ตอนที่ 1351 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (5) ตอนที่ 1352 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (6)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1351 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (5) / ตอนที่ 1352 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (6)
ตอนที่ 1351 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (5)

กะโหลกศีรษะนั่นเหลือแต่กระดูก เบ้าตาที่กลวงโบ๋ของมันหันมาทางจวินอู๋เสีย มองแวบแรกเหมือนมันกำลังจ้องจวินอู๋เสียอยู่เลย

ถ้านี่เป็นเจ้าแมวดำละก็ เดาได้เลยว่ามันคงจะเป็นลมหมดสติไปทันที

แต่จวินอู๋เสียแค่เหลือบมองไปทางมันอย่างสงบนิ่ง

“เจ้าจี๊ด!” เสียงของเด็กหญิงแฝงความไม่พอใจ นางก้าวข้ามกองสมบัติมาที่หน้าบัลลังก์หยกและหยิบกะโหลกขึ้นมา

หนูนรกที่ยังคงคายสมบัติออกมาอย่างมีความสุข ตัวแข็งทื่อไปทันทีจากเสียงตะโกนของเด็กหญิง ไข่มุกเรืองแสงที่มีขนาดเท่าไข่ไก่เพิ่งออกมาได้แค่ครึ่งเดียว ยังคาอยู่ในปากของหนูนรกที่ยืดออกกว้าง มันยืนกะพริบตาปริบๆ ด้วยสีหน้าว่างเปล่าใส่เจ้านายของมัน

“ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว อย่าเก็บกระดูกคนเลวพวกนั้น!” เด็กหญิงพูดอย่างไม่พอใจพร้อมขมวดคิ้วจ้องกะโหลกศีรษะมนุษย์ในมือ สายตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ

หนูนรกพ่นไข่มุกเรืองแสงออกมาอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปตรงหน้าเด็กหญิง จากนั้นมันก็ยืนด้วยขาหลังและยื่นอุ้งเท้าเล็กๆ สองข้างของมันออก

เด็กหญิงยื่นกะโหลกมนุษย์ให้กับหนูนรก และพูดว่า “ของสกปรกแบบนี้ ย่อยมันไปเสีย อย่าให้มันมาทำให้ที่ของท่านเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิแปดเปื้อน”

ทันทีที่พูดจบ นางก็ใช้แขนเสื้อเช็ดตรงจุดที่กะโหลกศีรษะกลิ้งไปก่อนหน้านี้

หนูนรกไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากกลืนกะโหลกมนุษย์กลับเข้าปากของมันไป

“ถ้าเจ้าโยนของสกปรกแบบนี้ออกมาอีก ข้าจะลงโทษเจ้า” เด็กหญิงเตือนหนูนรกด้วยสีหน้าเข้มงวดหลังจากเช็ดทำความสะอาดพื้นแล้ว

หนูนรกพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นก็โอ้เอ้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะคายสมบัติออกมา พอห้องโถงเต็มแล้ว หนูนรกถึงได้ปิดปากของมัน

เด็กหญิงเดินตรวจสถานที่รอบหนึ่ง หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ นางก็เดินไปทางประตูที่อยู่ด้านใน ผลักประตูให้เปิดออกและนำหนูนรกไปกับนาง ขณะที่ขาของนางเพิ่งก้าวออกไป นางก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ นางโผล่หน้ากลับเข้าไปและพูดเข้าไปในห้องโถงที่เต็มไปด้วยสมบัติว่า

“เจ้าจะไม่ออกมาหรือ ข้าจะปิดประตูแล้วนะ ถ้ายังไม่ออกมา เดี๋ยวก็ติดอยู่ที่นี่หรอก เจ้าเปิดประตูนี้เองได้ไม่ได้หรอกนะ”

เสียงนั้นดังก้องอยู่ภายในห้องโถงขนาดใหญ่และกระทบใจของจวินอู๋เสีย

คำพูดพวกนั้น ดูเหมือนว่าจะพูดกับนาง

หรือว่าเด็กหญิงคนนั้นสังเกตเห็นนางแล้ว!

