไปคุยในห้อง เข้าไปคุยในห้อง”
จากนั้นพ่อตาและลูกเขยก็เดินจูงมือกันเข้าไปด้านใน ปล่อยให้เจียงจั้นยืนลูบแก้มที่ปวดแสบปวดร้อนอยู่ตรงนั้นพลางบ่นงึมงำ “เห็นหน้าบุตรชาย ดีใจอยู่เพียงประเดี๋ยวประด๋าว ตอนนี้สนิทกับลูกเขยมากกว่าลูกแท้ๆ แล้วรึ”
เขาคือลูกชายที่ ‘ตายแล้วฟื้น’ แต่เหตุใดถึงถูกทิ้งไว้ข้างหลังเช่นนี้
เจียงจั้นใคร่ครวญสัจธรรมของชีวิตอยู่ครู่หนึ่งถึงตระหนักได้ว่าทั้งคู่เดินห่างออกไปไกลแล้วจึงรีบวิ่งตามไป
บรรดาเจ้านายในจวนมารวมตัวอยู่ในเรือนฉือซินกันครบหน้า เมื่อแน่ใจแล้วว่าเจียงจั้นยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนก็เข้าไปแสดงความยินดีกับเจียงอันเฉิง
แต่ในขณะนั้น นายท่านรองเจียงกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งยวด
เดิมทีตำแหน่งของจวนปั๋วได้รับพระราชทานอนุญาตให้สืบทอดไปอีกสามรุ่น อีกทั้งบุตรชายคนเดียวของพี่ใหญ่ก็ไม่อยู่แล้ว จากนิสัยของพี่ใหญ่ เขามั่นใจได้เลยว่าพี่ใหญ่ไม่มีทางแต่งงานใหม่อย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า ตำแหน่งจะตกแก่บุตรชายคนเดียวของเขาอย่างแน่นอน แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเจียงจั้นจะมีชีวิตรอดกลับมา!
เมื่อเห็นสีหน้าปีติยินดีของทุกคน ในใจของนายท่านรองเจียงก็หดหู่สุดจะพรรณนา
เมื่อยิ่งเอาใจไปผูกติด เลยยิ่งดูเหมือนความหวังถูกพังทลายในขณะที่มันกำลังเข้าใกล้ความจริงมากแล้ว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นายท่านรองเจียงก็ต้องพยายามแสดงออกว่ายินดี
ในขณะนั้น เขาก็ได้ยินเจียงหยวนเอ่ยขึ้นว่า “พี่รอง ต่อไปพี่จะได้เป็นซื่อจื่อแล้วนะ”
ทันทีที่ประโยคนั้นลั่นออกไป ทั้งห้องก็เงียบกริบ
“ซื่อจื่ออะไรรึ” เจียงจั้นงุนงงจึงหันไปมองเจียงอันเฉิงอย่างช่วยไม่ได้
เจียงหยวนเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ก็ตงผิงปั๋วซื่อจื่ออย่างไรล่ะ ตอนที่พี่รองยังไม่กลับมา ฝ่าบาททรงพระราชทานอนุญาตให้ตำแหน่งของจวนปั๋วสืบทอดไปอีกสามรุ่น ฉะนั้นก็แปลว่าพี่จะได้เป็นซื่อจื่อ”
เมื่อเห็นว่าบุตรขายของตัวเองกระดี๊กระด๊าจนออกนอกหน้า ใบหน้าของนายท่านรองเจียงก็หม่นลงทันใด แต่ในนาทีนั้นไม่มีผู้ใดสนใจว่าเขาจะรู้สึกเช่นไร
“ท่านพ่อ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เจียงอันเฉิงยิ้มร่า “เจ้ากับน้องสี่ของเจ้าเป็นเด็กดี ฝ่าบาทถึงทรงเมตตา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอแต่งตั้งให้เป็นทางการเสียก่อนถึงจะเรียกซื่อจื่อได้”
เจียงจั้นรีบตอบสนอง “เช่นนั้นเมื่อข้ากลับมาแล้วก็ควรเข้าวังไปขอบพระทัยฮ่องเต้ล่ะสิ”
อวี้จิ่นกล่าว “ขณะที่เข้ามาที่เมืองหลวง ข้าได้ส่งคนไปแจ้งในวังหลวงแล้ว หากเสด็จพ่อใคร่จะพบเจ้า อีกไม่นานก็คงมีรับสั่งลงมา”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หรี่ตาอ่านรายงานพลางลูบขนเจ้าแมวสีขาว “เจ้าเจ็ดนี่โชคดีจริงๆ ในที่สุดก็นำร่างของบุตรชายของตงผิงปั๋วกลับมาได้สำเร็จ”
พานไห่รีบกล่าวแจ้งแถลงไข “กราบทูลฝ่าบาท เขายังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ”