หลังจากที่แม่หลันคืนกุ่นกุ่นให้ลี่จุนถิง เธอก็ตีหลันเยว่เฉินเบาๆ“แกนี่มันไม่ได้เรื่อง ถ้าแกไปทำงานบริษัทอย่างจุนถิงล่ะก็ ป่านนี้คงมีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมืองไปแล้ว”
“ที่โรงพยาบาลผมเจอคนเยอะกว่านี้อีก”หลันเยว่เฉินเถียง
“เจอคนเยอะขนาดนั้น ฉันยังไม่เคยเห็นแกพากลับมาบ้านสักคนเลย”แม่หลันพูดพลางตีเขาไปอีกที
“ตีผมอีกทำไมเนี่ย คนตั้งเยอะแยะ ให้เกียรติผมหน่อยสิแม่”
เมื่อหลันเยว่เฉินเห็นพวกลี่จุนถิงกำลังหัวเราะร่า เธอจึงจำใจหยุดลง
พองานเลี้ยงใกล้จะจบ เรื่องที่สำคัญที่สุดของงานในวันนี้ก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ลี่จุนซิงมองกล่องที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกตะหงิดใจ“ของที่เตรียมไว้ให้เลือกควรจะถูกวางเรียงอยู่บนโต๊ะไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเอาของทุกอันใส่ไว้ในกล่องหมดเลยล่ะ?แถมกุ่นกุ่นเจ้าน้อยก็ยังอายุไม่ครบหนึ่งปีเลย ทำไมถึงให้เลือกของแล้ว?”
ตอนที่เธอถูกลากขึ้นไปบนเวที ความสงสัยของเธอก็ยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก“พิธีเลือกของนั้นมีแค่เจียงหยุนเอ๋อกับลี่จุนถิงก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมพวกเราถึงต้องขึ้นไปด้วยล่ะ?”
“อย่าพูดมากน่า ที่พวกเขาทำแบบนี้แสดงว่าพวกเขาต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว”โม่เสี่ยวฮุ่ยกลอกตาใส่เมื่อได้ยินคำถามของลูกสาวในขณะที่เธอกำลังดึงลี่จุนซินขึ้นมาบนเวที
หลังจากที่ขึ้นมาบนเวทีครบทุกคนแล้วเธอก็แอบดันลี่จุนซินออกไปอยู่ข้างหน้าสุด พอเวียร์เห็นว่าลี่จุนซินยืนอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว เขาที่ยืนหลบอยู่หลังม่านก็รู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิมอีก
ในที่สุดกุ่นกุ่นเจ้าน้อยก็เริ่มเลือกของ หนูน้อยนั่งอยู่ท่ามกลางกล่องหลากหลายขนาดพร้อมกับมองซ้ายแลขวา ในที่สุดก็จับกล่องสีแดงที่วางอยู่ใกล้ตัว
เมื่อเห็นกุ่นกุ่นเจ้าน้อยจับกล่องแล้ว ลี่จุนถิงก็เอื้อมไปหยิบมา จากนั้นก็หันหลังไปแล้วเอากล่องยื่นให้เวียร์ที่เดินออกมาจากทางด้านหลัง เขาเปิดกล่องออกแล้วหยิบกล่องขนาดเล็กที่วางไว้ข้างในออกมา
จากนั้นก็เดินอ้อมโต๊ะแล้วตรงไปที่ลี่จุนซิน
ลี่จุนถิงรีบหาคนมายกโต๊ะออกไปเพื่อให้ทั้งคู่ได้มีที่ว่าง
เมื่อลี่จุนซินเห็นเวียร์เดินถือกล่องตรงมาหาตัวเอง เธอก็รู้คร่าวๆในใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้พลางจ้องไปที่เวียร์ตาไม่กะพริบ
เวียร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าลี่จุนซิน เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็หยิบแหวนออกมาแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“จุนซิน ได้โปรดยกโทษให้แก่ความไม่รู้กาลเทศะของผมด้วย ผมรู้ดีว่าที่นี่อาจจะไม่ใช่ที่ที่ดีที่สุดในการขอแต่งงาน แต่ว่าผมรอไม่ไหวแล้ว ผมอยากจะอยู่กับคุณตลอดไปจริงๆนะ ”
Althoughyouspentyourprevioustimewithoutme,Icannotlivetherestofmylifewithoutyou(ผมอาจจะไม่ได้อยู่ในอดีตของคุณ แต่ว่าในอนาคตนั้นคุณจะมีผมอยู่ด้วยแน่นอน)”
“จุนซิน ผมอยากจะอยู่กับคุณไปนานๆจนแก่จนเฒ่า แต่งงานกับผมนะ?”