“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอะไร ก็ไปเดินเล่นกับข้าสิ ถ้าถูกขังอยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่สามารถออกไปได้นะ” เด็กหญิงพูดอย่างใจเย็น

จวินอู๋เสียลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเด็กหญิงพบตัวนางแล้ว แต่นางไม่รู้สึกถึงความมุ่งร้ายใดๆ จากน้ำเสียงของเด็กคนนั้น

ครู่ต่อมา จวินอู๋เสียก็เดินออกมาจากใต้บัลลังก์หยกอย่างช้าๆ ในร่างของแมวดำตัวน้อย

ทันทีที่เด็กหญิงเห็นจวินอู๋เสีย ใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มสดใสขึ้นมา

“ที่แท้ก็แค่แมวนี่เอง วิญญาณของเจ้าค่อนข้างสับสน ข้าสัมผัสถึงแกนกลางเจ้าไม่ได้ ไม่ต้องห่วงนะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นร่างวิญญาณ ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก มาสิ ตามข้ามา”

จวินอู๋เสียลังเลอีกครู่ ก่อนจะเดินเข้าไปนางอย่างช้าๆ ดวงตาของหนูนรกที่นอนพาดอยู่บนไหล่ของเด็กหญิงเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อมันเห็นจวินอู๋เสีย สายตาของมันดูสับสนงุนงงเล็กน้อย

มันเคยเจอแมวดำตัวนี้มาก่อน แต่…ดูเหมือนจะแตกต่างไปเล็กน้อย วิญญาณของมันให้ความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิม

จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองเด็กหญิงตัวเล็กที่ยิ้มกว้าง ขณะยกอุ้งเท้าออกเดินไปข้างหน้า

นางเดินผ่านประตูหิน แล้วเด็กหญิงคนนั้นก็ปิดประตูพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ตอนที่ 1352 เดินเล่นหนึ่งวันในสุสาน (6)

หลังจากผ่านประตูหินไปก็มีทางเดินกว้าง เทียบกับทางเดินที่มีเสาหินที่นางเดินผ่านมาก่อนหน้านี้ ทางเดินนี้สว่างกว่าและสะอาดกว่ามาก จากผนังไปจนถึงพื้น ก่อด้วยอิฐสีขาวทั้งหมด จวินอู๋เสียไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าวัสดุที่ใช้ทำอิฐคืออะไร แต่อย่างน้อยนางก็แยกความแตกต่างได้ว่า พวกมันไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่ในสามโลกเบื้องล่าง

เด็กหญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่คิดเป็นศัตรูกับเจ้าแมวดำที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน นางเดินไปข้างๆ เจ้าแมวดำขณะที่ถือถังน้ำไว้ในมือ

“เจ้าแยกตัวออกมาจากเจ้านายหรือ รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าไม่ควรมาที่นี่น่ะ เอาเถอะ ข้าเห็นว่าวิญญาณของเจ้าไม่ได้อยู่ในสภาพที่มั่นคง ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาหรือ” เด็กหญิงถามเจ้าแมวดำด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างเป็นกังวล

จวินอู๋เสียหยุดเดินและมองไปที่เด็กหญิงอย่างระแวง

ตัวแมวดำนั้นเป็นร่างวิญญาณ เด็กหญิงคนนั้นจึงมองว่านางเป็นภูติวิญญาณ

แต่….

