บทที่ 658 ยอมรับผิด
บทที่ 658 ยอมรับผิด
ส่วนตัวแล้วคนเหล่านี้ล้วนบอกว่าสองปีก่อนแม้จะมีปัญหา แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะลงมือกับคนตามใจชอบโดยไม่เลือก
ตอนนี้อันธพาลพวกนี้ทำตามอำเภอใจไม่สนใจใครเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสาเหตุ
มีบางคนเริ่มเดาว่ามีเรื่องบางอย่างที่พูดไม่ได้หรือไม่
ในตอนนั้นมีบางคนที่อยู่ใกล้กับสถานีตำรวจซึ่งได้ยินว่าตำรวจไม่ยอมออกมา เมื่อข่าวนี้แพร่ออกไปก็มีคนจำนวนมากเชื่อว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข่าวลือคนส่วนมากล้วนเลือกที่จะฟังเพียงสิ่งที่ตัวเองยอมรับ
ประเด็นที่แจ้งตำรวจแล้วตำรวจไม่ยอมมาเช่นนี้ แพร่กระจายไปตามตรอกซอกซอยอย่างรวดเร็วข่าวลือที่แพร่ออกไปเกือบทุกคนล้วนเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
เมื่อรัฐมนตรีต้วนพบเข้า ข่าวลือก็แพร่กระจายไปจนไม่อาจควบคุมได้แล้ว
เขายุ่งมาทั้งคืน ทั้งช่วงเช้าก็ไม่ว่างเช่นกัน หลังผ่านเรื่องราววุ่นวายมากมายมา ก็เกือบจัดการไปได้ทั้งหมด
ในตอนนี้วางแผนว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นก็จะรวบรวมข้อมูลไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา
ใครจะรู้ว่าระหว่างทางที่ขี่จักรยานไปก็ได้ยินเรื่องราวหลายรูปแบบ
ทุกเรื่องที่ได้ยินมีความแตกต่างกัน ทว่าศูนย์กลางของปัญหาล้วนเหมือนกัน
พูดง่าย ๆ คือมีความร่วมมือที่ข้องเกี่ยวกันระหว่างเส้นทางทั้งขาวและดำ ทำให้เด็กสาวสามัญชนคนธรรมดาไร้ซึ่งหนทางเดิน
ถึงขั้นมีบางคนพูดว่าเขาที่เป็นรัฐมนตรีทำเรื่องอย่างการทุจริต
ทั้งยังมีคนบอกว่าเขาเป็นร่มเงาที่ปกป้องอันธพาลพวกนั้น ยังมีคนพูดด้วยว่าหากไม่มีคนหนุนหลังอันธพาลเหล่านั้นย่อมไม่กล้าทำเรื่องกำเริบเสิบสานแบบนี้
รัฐมนตรีต้วนคับข้องใจแทบตายแล้ว แต่ไม่ว่าจะคับข้องใจแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
ข่าวพวกนี้ไม่อาจหายไปเพราะความคับข้องใจของเขา
เมื่อรัฐมนตรีต้วนกลับบ้านไปด้วยใบหน้าหดหู่ ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาไม่ปกติของเพื่อนบ้านรอบข้าง
ตระกูลต้วนเป็นบ้านที่มีพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยอันกว้างขวางนี้นอกจากห้องสามห้องของครอบครัวพวกเขาก็ยังมีเพื่อนบ้านอยู่มากมาย
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่เพื่อนบ้านรอบข้างก็ล้วนได้ยินเรื่องนี้แล้ว
มีบางส่วนที่มีความสัมพันธ์เฉยชาในวันปกติก็ยิ่งมองมาที่เขาด้วยสายตาลึกซึ้ง ถึงขั้นเผยความรู้สึกรังเกียจออกมา
มีบางส่วนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดก็ยังพูดกับเขาอยู่สองประโยค
“เจียเหลียงคุณจะทำเรื่องที่ผิดต่อประเทศชาติ ผิดต่อประชาชนไม่ได้นะ!”
“เจียเหลียงฉันเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ช่วยไม่ได้ที่สามคนกลายเป็นเสือ*[1]!”
