เวียร์ยิ้มออกมาด้วยความเก้อเขิน“ฉันเริ่มวางแผนไว้ตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกับพี่สาวของนายแล้ว”
“ให้มันได้อย่างนี้สิไอ้หนุ่ม”
พวกผู้ชายต่างก็ยุ่งอยู่กับสถานที่จัดงาน ส่วนพวกผู้หญิงนั้นค่อนข้างสบาย พวกเธอไปทำสปาทั้งตัวก่อนแล้วก็ไปแต่งหน้าทำผมสวยๆ จากนั้นก็มาเปลี่ยนเป็นชุดอันหรูหราสง่างามและสมเกียรติที่เลือกไว้ตั้งแต่แรกให้กับตัวเองและกุ่นกุ่น พอแต่งตัวเสร็จทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์บนภูเขาทันที
คฤหาสน์หลังนี้มีสามชั้นและเนื่องจากคุณย่าชอบสิ่งของที่ค่อนข้างคลาสสิคโบราณ ฉะนั้นตอนที่สร้างท่านปู่ลี่จึงสร้างตามสิ่งที่คุณย่าชอบที่สุด
ทางเข้าประตูใหญ่ถูกปูด้วยหินกรวดล้วน ตลอดสองข้างทางมีม้านั่งที่ทำจากหินวางเรียงรายอยู่ ซึ่งบนม้านั่งก็จะมีกระถางดอกไม้และต้นไม้รูปทรงต่างๆหลากหลายชนิดวางตกแต่งเพื่อความสวยงาม ใครเห็นจะได้รู้สึกสบายตาสบายใจ
ถัดจากม้านั่งหินฝั่งทางขวาจะเป็นโรงจอดรถสำหรับแขก ฝั่งตรงข้ามจะเป็นภูเขาจำลองและมีสระน้ำ ในสระน้ำมีปลาทองและดอกบัว ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสง่างามของสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ
เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกหน่อยก็จะเป็นสวนดอกไม้เรือนกระจก ด้านในมีดอกไม้นานาชนิดที่คุณย่าชอบ ซึ่งเมื่อท่านปู่ลี่มาถึงแล้วเห็นว่าดอกไม้ข้างในยังบานสะพรั่งอยู่เหมือนเดิมเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก
ทางฝั่งขวายังมีโรงจอดรถอีก แต่โรงจอดรถนี้มีแค่คนในตระกูลลี่และคนใกล้ชิดของตระกูลลี่เท่านั้นที่จะเข้าไปจอดได้ อย่างเช่นหลันเยว่เฉิน
เมื่อเดินผ่านถนนที่ปูด้วยหินกรวดไปจนถึงประตูทางเข้าคฤหาสน์ บรรยากาศตรงหน้ามันให้ความรู้สึกโรแมนติก หรูหราและโอ่อ่า ประตูห้องโถงสูงใหญ่สุดอลังการ หน้าต่างที่โค้งมนได้รูปบวกกับอิฐที่วางซ้อนกันเป็นมุม ทุกอย่างล้วนสง่างามและหรูหรามาก
แถมยังดูสมัยใหม่ ไม่ล้าหลังเลย ผนังสีขาวรับกับกระเบื้องหลังคาสีแดงอ่อน ประตูที่โค้งมนเรียงเป็นระเบียงยาวติดต่อกัน ส่วนห้องรับแขกก็เป็นแบบเพดานสูง ให้ความรู้สึกจรรโลงใจ
ทุกอย่างล้วนดูประณีตงดงามและกว้างขวางมาก ระเบียงและประตูห้องโถงถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน ส่วนห้องรับแขกและห้องนอนล้วนถูกออกแบบให้ใช้หน้าต่างทรงเตี้ยที่ยื่นนูนออกไปข้างนอกตัวบ้านและมีลักษณะเป็นมุมหกเหลี่ยม นอกจากนี้ห้องอาหารยังเป็นลักษณะทอดยาวเหนือจรดใต้ แถมยังเปิดโล่งเผยให้เห็นวิวข้างนอกอีกด้วย
ตอนที่ลี่จุนถิงมาถึงแต่เช้าเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากเหมือนกัน เพราะยังไงที่นี่ก็เป็นสถานที่สุดท้ายที่เขาได้อยู่กับคุณย่า ทุกอย่างไม่เปลี่ยนไปเลย แต่จริงๆทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
“คุณย่าครับ คุณย่าเห็นชีวิตของผมในตอนนี้ไหมครับ?ผมมีชีวิตที่ดีมาก มีภรรยาที่ผมรัก แถมยังมีลูกที่น่ารักอีกสองคน ผมได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ผมหวังว่าท่านจะคอยปกปักรักษาครอบครัวของพวกเราอยู่บนสวรรค์ด้วยนะครับ”