กว่าเวียร์จะพูดจบ ลี่จุนซินก็ร้องไห้ออกมาก่อนแล้ว
เวียร์เม้มปากแน่นด้วยความตื่นเต้น มือที่ถือแหวนอยู่เหงื่อแตกพลั่ก พอโม่เสี่ยวฮุ่ยเห็นว่าลี่จุนซินเอาแต่ร้องไห้จึงรีบสะกิดเธอจากข้างหลังเบาๆ
ในที่สุดลี่จุนซินก็รู้สึกตัว เธอยื่นมือออกไปพลางร้องไห้โฮ จากนั้นก็พยักหน้าบอกเป็นการตกลง
เมื่อเวียร์เห็นว่าลี่จุนซินพยักหน้ารับแล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นในใจก็มลายหายไปทันที แต่ว่าตอนที่สวมแหวนให้ลี่จุนซินมือยังคงสั่นอยู่เล็กน้อย
หลังจากสวมแหวนเสร็จ เวียร์ก็ลุกขึ้นแล้วยื่นมือออกไปช่วยเช็ดน้ำตาให้ลี่จุนซิน จากนั้นก็จูบเธอเบาๆ แล้วคว้าตัวเธอเข้ามากอด
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อเห็นภาพทั้งสองกอดกันกลมก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แขกที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างก็ส่งเสียงปรบมือดังเกรียวกราวพร้อมกับกล่าวอวยพรและแสดงความยินดี
โม่เสี่ยวฮุ่ยมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ในที่สุดลูกสาวและลูกชายของตัวเองต่างก็ออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้วสักที
เธอคืนถวนจื่อให้กับเจียงหยุนเอ๋อ จากนั้นก็ลงจากเวทีเพื่อไปเอาไมค์ที่ซู่จี้งยี้ แล้วรีบเดินไปที่ตรงกลางเวที
“ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีแขกมากมายมาร่วมงานวันครบรอบหนึ่งเดือนของหลานสาวดิฉัน แถมยังเป็นสักขีพยานให้กับเรื่องมงคลของลูกสาวดิฉันด้วย ดิฉันหวังว่าทุกท่านจะได้ร่วมงานกับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้อย่างมีความสุข”
“สุดท้ายนี้ดิฉันขอประกาศว่าวันหมั้นของเวียร์และลูกสาวของดิฉันจะมีการจัดขึ้นในเดือนหน้าวันเดียวกับวันนี้ แต่พอถึงตอนนั้นทางเราคงจะไม่จัดพิธีงานหมั้นที่ยิ่งใหญ่เท่านี้ ขอทุกท่านโปรดเข้าใจด้วย”
หลังจากที่งานเลี้ยงจบลง ลี่จุนซินก็เดินไปยังกองที่มีกล่องหลายขนาดวางอยู่พร้อมกับแกะข้างในออกมาดู“ทำไมคุณซื้อแหวนมาเยอะขนาดนี้เนี่ย นี่คุณจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเกินไปแล้วนะ!”