เด็กคนนั้นเจอนางได้อย่างไร

เด็กหญิงดูเหมือนจะเข้าใจคำถามที่ไม่ได้พูดออกมาของจวินอู๋เสีย นางลงนั่งยองๆ มองจวินอู๋เสียอย่างยิ้มแย้ม

“อยากรู้หรือว่าข้าเจอเจ้าได้อย่างไร”

จวินอู๋เสียพยักหน้า

เด็กหญิงหัวเราะเบาๆ และชี้ไปที่จมูกของตัวเองพลางพูดว่า “เพราะข้าคือคนเผ่าวิญญาณไงเล่า คนเผ่าวิญญาณจะมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อวิญญาณมากที่สุด ข้ายังสัมผัสได้ด้วยนะว่าวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ค่อนข้างสับสน ข้าเห็นว่าเจ้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง ถึงได้ยอมให้เจ้าตามข้ามาได้ เจ้าก็เหมือนเจ้าจี๊ด ไม่มีพิษมีภัย ถ้าเจ้าเป็นพวกคนเลวที่เป็นอันตรายละก็ ข้าก็คงไม่ดีกับเจ้าแบบนี้หรอก รู้หรือไม่”

เด็กหญิงพูดช้ามาก สิ่งที่นางตั้งใจจะพูดออกมาก็ค่อนข้างสับสน

จวินอู๋เสียรู้สึกว่าเด็กหญิงคนนี้ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมานานเกินไป ความสามารถในการแสดงออกของนางเกือบจะใกล้เคียงกับที่จวินอู๋เสียเป็นในตอนแรกๆ แต่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาก็คือ เด็กหญิงคนนี้ไม่ได้ปิดปากเงียบหรือไม่เต็มใจพูด ตรงกันข้าม ดูเหมือนนางจะชอบพูดเอามากๆ

ขนาดแค่เรื่องที่ว่านางรู้เรื่องร่างวิญญาณได้อย่างไร นางยังพูดได้มากมายขนาดนี้

นั่นเป็นจุดที่จวินอู๋เสียยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่า…

แต่คำพูดของเด็กหญิงก็ดึงดูดความสนใจของจวินอู๋เสียเหมือนกัน

เผ่าวิญญาณ…

อิงซู่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า หนูนรกจะมีแนวโน้มจับคู่กับคนของเผ่าวิญญาณมากกว่า และดูจากความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหญิงคนนี้กับหนูนรกแล้ว ก็เดาตัวตนของนางได้ไม่ยาก

คนของเผ่าวิญญาณเกิดมาพร้อมความชอบวิญญาณ เนื่องจากจวินอู๋เสียและเจ้าแมวดำสลับวิญญาณกัน วิญญาณของพวกเขาจึงสับสนวุ่นวายโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เด็กหญิงคิดว่าจวินอู๋เสียเป็นภูติวิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่มีความสามารถในการโจมตี

นั่นทำให้เด็กหญิงวางใจและลดการระวังลง

แทนที่จะพูดว่าเด็กหญิงคนนี้ประมาท ควรจะพูดว่านางแค่มั่นใจเต็มที่มากกว่า

จวินอู๋เสียไม่คิดว่าเด็กหญิงที่สามารถเปิดประตูหินได้จะเป็นคนอ่อนแอปกป้องตัวเองไม่ได้ ยิ่งกว่านั้น การจะได้รับเลือกให้อยู่ที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ นางต้องได้รับคัดเลือกมาอย่างดีจากคนของดินแดนเทพมาร นอกจากนั้น ถ้าเด็กหญิงมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สร้างสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เช่นนั้น…นางก็มีอายุไม่ต่ำกว่าพันปีแล้ว!

“แต่ข้าเกรงว่าเจ้านายของเจ้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ไม่เป็นไรเนอะ! ถึงเจ้านายเจ้าตายไป เจ้าก็สามารถกลับไปที่โลกภูติวิญญาณและรอเจ้านายใหม่ก็ได้” เด็กหญิงพูดอย่างไร้เดียงสา นางพูดเรื่องความเป็นความตายเหมือนมันเป็นเรื่องง่ายๆ สบายๆ

จากนั้นเด็กหญิงก็ลุกขึ้นยืนและเปิดประตูหินอีกบานตามทางเดินพร้อมกับถือถังน้ำไว้ในมือ ภาพที่เห็นด้านหลังประตูหินบานนั้นเหมือนกับที่จวินอู๋เสียเห็นในห้องโถงห้องที่แล้ว มีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วนกองอยู่เต็มพื้น