งานเลี้ยงครบรอบอายุหนึ่งเดือนของกุ่นกุ่นเจ้าน้อยเป็นงานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ลี่จุนถิงกลับมา แน่นอนว่าหลากหลายตระกูลคงจะแห่กันมาพัลวันแน่นอน และคงไม่ได้มาเพียงเพราะอยากจะเห็นทรัพย์สมบัติของตระกูลลี่เป็นแน่ พวกเขาคงอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อไต่เต้าเข้ามารู้จักกับลี่จุนถิงมากกว่า ซึ่งบางคนก็พาลูกหลานหรือเด็กที่พึ่งเกิดมาด้วย
เพราะเผื่อว่าลี่จุนถิงจะถูกใจ แล้วพวกเขาจะได้ทำการหมั้นหมายผูกสัมพันธ์กับครอบครัวที่ร่ำรวยอย่างตระกูลลี่ ซึ่งนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่บอกได้เลยว่าคนพวกนี้ช่างไรเดียงสาจริงๆ กุ่นกุ่นเจ้าน้อยถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุดของลี่จุนถิง ฉะนั้นเขาคงไม่มั่วซั่วทำการหมั้นหมายลูกตัวเองกับเด็กคนอื่นหรอก
มีคนจำนวนมากที่โดนสกัดไว้ที่ตีนเขาและเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ขับรถขึ้นมาเอง ซึ่งนี่บ่งบอกได้เลยว่าใครกันที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลลี่
แต่ว่าลี่จุนถิงก็ไม่ได้ให้พวกเขาเดินขึ้นเขามาเอง แบบนี้มันน่ารังเกียจเกินไป เขาได้จัดรถไฟฟ้าแบบที่ใช้ในสถานที่ท่องเที่ยวไว้ให้แล้ว
ผู้คนมากมายที่สวมชุดราตรีสวยๆและชุดสูทแพงๆล้วนนั่งอยู่บนรถไฟฟ้า โดยรวมแล้วน่าขำนิดหน่อย แต่เนื่องจากคนส่วนมากก็อยู่ในสภาพเดียวกัน เพราะงั้นก็เลยไม่มีใครถือสาหรือสนใจอะไร
เมื่อพวกเขาเข้าไปถึงข้างในแล้วเห็นคฤหาสน์ทั้งหลัง ทุกคนต่างก็ทอดถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้“อย่างที่คิดไว้เลย ลี่จุนถิงนี่น่าทึ่งจริงๆ สุดยอดมากที่สามารถสร้างคฤหาสน์อย่างนี้ไว้ในที่แบบนี้ อีกอย่างพวกคุณดูภูเขาจำลองนั่นสิ แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอยู่มานาน แต่สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆยังดูใหม่อยู่เลย”
“งั้นก็แสดงว่าลี่จุนถิงส่งคนมาคอยดูแลที่นี่ตลอด ที่ตั้งกว้างใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าทุกปีคงต้องเสียค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมไปไม่น้อยเลยทีเดียว”
หลายคนต่างก็คิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่มาร่วมงานครั้งนี้
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นแล้ว ลี่จุนถิงอุ้มกุ่นกุ่นที่สวมชุดสีแดงเดินออกมาพร้อมกับเจียงหยุนเอ๋อที่จูงมือถวนจื่อ
เจียงหยุนเอ๋อรู้เรื่องที่เวียร์จะของแต่งงานแล้ว ดังนั้นเธอเลยเปลี่ยนไปใส่ชุดที่ไม่โดดเด่นมากนัก แล้วกระซิบพูดอธิบายให้ลี่จุนซินฟัง
“งานนี้กุ่นกุ่นกับจุนถิงเป็นเจ้าของงาน เพราะงั้นฉันต้องถ่อมตัวหน่อยถึงจะเหมาะสม”
พอจัดการอะไรเสร็จอีกครั้งเจียงหยุนเอ๋อก็เปลี่ยนไปใส่ชุดเดรสสีขาว ผมสีดำยาวสลวยถูกปล่อยสยายถึงบ่า มันแผ่สยายลงบนเสื้อสีขาว เกิดเป็นสีดำขาวตัดสลับกันอย่างเห็นได้ชัด
