เจียงซื่อไม่อาจสลัดความสงสัยนี้ นางเงียบงันชั่วครู่ก่อนจะถามอีกครั้ง “แล้วท่านย่าพอจะทราบหรือไม่ว่าท่านยายและไทเฮาเริ่มห่างเหินกันตั้งแต่เมื่อใด”
เฝิงเหล่าฮูหยินขมวดคิ้วคิด “น่าจะก่อนที่ไทเฮาจะเข้าวัง ในตอนนั้นท่านยายของเจ้าก็ออกเรือนแล้ว หนำซ้ำนางมีท่านลุงใหญ่ของเจ้าแล้วด้วย”
แววตาของเจียงซื่อเป็นประกาย นางเอ่ยพึมพำ “หากจะบอกเช่นนี้ ก็นับว่าไทเฮาออกเรือนช้า”
เพราะหากจะพูดไปแล้วท่านยายน่าจะอายุน้อยกว่าไทเฮา ท่านยายมีท่านลุงใหญ่แล้ว ไทเฮากลับยังไม่ออกเรือน…
เฝิงเหล่าฮูหยินกลับไม่คิดเช่นนั้น “ก็ไม่เห็นแปลก เพราะถึงอย่างไรไทเฮาจะอภิเษกเมื่อไหร่ก็ใช่ว่านางจะตัดสินใจเองได้”
“เพราะเหตุใด” เจียงซื่อยืดหลังตรง
เฝิงเหล่าฮูหยินย้อนกลับไปควานหาคำตอบในความทรงจำ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงริษยาอย่างไม่ปิดบัง “นั่นก็เพราะไทเฮาถูกกำหนดให้เป็นพระชายาไท่จื่อในตอนนั้น เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ฉะนั้นการที่จะอภิเษกสมรสเมื่อไหร่นั้นก็ต้องคอยความเห็นจากราชวงศ์เสียก่อน มิใช่ว่าไทเฮาจะตัดสินพระทัยเองได้…”
เฝิงเหล่าฮูหยินให้เหตุผลเช่นนั้น เจียงซื่อก็พยักหน้าเห็นพ้อง “ก็จริง”
“หลังจากนั้น ไทเฮาและท่านยายก็มิได้ไปมาหาสู่กันอีกเลยหรือเจ้าคะ”
แม้ว่าตอนนี้มิตรภาพของทั้งคู่อาจไม่มีอีกแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนอาจมีเรื่องบางอย่างทำให้ทั้งคู่ห่างกัน
“คิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น” เฝิงเหล่าฮูหยินติดจะลังเล “หลังจากที่ทั้งสองห่างกันไปได้ไม่นาน ไทเฮาก็เข้าวัง นั่นยิ่งทำให้โอกาสที่ทั้งสองจะพบกันมีน้อยลงไปอีก…”
เจียงซื่อนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะถาม “แล้วนอกจากไทเฮา ท่านยายสนิทกับใครอีกหรือไม่เจ้าคะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะส่ายศีรษะ “นี่ก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว เพราะมิใช่คนสนิท ข้าเลยจำไม่ค่อยได้”
อย่าว่าแต่เรื่องของเหล่าฮูหยินอี๋หนิงโหวเลย วันเวลาผ่านไปนานแรมปี ขนาดสามีของนางที่เสียชีวิตไปแล้วหน้าตาเป็นเช่นไร นางก็เกือบจะลืมไปแล้ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้เฝิงเหล่าฮูหยินก็ปวดใจ
แต่เจียงซื่อไม่ได้ปล่อยให้เฝิงเหล่าฮูหยินปวดใจนาน นางถามต่อ “รบกวนท่านย่าลองคิดดูดีๆ อีกทีว่ายังพอมีเรื่องที่เกี่ยวกับท่านยายอีกหรือไม่ หากมีท่านย่าเพียงแค่ลองเล่าออกมาก็ได้เจ้าค่ะ”
จำเนียรกาลผ่านไปแล้ว มิควรคาดหวังว่าหญิงชราจะจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดได้ เพียงแต่การที่เป็นเช่นนี้ก็นับว่ามีข้อดี เพราะจะมีแต่เรื่องที่สำคัญและพิสดารเท่านั้นที่นางยังคงจำได้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องสหายคนสนิทของท่านยาย
“ซื่อเอ๋อร์ เจ้าอยากรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไมกัน” เฝิงเหล่าฮูหยินเริ่มเก็บความสงสัยไหวไม่อยู่
