ทันทีที่ฉีเฉิงเข้ามา เขาก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วยอมรับทุกอย่าง
“ประธานลี่ ประธานลี่ครับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ลี่หุยกับลี่หยูนห่วนเป็นคนสั่งให้ผมทำทั้งนั้น และถ้าผมไม่ทำครอบครัวของผมก็จะตกอยู่ในอันตราย”
“ประธานลี่ตอนนั้นผมไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ขอร้องล่ะ ยกโทษให้ผมเถอะนะ”
ลี่จุนถิงไม่ได้สนใจที่เขาพูด เพียงแต่เดินเข้าไปหาแล้วพยุงขึ้นมานั่งบนโซฟาพร้อมกับมองเขาหัวจรดเท้า
เมื่อฉีเฉิงเห็นรอยยิ้มที่ดูผ่อนคลายและดูสบายๆของเขาก็รู้สึกตัวได้ทันทีเลยว่าตัวเองจบเห่แล้วแน่ๆ
“วางใจเถอะ ที่นายพูดมาฉันรู้หมดแล้วล่ะ และฉันคงไม่ทำอะไรนายหรอก แค่ส่งนายไปเป็นแรงงานที่แอฟริกาก็พอแล้ว”
“ครับๆ ประธานลี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ แต่ว่า……ครอบครัวของผม พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย ท่านปล่อยพวกเขาไปได้ไหมครับ?”
“ได้สิ เรื่องนี้นายทำคนเดียว ฉันไม่ดึงมันเข้าไปเกี่ยวข้องกับครอบครัวของนายหรอก ฉันเป็นพ่อคนแล้วนะ ฉันรู้หรอกน่าว่านายลำบากใจมากแค่ไหน”
“อีกอย่างฉันก็ไม่เหมือนลี่หุยกับลี่หยูนห่วนด้วย นายไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยดูแลครอบครัวของนายให้เป็นอย่างดี”
อันที่จริงไม่ใช่ว่าลี่จุนถิงไม่ได้เกลียดเขา เพียงแต่รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเป็นพ่อคนแล้ว ฉะนั้นจะลงไม้ลงมือกับคนมากเกินไปไม่ได้ เนื่องจากกลัวว่ามันจะกลับมาแว้งกัดลูกของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ตัวเองถึงได้เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้
ลี่จุนถิงพูดจริงทำจริง เขาส่งฉีเฉิงไปที่ทวีปแอฟริกาและก็ไม่ได้แตะต้องคนในครอบครัวของฉีเฉิงเลยแม้แต่น้อย กลับกันกลับให้เงินพวกเขาไปอีกตั้งก้อนหนึ่งแล้วบอกว่านี่คือเงินขอบคุณที่ก่อนหน้านี้ฉีเฉิงดูแลตระกูลลี่
แถมครั้งนี้ลี่จุนถิงก็ไม่ได้ลงมือกับลี่หุยและลี่หยูนห่วนอย่างโหดเหี้ยมด้วย เขาไม่ได้ถอดหุ้นของลี่หุยออก เขายังคงสถานะผู้ถือหุ้นไว้เหมือนเดิม
เพียงแต่ว่าได้จัดการย้ายเขาลงไปทำงานเป็นผู้จัดการที่แผนกล่างแทน ส่วนผู้จัดการระดับสูงก็คือคนของลี่จุนถิง แบบนี้จะได้คอยจับตาดูเขาอยู่ตลอด ลี่หุยต้องทนแบกรับความกดดันนี้ไว้จนแทบเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย
ที่นี่เขาเป็นแค่พนักงานธรรมดา ไม่สามารถแตะต้องกิจการธุรกิจอะไรได้ ทว่าก็ต้องมาทำงานที่บริษัทให้ตรงเวลาทุกวัน
ลี่จุนถิงไม่ได้ย้ายเขาไปที่อื่น ไม่ใช่เพราะกลัวว่าเขาจะทำเรื่องไม่ดีอีก เพียงแต่ว่าการที่ได้เห็นท่าทางที่โกรธแค้นในทุกๆวันของเขามันทำให้รู้สึกสบายใจมากก็เท่านั้นเอง
ลี่หุยถูกลี่จุนถิงรังควานจนอยู่ไม่สุข คนด้านบนก็กดดันเขา ส่วนคนด้านล่างก็ไม่ฟังเขา พอเป็นแบบนี้เขาเลยยิ่งเกลียดและแค้นลี่จุนถิงมากขึ้นอีก ฉะนั้นเขาจึงไปหาลี่เจี้ยนหวาเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าลี่เจี้ยนหวากลับไม่สนใจ