หน้าตาที่สวยสดงดงาม ดวงตาสีดำโตบวกกับคิ้วที่ไม่หนาและบางเกินไป ริมฝีปากที่อวบอิ่มเล็กได้รูปราวกับลูกเชอร์รี่ ถ้าใครเห็นคงอยากจะกัดกินเหมือนเยลลี่เลยล่ะ
โดยภาพรวมเธอดูสวยสะอาดตาและสง่างามมาก เรียวขาอันขาวนวลละเอียดและตรงสวยถูกซ่อนอยู่ใต้กระโปรงสีขาว เอวคอดได้รูป เสื้อคอลึกเป็นรูปตัววีเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าที่ตรงสวยและลำคอที่ตั้งตรงขาวเนียนราวกับหงส์
เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีอ่อนโดยไม่ใส่ถุงน่องและถุงเท้า เผยให้เห็นเท้าสวยได้รูปที่ขาวดั่งหยก นิ้วหัวแม่เท้าอิ่มเอิบกลมสวย ส่วนเล็บก็เป็นสีอมชมพู เธอไม่ได้ทาสีหรือว่าไปตกแต่งทำเล็บเพิ่มเติมเลย
และเพื่อจะได้เข้ากับเจียงหยุนเอ๋อ ลี่จุนถิงก็ได้เปลี่ยนเป็นชุดสูทสีขาวทั้งตัว ถึงแม้ทั้งสองจะใส่ชุดที่ค่อนข้างธรรมดา แต่ยังไงทั้งสองก็เป็นเจ้าของงาน ฉะนั้นมันจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้เป็นอย่างมากอยู่เหมือนเดิม
เดิมลี่จุนซินสวมชุดราตรีสีฟ้าคราม แต่เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าชุดนี้มันไม่สะดุดตามากเท่าไหร่ก็เลยให้หล่อนเปลี่ยนเป็นชุดเดรสยาวสีทอง เป็นชุดกระโปรงยาวลากพื้น เนื้อผ้าสะท้อนแสงแวววาวเป็นประกายและเรียบลื่นมาก แถมยังเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน ส่วนทรงผมนั้นเป็นทรงถักเปียยาวลงมาอย่างสวยงามพร้อมกับเอาผ้าไหมสีทองแทรกสลับเข้าไปในผม เพราะงั้นมันจึงดูเปล่งประกายงดงามและดึงดูดสายตามากเลยทีเดียว
เวียร์ยืนอยู่ด้านล่างเวทีพร้อมกับมองไปที่ลี่จุนซินที่เปล่งประกายอยู่ท่ามกลางผู้คน พอคิดว่าอีกเดี๋ยวตัวเองจะต้องลงมือทำอะไร เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หลังจากที่ลี่จุนถิงอุ้มกุ่นกุ่นไว้พลางกล่าวคำต้อนรับและขอบคุณอะไรเสร็จ เขาก็ลงมาจัดเตรียมพิธีเลือกสิ่งของของกุ่นกุ่นที่กำลังจะเริ่ม แล้วก็การขอแต่งงานของเวียร์
เนื่องจากในสถานที่ทั้งหมดถูกตกแต่งเป็นแนวจินตนาการของเด็กน้อย เพราะงั้นถ้าเวียร์จะใช้ฉากนี้เพื่อขอแต่งงานจึงดูไม่ค่อยเหมาะ ลี่จุนถิงจึงรีบสั่งให้นักออกแบบเปลี่ยนของตกแต่งบางอย่างโดยเร่งด่วน ซึ่งทุกอย่างมันพึ่งเสร็จเมื่อก่อนงานเลี้ยงเริ่มนี้เอง
และในโอกาสแบบนี้ แน่นอนว่าจะขาดหลันเยว่เฉินไปไม่ได้ พ่อหลันแม่หลันมาถึงแล้ว เมื่อเห็นเด็กน้อยทั้งสองที่อยู่กับลี่จุนถิง พวกเขาก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที คนแรกปรี่เข้ามาอุ้มกุ่นกุ่นส่วนอีกคนเข้ามาอุ้มถวนจื่อ ซึ่งพออุ้มแล้วก็ไม่ยอมวางเลย
“โห จุนถิงลูกๆของนายน่ารักมากเลยๆแค่ฉันเห็นก็ใจละลายแล้ว เสี่ยวฮุ่ย เธอนี่โชคดีจริงๆที่มีเด็กน้อยทั้งสองคนนี้อยู่เป็นเพื่อน”
“เยว่เฉินก็ไม่เลวนี่นา ได้เป็นถึงอาจารย์แพทย์ตั้งแต่อายุยังน้อย แถมตอนนี้ยังได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้อำนวยการแล้วด้วย”
“เป็นรองผู้อำนวยการแล้วยังไง ตอนนี้เขายังตัวคนเดียวอยู่เลย ไม่เห็นเหมือนกับจุนถิงที่มีทั้งภรรยาที่ดีอย่างเจียงหยุนเอ๋อ แล้วก็เด็กน้อยที่น่ารักอีกสองคน ฉันล่ะอิจจาจริงๆเลย”