ต้วนเจียเหลียงทำได้เพียงยิ้มสู้และอธิบายเท่านั้น
แต่การอธิบายแบบนี้สักคนสองคนยังพอได้ หากพูดหลายคนเข้าก็ไม่มีทางอธิบายได้แล้ว
ต้วนเจียเหลียงกลับมาบ้านด้วยความหดหู่ใจเป็นที่สุด แต่กลับเห็นว่าลูกชายและลูกสาวล้วนกลับมาถึงบ้านแล้ว
“ทำไมวันนี้พวกลูกเป็นเด็กดีขนาดนี้?” ต้วนเจียเหลียงถามอย่างแปลกใจ
เด็กสองคนนี้ล้วนอายุสิบกว่าปีแล้ว ในวันปกติเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็จะไม่เห็นแม้แต่เงา
ตลอดช่วงวันหยุด ทั้งสองพี่ชายน้องสาวหากยังไม่ถึงเวลากินข้าวก็จะไม่กลับมาบ้าน
“พ่อคะ พ่อเป็นอย่างที่คนข้างนอกพูดจริงหรือคะ?” ลูกสาวจ้องต้วนเจียเหลียงพลางถาม
เธอไม่เชื่อว่าพ่อตัวเองจะเป็นคนอย่างที่คนอื่นพูด แต่ตอนนี้คนข้างนอกล้วนพูดแบบนั้น เด็กสาวตัวน้อยรู้สึกเสียใจมาก ถึงอย่างไรในใจเธอพ่อก็มีตำแหน่งสูง พ่อเป็นตำรวจที่เชี่ยวชาญในการจับคนร้าย
แต่ตอนนี้คนมากมายบอกว่าพ่อของเธอเป็นคนไม่ดี!
ต้วนเจียเหลียงไม่รู้ว่าควรตอบกลับลูกสาวอย่างไร
เขาไม่อาจตอบกลับคำพูดของลูกสาว และทำได้เพียงหันไปมองลูกชาย ในตอนนี้เองที่ต้วนเจียเหลียงพบว่ามุมปากของลูกชายมีรอยแผล
รอยแผลที่มุมปากของลูกชายนั้นเห็นได้ชัดเจนว่าไปทะเลาะกับคนอื่นมา
“เสี่ยวอันลูกไปทะเลาะกับคนอื่นมาหรือ?” ต้วนเจียเหลียงถาม
ลูกชายแม้จะดื้อทว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่น
ผลคือลูกชายของเขา ต้วนรุ่ยอันหันหน้าไปโดยไม่สนใจความเป็นห่วงของพ่ออายุมากคนนี้
“พ่อคะมีเด็กคนอื่นมาบอกว่าพ่อเป็นคนไม่ดี พี่ชายก็เลยต่อยตีกับพวกเขาค่ะ!” ลูกสาวพูดเจื้อยแจ้วอย่างหาได้ยาก
พ่อของเธอย่อมเชื่อใจเต็มร้อย แต่คนอื่นล้วนไม่เชื่อ เธออธิบายไปแล้วแต่พวกเขาล้วนไม่ฟัง
พี่ชายก็อธิบายแล้วเช่นกันเมื่อถูกคนด่าพี่ชายก็ด่าพวกเขากลับ แต่เมื่อพวกเขาด่าพ่อพี่ชายและคนพวกนั้นก็เริ่มทะเลาะวิวาทกัน
ต้วนเจียเหลียงคาดไม่ถึงว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ เพียงวันเดียวยังส่งผลกระทบมากขนาดนี้แล้ว
เดิมทีเขาคิดว่าเรื่องนี้ยังมีเวลาอีกหน่อยให้ค่อย ๆ จัดการ แต่ตอนนี้ดูท่าแล้วจะไม่มีเวลาให้เขามากนัก หากไม่อาจจัดการให้เด็ดขาดตามขั้นตอนเกรงว่าเรื่องนี้จะยิ่งทับถมยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังละเอียดอ่อนเกินไป หากไม่ระวังอาจทำให้ชื่อเสียงครึ่งชีวิตถูกทำลายจนหมดสิ้น
ต้วนเจียเหลียงให้ลูกสาวดูแลลูกชาย รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่สะอาดและไปหาผู้บัญชาการ
ตอนที่กำลังไปก็ได้ยินข่าวลือที่ทับถมขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังเกินจริงขึ้นเรื่อย ๆ แทบจะพูดว่าเป็นต้วนเจียเหลียงพาคนไปพังทำลายหออีหมิงแล้ว
มันทำให้เขายิ่งปวดหัว
ยังดีที่ผู้บังคับบัญชาของเขายังไม่รู้ว่าเรื่องราวภายนอกกลายเป็นเช่นนี้
ต้วนเจียเหลียงพูดเรื่องราวอย่างคร่าว ๆ และพูดตรงประเด็นเป็นที่สุด ส่วนปัญหาที่เกิดจากทางฝั่งตัวเองต้วนเจียเหลียงก็ล้วนยอมรับผิด ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่เหล่าอันธพาลรับสารภาพเขาก็ล้วนพูดออกมาทั้งหมด
สุดท้ายเขาก็ก้มหัวยอมรับความผิดด้วยตัวเอง
“ผมผิดเองครับผมยอมรับในความผิดพลาดซึ่งทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงแบบนี้ครับ ผมยินดีจะยอมรับการลงโทษของหน่วยงาน แต่หวังว่าท่านจะให้โอกาสผมสักครั้งให้ผมได้ชดเชยความผิดครับ!”
