หลังจากที่เธอกลับมาถึงบ้านลี่จุนถิงก็เอาแต่จ้องเธอไม่วางตา และเมื่อเห็นเธอเดินขมวดคิ้วขึ้นไปนอนบนเตียงเขาก็ตามไปทันที

หลังจากลี่จุนถิงขึ้นไปเขาก็ดึงเจียงหยุนเอ๋อเข้ามากอด“ขมวดคิ้วแน่นเชียว เป็นอะไรเป็นรึเปล่า?”

เจียงหยุนเอ๋อทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายก็เล่าให้ลี่จุนถิงฟัง“ฉันรู้สึกว่าอาการลมชักของคุณปู่ที่กำเริบขึ้นมันมีบางอย่างแปลกๆ ทว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ฉันก็เลยลืมบอกเรื่องนี้กับพวกคุณ”

“มีอะไรแปลกๆอีกแล้วเหรอ?”

“ใช่ ตอนที่ฉันตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ข้อมูลข้างต้นบอกว่ามีเพียงแค่อาการลมชักระดับรุนแรงเท่านั้นถึงจะทำให้เกิดการขาดสติ และคุณปู่ก็อารมณ์เสียตั้งแต่ก่อนจะมีอาการชักแล้ว แต่ถ้าเทียบกับตอนก่อนหน้านี้ที่เขาเคยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นไม่อาจทำให้เขาอารมณ์เสียได้มากขนาดนี้”

เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกสับสนมาก พอหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นเธอจึงไปถามคุณหมออย่างละเอียดและคุณหมอก็เคยพูดว่าอาการชักของคุณปู่เหมือนจะอยู่ในระดับรุนแรง

ในทุกๆปีคุณหมอหลิวจะเป็นคนตรวจร่างกายให้ท่านปู่ลี่ ฉะนั้นเขาจึงรู้สภาพร่างกายของคุณปู่ดีที่สุด ฉะนั้นเขาเลยบอกเจียงหยุนเอ๋อได้อย่างมั่นใจว่าอาการป่วยของคุณปู่นั้นไม่ปกติ

“นอกเสียจากว่า……”

“นอกจากว่าอะไร?”อันจริงเขาเดาออกว่าเจียงหยุนเอ๋อคิดอะไรตั้งแต่ตอนที่เธอพูดออกมาแล้ว

“นอกเสียจากว่ายาระงับประสาทที่คุณปู่กินจะมีการใส่ยาชนิดอื่นลงไป ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็แสดงว่ามีคนตั้งใจจะทำร้ายคุณปู่”

“อีกอย่างตอนที่ฉีเฉิงมาเยี่ยม เขาบอกว่าอาการของคุณปู่รักษาไม่ได้แล้ว แต่เขาเป็นหมอจากโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศเชียวนะ ทำไมจะรักษาไม่ได้ล่ะ นอกเสียจากว่าเขาไม่อยากรักษา”

“แถมคุณปู่ดีต่อเขาขนาดนั้น เขาคงไม่ลงมือทำร้ายคุณปู่อย่างไม่มีสาเหตุหรอก ดังนั้นแสดงว่าต้องมีคนคอยบงการอยู่เบื้องหลังแน่ๆ”

“แถมเมื่อกี้ฉันก็ถามคุณแม่แล้วด้วย คุณแม่บอกว่าหลังจากที่คุณปู่เข้าโรงพยาบาล ฉีเฉิงมาขอลาออกเพราะที่บ้านมีปัญหา ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากก็เลยปล่อยเขาไป แต่ดูๆแล้วตอนนั้นเขาน่าจะกลัวความผิดก็เลยหนีไปซะมากกว่า”

“ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมให้ซู่จี้งยี้ไปตามหาฉีเฉิงให้ ว่าแต่คุณคิดว่าใครเป็นคนบงการฉีเฉิง?”

“ฉันไม่รู้ ฉันคิดไม่ออกเลยว่าใครมันอยากทำร้ายคุณปู่”

“เอาล่ะ อย่าพึ่งคิดถึงมันเลย รีบนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้คนมาเก็บกวาดทำความสะอาดห้องคุณปู่ แล้วถ้าอีกสองวันคุณปู่ไม่มีอาการอะไรแล้ว พวกเราค่อยไปรับเขากลับมา”

“ได้ค่ะ!”