“ผมก็แค่เตรียมเผื่อไว้กันพลาด ถ้าเกิดกุ่นกุ่นเจ้าน้อยจับกล่องเปล่าขึ้นมาจะทำไงล่ะ”เวียร์ที่ยืนอยู่ข้างๆยิ้มหน้าระรื่นให้ลี่จุนซิน
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเธอก็เป็นของเขา ความรู้สึกหอมหวานในใจก็แทบจะล้นทะลักออกมาเลยทีเดียว
“ฉันไม่สนหรอก จากนี้ไปห้ามใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายอีกนะ ถึงจะรวยก็ไม่ควรใช้เงินแบบนี้ หรือถ้าเกิดรู้สึกว่าเงินมันเยอะเกินไปก็เอาไปทำให้เกิดประโยชน์เถอะ”
“ครับๆ คุณภรรยาพูดถูกที่สุด จากนี้ไปเงินของผมก็ถือเป็นเงินของคุณ”
“ใครเป็นภรรยาของนายมิทราบ อย่ามาพูดมั่วๆนะ”เมื่อได้ยินคำว่า“ภรรยา” ลี่จุนซินก็มองค้อนเวียร์พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เวียร์ดึงลี่จุนซินเข้ามากอดแล้วจูบเธอ“แน่นอนว่าต้องเป็นคนสวย มีจิตใจดีและใจกว้างอย่างคุณไง”
“ปากหวานจริงๆ เอาล่ะถือว่าคุณพูดดี แต่ว่าคุณรู้ขนาดนิ้วมือฉันได้ยังไง? ”
“จับมือคุณอยู่ทุกวัน ถ้าผมไม่รู้ขนาดนิ้วมือของคุณก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว”
“เหอะ ถือว่าว่าผ่านด่าน”
ลี่จุนถิงกับเจียงหยุนเอ๋อยืนมองทั้งสองที่กำลังเย้าแหย่กันอยู่ไม่ไกลนัก ทั้งคู่หันมาสบตาแล้วยิ้มให้กันอย่างรู้ใจ
ลี่จุนซินกำลังจะหมั้นกับเวียร์แล้ว ฉะนั้นแสดงว่าการแต่งงานกำลังจะถูกจัดขึ้นในเร็วๆนี้ เมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยนึกถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกทำใจไม่ได้ขึ้นมา เธอจึงให้ลี่จุนซินกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์ อีกอย่างท่านปู่ลี่ก็กลับมาพอดี แบบนี้หล่อนก็จะได้อยู่ดูแลเขาด้วย
แต่ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยไม่ได้อยากแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะงั้นก็เลยให้เวียร์ตามเข้ามาอยู่ด้วย
เพราะถึงยังไงเวียร์ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ทุกวัน เขามีบริษัทของตัวเอง แถมยังมีงานให้ต้องจัดการอีกมากมาย ถ้าเป็นเรื่องทั่วไปอาจจะจัดการหรือทำงานที่นี่ได้ ทว่าถ้ามีเรื่องสำคัญเขาก็ต้องบินกลับไปเพื่อจัดการอยู่ดี
งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือนของกุ่นกุ่นเจ้าน้อยผ่านไปยังไม่ทันครบเดือน บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปก็กลับมาเป็นปกติ ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ลี่จุนถิงได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้หุ้นของบริษัทลี่ซื่อก็ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน
ส่วนคนที่ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนได้ส่งเข้ามาแทรกแซงในแผนกต่างๆ ทุกคนต่างก็เข้ามามอบตัวโดยที่ลี่จุนถิงยังไม่ทันเอ่ยปากเรียกด้วยซ้ำ ทว่าลี่จุนถิงไม่ใช่คนใจบุญ
เขาเก็บแต่คนที่มีศักยภาพที่ดีไว้ทำงานที่สำนักงานใหญ่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆถูกแบ่งออกไปทำงานในบริษัทในสาขาอื่น และถึงแม้จะไม่ถูกเก็บไว้ทำงานในสำนักงานใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกของคุณลี่จุนถิงมาก เพราะอย่างน้อยลี่จุนถิงก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือกับพวกเขาอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต
ว่ากันว่ากลอุบายของลี่จุนถิงนั้นทำให้ผู้คนถึงกับพูดไม่ออกมานักต่อนักแล้ว พวกผู้ถือหุ้นต่างก็ยอมรับทั้งกายวาจาใจ ด้วยเหตุนี้เขาเลยขึ้นไปนั่งตำแหน่งสูงสุดของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้อย่างรวดเร็ว
ภายในระยะเวลาสิบวันมานี้ ซู่จี้งยี้ก็ได้ส่งคนไปตามฉีเฉิงกลับมาแล้ว
“ประธานลี่ครับ ผมพาฉีเฉิงกลับมาแล้ว ตอนนี้รออยู่ด้านนอก”
ลี่จุนถิงพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจที่เขาพาฉีเฉิงกลับมาได้