ต้วนเจียเหลียงขอโทษอย่างจริงใจในขณะเดียวกันก็ขอร้องให้ตัวเองอย่างชัดเจน
หากเรื่องนี้ไม่จัดการอย่างชัดเจนด้วยมือเขา ทั้งชีวิตนี้เขาอาจต้องแบกรับความเสื่อมเสียนี้ไปตลอด
เป็นเพียงตัวเขาก็แล้วไปเถอะ ทว่าแม้แต่เด็กทั้งสองคนก็ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้
เขาสามารถไม่คิดถึงตัวเองได้ แต่ไม่อาจไม่คิดถึงเด็กทั้งสองคนได้
ผู้บังคับบัญชาแม้จะโมโหแต่ก็ยังเชื่อใจต้วนเจียเหลียง
ต้วนเจียเหลียงเป็นคนเช่นไรเขาก็เชื่อใจว่าต้วนเจียเหลียงไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้
เรื่องนี้ต้นสายปลายเหตุจะเป็นเพราะต้วนเจียเหลียงหรือไม่ก็ไม่ชัดเจน ทว่าความผิดพลาดในการจัดการผู้ใต้บังคับบัญชาก็ยากจะหลีกเลี่ยงโทษได้
“เรื่องนี้ให้สิทธิ์คุณทั้งหมดในการจัดการ ต้องไม่ลืมชี้แจงกับเหยื่อ และต้องมีความชัดเจนด้วยว่านอกจากตระกูลซูแล้วยังมีเหยื่ออีกมากน้อยเพียงใด”
ตอนที่ต้วนเจียเหลียงได้ยินคำพูดนี้ก็รู้ว่าผู้บังคับบัญชาให้โอกาสตัวเอง
เขารีบรับปากว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นยังรับปากว่าหากเหล่าอันธพาลพวกนี้มีพฤติกรรมที่ไม่ดีจะจัดการอย่างแน่นอน จะซื่อสัตย์ต่อชาวเมืองและมีความเที่ยงธรรม!
คืนนั้นคนในเมืองหลวงได้ยินข่าวหนึ่งว่าจากนี้ไปทั่วทั้งเมืองจะมีการตรวจสอบอันธพาล คนที่เคยถูกอันธพาลรังควานล้วนสามารถมารายงานทางการได้
ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ต้วนเจียเหลียงเข้าดำรงตำแหน่ง เดิมทีเขารู้สึกว่าน้ำใสเกินไปย่อมไร้ปลา*[2]
ไม่ว่าจะเป็นคนแบบใดก็ล้วนต้องให้ทางรอดสักทางหนึ่ง ส่วนอันธพาลเหล่านี้ตราบใดที่ไม่ทำเรื่องที่เกินขอบเขตเขาก็จะหลับตาข้างหนึ่ง
สุดท้ายคนเหล่านั้นก็ไม่มีทักษะอะไร งานในตอนนี้ก็หายากเป็นอย่างมาก หากบีบบังคับมากเกินไปคนเหล่านั้นก็อาจทำเรื่องอันตรายเพราะเข้าตาจน
คาดไม่ถึงว่าคนเหล่านั้นจะกล้าไปทุบตีทำลายร้านคนอื่นทั้งยังทำลายแม้แต่แผ่นเหล็ก
ในเมื่อรนหาที่เองหากจะทำให้สมหวังก็คงไม่เป็นไร!
[1] สามคนกลายเป็นเสือ หมายถึง เมื่อคนพูดบางเรื่องมาก ๆ จากข่าวลือก็จะกลายเป็นเรื่องจริง
[2] น้ำใสเกินไปย่อมไร้ปลา หมายถึง คนที่เอาจริงเอาจังหรือเถรตรงเกินไปจะไร้มิตร