ลี่เจี้ยนหวาบอกแค่ว่าให้ตั้งใจทำงานดีๆ ลี่จุนถิงให้ทำอะไรก็ทำ
เขาจึงหันหน้าไปหาลี่หยูนห่วนเพื่อร่วมมือกันอีกครั้ง ทว่าลี่หยูนห่วนก็ไม่สนใจเขาเช่นกัน
“ลี่หุย นายไม่ต้องติดต่อฉันมาแล้วนะ ฉันไม่อยากร่วมมือกับนายอีก ฉันดูออกนะว่าคนอย่างนายน่ะมันไม่มีความสามารถอะไรเลย นายมันเอาแต่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของตัวเอง ทำแต่เรื่องโง่ๆ เห็นแต่ผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า ไม่เคยคำนึงถึงผลที่ตามมาในระยะยาวเลย”
“เดิมฉันอยู่เงียบๆที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้วมีอนาคตกว้างไกลไปเรื่อยแบบนั้นก็ดีอยู่แล้ว แต่ดูตอนนี้สิ นายเป็นคนทำให้ฉันตกมาอยู่ในสภาพแบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นเพราะนาย หลังจากที่โดนนายหักหลังไปครั้งหนึ่ง ฉันก็ไม่ควรจะเชื่อนายอีก”
“ฉันนึกว่าครั้งนี้ให้โอกาสนายอีกครั้ง มันจะทำให้ฉันพลิกเกมกลับมาได้ แต่ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะล้มเหลวหนักกว่าเดิมอีก มีไพ่ดีๆอยู่แท้ๆ แต่นายกลับทำพังเละเทะไปหมด ครั้งนี้ฉันแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แถมยังถูกปลดออกจากสำนักงานใหญ่ของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้วยังต้องเสียหุ้นไปดื้อๆอีกด้วย”
“เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนาย นายรู้ไหมว่าพ่อฉันต้องแบกหน้าไปขอร้องลี่จุนถิง ทว่าผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม ลี่หุย นายมันเศษสวะ นายมันคนโง่”
ตอนที่ลี่หุยมาหาลี่หยูนห่วนนั้นมันพอดีกับตอนที่ลี่หยูนห่วนกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฉะนั้นเขาก็เลยโดนด่ากราดไปยกใหญ่
เมื่อลี่หุยได้ยินลี่หยูนห่วนด่าตัวเอง ความโมโหในใจก็คุกกรุ่นขึ้นมาทันที“นี่นายคิดว่าฉันอยากให้เป็นแบบนี้เหรอ?นายว่าฉันเป็นเศษสวะ แล้วนายล่ะ?หลายปีก่อนหน้านี้นายเคยทำอะไรลี่จุนถิงได้บ้าง นายมีหน้ามาว่าฉันเป็นเศษสวะได้ยังไง”
“ถึงฉันจะเป็นเศษสวะ เป็นคนโง่ แต่อย่างน้อยฉันก็ยังได้อยู่ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป แล้วดูนายสิ หึ เห็นทีนายต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ คงไม่ได้กลับไปที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว ”
พอลี่หุยโต้กลับเสร็จเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไปทันที
ลี่หยูนห่วนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ความแค้นในใจที่มีต่อลี่หุยทวีคูณเพิ่มขึ้นอีก
จริงที่ลี่จุนถิงลงโทษลี่หยูนห่วนหนักกว่าลี่หุย เพราะลี่หยูนห่วนถูกย้ายออกจากสำนักงานใหญ่ลงไปทำงานเป็นผู้จัดการที่บริษัทสาขาระดับล่าง
ก่อนจะถูกย้ายลี่จุนถิงได้เรียกเขาไปคุยเป็นการส่วนตัวที่ห้องทำงาน
“ลี่หยูนห่วน ฉันเห็นแก่ที่นายเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉัน แถมนายยังมีความสามารถอีก ถ้าเกิดว่านายจัดการดูแลสาขาระดับล่างได้ดี ในอนาคตฉันอาจจะเอานายกลับมาเป็นผู้จัดการของที่นี่เหมือนเดิมก็ได้”