อันที่จริงพอเจียงหยุนเอ๋อพูดจบ ลี่จุนถิงก็พอจะเดาได้แล้วว่าใครเป็นคนลงมือ เพียงแค่นึกไม่ถึงเลยว่าลี่หุยกับลี่หยูนห่วนจะเล่นสกปรกแบบนี้ ซึ่ง ณ ที่นี้ขอไม่พูดถึงลี่หุยดีกว่า ทว่าลี่หยูนห่วนนี่สิเขาโตมากับมือของคุณปู่แท้ๆ กล้าทำถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน

ในเมื่อลี่หยูนห่วนกับลี่หุยทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ เขาก็จะไม่ออมมือให้แล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้น ลี่จุนถิงให้ซู่จี้งยี้ตามหาที่อยู่ของฉีเฉิง

กว่าซู่จี้งยี้จะพบที่อยู่ของฉีเฉิงเวลาก็ล่วงเลยไปถึงตอนบ่ายแล้ว“หาที่อยู่ของฉีเฉิงเจอแล้วครับประธานลี่ ตอนนี้เขาอยู่ในออสเตรเลีย ซึ่งที่จริงเขาอยากจะอพยพทั้งครอบครัวออกไป แต่ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงล้มเหลวทุกครั้ง เพราะงั้นเขาถึงออกไปก่อนคนเดียว”

ลี่จุนถิงพยักหน้ารับพลางใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะ“อืม นายหาคนไปพาเขากลับมา”

ซู่จี้งยี้พยักหน้ารับ ทว่าทันทีที่กำลังจะเดินออกไปกลับถูกลี่จุนถิงเรียกไว้

“ใช่แล้ว หาคนมาทำความสะอาดบ้านหลังที่อยู่บนภูเขาให้ฉันด้วย จากนั้นก็ยกของที่อยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งออกไปให้หมด เดี๋ยวถ้าฉันเสร็จธุระช่วงนี้แล้ว ฉันจะไปจัดงานเลี้ยงอายุครบรอบหนึ่งเดือนเต็มให้กุ่นกุ่นที่นั่น”

หลังจากกลับบ้านมาในตอนเย็น ลี่จุนถิงก็ได้บอกพวกโม่เสี่ยวฮุ่ย

“ได้สิ เวลานี้เหมาะกับการจัดงานมงคลพอดี จะได้ปัดเป่าเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกไปด้วย แต่ว่าทำไมถึงเลือกคฤหาสน์หลังที่อยู่บนภูเขาล่ะ มันไม่มีใครอยู่มานานมากแล้วนี่นา ไม่รู้ว่ามีคนเข้าไปดูแลบ้างรึเปล่า เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่เข้าไปดูหน่อยแล้วกัน”

“ที่เลือกหลังนั้นก็เพราะมันเป็นหลังที่คุณปู่กับคุณย่าซื้อให้หลังแรก แถมคุณย่ายังชอบคฤหาสน์หลังนั้นมากๆด้วย ฉะนั้นถ้าได้จัดงานที่นั่นผมเชื่อว่าคุณปู่จะต้องดีใจมากแน่ๆ”

“ส่วนเรื่องดูแลทำความสะอาดนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมสั่งซู่จี้งยี้ให้หาคนไปเก็บกวาดและทำความสะอาดให้แล้ว วันพรุ่งนี้แม่และคนอื่นๆแค่เตรียมของใช้สำหรับงานเลี้ยงไปก็พอ และที่สำคัญจะต้องเลือกเสื้อผ้าชุดที่ดีที่สุดให้กุ่นกุ่นเจ้าน้อยของผมด้วย”

วันรุ่งขึ้น ก่อนที่เจียงหยุนเอ๋อกับคนอื่นๆจะออกไปก็มีคนมาเคาะที่ประตูบ้าน

“สวัสดีครับ พวกเราคือคนที่ประธานลี่ส่งมาเพื่อมอบเสื้อผ้าให้กับลูกน้อยของคุณ นี่คือเสื้อผ้าคอลเลคชั่นล่าสุดจากแบรนด์ของพวกเราครับ”

มีเสื้อผ้าจากแบรนด์ชื่อดังหลากหลายประเทศส่งเสื้อผ้ามาให้ทั้งเช้า เจียงหยุนเอ๋อตาลายไปหมด ทว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยเคยเห็นฉากนี้มาแล้ว พอเห็นภาพตรงหน้าในตอนนี้จึงไม่รู้สึกตื่นตาตื่นใจอะไรมาก

สองสามวันมานี้เจียงหยุนเอ๋อ โม่เสี่ยวฮุ่ยและซูม่านลีต่างก็เลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับกันจนตาลายไปหมด

“หูย นี่มันเยอะเกินไปแล้ว จะเลือกได้ยังไงเนี่ย จุนถิงนี่จริงๆเลย กุ่นกุ่นยังเล็กอยู่แท้ๆจะให้ลองเสื้อผ้าทุกตัวได้ยังไง ”

เจียงหยุนเอ๋อมองกองเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้าด้วยความกลุ้มใจ

“ไม่เป็นไรนะ พวกเราค่อยๆเลือก ยังไงเขาก็ยังไม่ได้กำหนดวันจัดงานเลย และฉันว่าเด็กผู้หญิงยังไงก็ต้องเลือกสีชมพูหรือไม่ก็สีแดง เพราะสีโทนอบอุ่นแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับเด็กผู้หญิง”

“งั้นเอาแบบนี้ พวกเราต่างคนต่างเลือกออกมาสักสองสามชุด จากนั้นก็เอาไปวางตรงหน้ากุ่นกุ่นแล้วให้เธอเลือกเอง เหมือนแบบตอนที่ให้เลือกจับสิ่งของในวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบไง ”

“แบบนี้ก็ได้ค่ะแม่ ความคิดนี้สุดยอดไปเลย”

พอเป็นแบบนี้เจียงหยุนเอ๋อก็มีแรงเลือกเสื้อผ้าขึ้นมาทันที

คนทั้งตระกูลลี่ยุ่งเช้าจรดเย็นติดต่อกันมาหลายวันแล้ว ลี่จุนถิงไม่เพียงแต่ต้องฟื้นฟูบริษัท เขายังต้องจัดเตรียมรายชื่อแขก จัดการเรื่องการประดับตกแต่งสถานที่และติดต่อทีมต่างๆด้วย

ส่วนเจียงหยุนเอ๋อและคนอื่นๆมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของสถานที่จัดงาน รวมไปถึงการจัดเตรียมอาหารในสถานที่

ลี่จุนถิงไปรับท่านปู่ลี่กลับมาก่อนที่จะถึงวันงานครบรอบหนึ่งเดือนเต็มหนึ่งวัน เมื่อได้ยินว่าจะจัดงานที่คฤหาสน์หลังที่อยู่บนภูเขา คุณปู่ก็มีท่าทีดีใจมากอย่างที่ลี่จุนถิงเคยพูดไว้เป๊ะเลย

“จุนถิง แกนี่เป็นเด็กกตัญญูจริงๆ ไม่เสียแรงที่ย่ารักและทะนุถนอมแกมาก ย่าแกเสียที่นี่และหล่อนได้จากไปนานมากแล้ว แต่แกยังนึกถึงหล่อนอยู่ ถือว่าเยี่ยมจริงๆ”

ลี่จุนถิงได้แต่ยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

เช้าวันรุ่งขึ้น เวียร์มาถึงแล้ว เขาช่วยลี่จุนถิงกับซู่จี้งยี้ตรวจดูความเรียบร้อยในการตกแต่งสถานที่ และถือโอกาสนี้ขอความช่วยเหลือจากลี่จุนถิง

“จุนถิง ฉันมีเรื่องอยากจะขอให้นายช่วย”

“ช่วยอะไร พูดมาสิ”

“ฉันอยากถือโอกาสนี้ขอจุนซินแต่งงาน ฉันเคยคุยกับพ่อแม่ไว้แล้วและพวกเขาก็เห็นด้วย ตอนแรกพวกเขาบอกว่าจะมาร่วมงานด้วย แต่ฉันกลัวว่าจุนซินจะดูออกก็เลยไม่ให้พวกเขามา ”

“ได้สิ นายอยากจะเข้ามาขอหลังพิธีไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปคุยกับซู่จี้งยี้แล้วบอกเขาจัดการให้เอง”

“อืม……เอาเป็นว่าเพิ่มพิธีที่ให้กุ่นกุ่นเลือกจับสิ่งของในวันเกิดครบรอบหนึ่งขวบด้วยสิ ที่จริงฉันเตรียมแหวนมาเยอะมาก พวกเราเอาแหวนใส่ไว้ในกล่องขนาดต่างๆ ทีนี้ไม่ว่าเธอจะเลือกกล่องไหน ฉันก็จะหยิบแหวนมาของจุนซินแต่งงานได้หมดเลย”

พอลี่จุนถิงฟังเขาพูดจบก็หัวเราะร่าออกมาทันทีพลางทุบไปที่เขาเบาๆ“นี่นายวางแผนมานานเลยใช่ไหมเนี่ย”