“แต่ว่าถ้านายยังหลงงมงายในสิ่งที่ผิด แล้วร่วมมือกับลี่หุยอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
ลี่หยูนห่วนรู้สึกเสียใจที่หลงผิดไป ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกเขาก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับลี่จุนถิงหรอก ถ้าเขาวางมือตั้งแต่ครั้งก่อน ตอนนี้เขาก็คงไม่ต้องมาลำบากขนาดนี้
อันที่จริงลี่จุนถิงค่อนข้างมั่นใจในความสามารถลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้มากพอสมควร เพราะยังไงเขาก็เป็นถึงหลานชายแท้ๆของท่านปู่ลี่ และถ้าลงมือกับเขาหนักเกินไป ท่านก็คงจะไม่สบายใจ
ถึงแม้ตอนนี้ลี่หุยจะประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ทว่าอำนาจไม่ได้อยู่ที่เขา ตอนนี้เขาไม่มีอำนาจอะไรเลย ไม่ว่าใครหน้าไหนต่างก็กล้าที่จะทำหน้าบูดใส่เขา
ส่วนลี่หยูนห่วนที่ถึงแม้จะประจำอยู่ที่บริษัทเฉยๆ แต่เขาก็ยังอยู่ในฐานะลูกชายคนรองของตระกูลลี่ ฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีใครมาหาเรื่องเขา
ต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่องที่ท่านปู่ลี่เป็นลมชักในตอนแรกนั้นมันเกิดขึ้นเพราะพวกเขาทั้งสอง ทว่าลี่จุนถิงก็ไม่ได้ลงโทษอะไรกับพวกเขามาก ลี่จุนถิงแค่ให้ผู้จัดการมอบหมายงานเล็กๆน้อยๆให้ลี่หุยทำ ส่วนลี่หยูนห่วนนั้นนี่เป็นเพียงแค่การตักเตือน
หลังจากที่มีกุ่นกุ่นเจ้าน้อย อารมณ์ของลี่จุนถิงก็ดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ทุกๆวันหลังจากลี่จุนถิงกลับมาที่บ้าน เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเข้าไปกอดกุ่นกุ่นเจ้าน้อย จากนั้นก็หอมแก้มเธอสองสามทีพร้อมกับเล่นกับเธอและถวนจื่อสักพักแล้วถึงจะลุกไปทำอย่างอื่น
เมื่อลี่จุนถิงเข้ามาทำงานวันนี้ เขาก็เห็นซู่จี้งยี้ยืนอยู่หน้าห้องทำงานแล้วมองมาด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่
“นายทำหน้าแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“ประธานลี่ เมื่อเช้าผมเข้ามาแล้วพบว่าห้อง…..ห้องทำงานของคุณมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ คือผม……ผมห้ามพวกเขาไว้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีความสามารถนะ แต่ว่าผมขัดขืนพวกเขาไม่ได้จริงๆ”
“ฉันไม่เคยเห็นนายกลัวคนอื่นมากขนาดนี้มาก่อนเลย ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าข้างในนั้นเป็นใครกัน”
ที่จริงคนที่อยู่ข้างในก็ไม่ใช่ภูตผีปีศาจร้ายอะไรหรอก เพียงแต่ว่าพวกเขาค่อนข้างซุกซน และชอบยั่วโมโหคนอื่นแค่นั้นเอง ซึ่งซู่จี้งยี้โดนพวกเขาเล่นงานเข้าให้ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก หลังๆมาได้เจออีกสองสามครั้งก็ถูกพวกเขาเล่นงานซะจนอ่วม แถมวิธีการเล่นงานในแต่ละครั้งก็ไม่เหมือนกันด้วย
ฉะนั้นตอนเจอพวกเขาเมื่อเช้านี้ซู่จี้งยี้จึงตัวสั่นเทิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่โชคดีที่ครั้งนี้เขาไม่โดนคนพวกนี้เล่นงาน
เห็นทีบนโลกนี้ก็คงจะมีแต่ลี่จุนถิงเท่านั้นแหละที่ไม่กลัวว่าจะถูกพวกเขาเล่นงาน ทว่าคนพวกนี้ก็ไม่กล้าที่จะเล่นงานเขาหรอก