เจียงซื่อคลี่ยิ้มพลางตอบ “อีกไม่กี่เดือนพี่ชายใหญ่ก็จะต้องเข้าร่วมการสอบแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”
การสอบชิวเหวยเมื่อสามปีก่อน เจียงชังคุณชายใหญ่จวนตงผิงปั๋วโชคร้ายได้รับหมายเลขอัปมงคล เขาอาเจียนไม่หยุดจนถูกหามออกมาจากสนามสอบ และพลาดการสอบระดับท้องถิ่นที่จะจัดทุกสามปีในครั้งนั้น
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในสายตาคนอื่นๆ คุณชายใหญ่จวนตงผิงปั๋วเป็นเพียงคุณชายไม่เอาถ่าน ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้
เรื่องนี้ผ่านมาสามปีแล้ว เมื่อดอกกุ้ยฮวาเริ่มส่งกลิ่นหอมอีกครั้ง เจียงชังก็จะเข้าสู่สนามสอบ สำหรับจวนตงผิงปั๋วนี่ถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของเฝิงเหล่าฮูหยินที่มองไม่เห็นอนาคตของคุณชายรองเจียง และให้ความสำคัญกับหลานชายคนโตทำให้เรื่องนี้ยิ่งสำคัญมากขึ้นไปอีก
ในใจของเฝิงเหล่าฮูหยิน เจียงชังผู้เป็นหลานชายคนโตดูมีอนาคตมากที่สุด ส่วนเจียงจั้นที่มีวันนี้ได้ก็เพราะโชคช่วย
เจียงชังจะต้องสอบได้คะแนนสูงสุดของรุ่น ในการสอบชุนเหวยในปีถัดมาเขาจะได้เป็นจิ้นซื่อ เพื่อจะพิสูจน์ว่าที่ผ่านมานางไม่ได้มองคนผิด
คำกล่าวของเจียงซื่อสื่อความหมายชัดเจน เฝิงเหล่าฮูหยินถึงได้ยินดียิ่งนัก นางเลิกซักไซ้ และขบคิดกับตัวเอง แล้วแววตาก็ขับประกายวับวาบ “ข้านึกออกแล้ว”
“ท่านย่าลองเล่ามาซิเจ้าคะ”
“ในตอนนั้น ท่านยายของเจ้าสนิทกับสนิทอีกนางหนึ่ง แต่สตรีผู้นั้นก็ดูมิใช่หญิงธรรมดา…” เฝิงเหล่าฮูหยินกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
เจียงซื่อแย้มยิ้มอ่อนหวาน “ท่านย่าอยากจะกล่าวอะไรก็กล่าวเถิด ต่อให้อาจคลาดเคลื่อนไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินเหลือบมองมาที่เจียงซื่อก่อนจะรู้สึกว่ายามที่หลานสาวของนางคนนี้ขอร้องนางกับยามปกติช่างแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน
เหอะ ต่อให้นางพูดผิดแล้วจะอย่างไร นางจะทำหน้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ
หลังจากคิดในใจอยู่พักหนึ่ง เฝิงเหล่าฮูหยินก็เอ่ยออกมา “สตรีนางนั้นเหมือนจะไม่ใช่คนต้าโจว”
แววตาของเจียงซื่อจริงจังกว่าเก่า นางเผลอเอ่ยถามเสียงสูง “ไม่ใช่คนต้าโจวอย่างนั้นหรือ”
ไม่แปลกที่เจียงซื่อจะประหลาดใจ เพราะเรื่องที่นางได้ยินจากปากเฝิงเหล่าฮูหยินในวันนี้ก็น่าตกตะลึงจริงๆ
ก่อนหน้านี้นางได้รู้ว่าสหายสนิทของท่านยายคือไทเฮา หนำซ้ำตอนนี้ยังได้รู้อีกว่าสหายคนสนิทอีกคนของท่านยายมิใช่คนต้าโจว
เจียงซื่อพอจะเดาเรื่องได้ นางรีบถาม “แล้วนางเป็นคนที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“ในตอนนั้นมีคนลือกันว่าสตรีผู้นั้นเป็นคนจากทางใต้ บ้างก็บอกว่านางเป็นคนหนานหลาน บ้างก็บอกว่านางมาจากชนเผ่าแถวชายแดนใต้ มีคนสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานา แต่ก็ไม่มีผู้ใดให้คำตอบที่แน่ชัดได้”
“มาจากทางใต้…” เจียงซื่อรำพึงรำพันในขณะที่หัวใจของนางกำลังเต้นรัว
สหายสนิทอีกคนของท่านยายเป็นชาวอูเหมียวอย่างนั้นหรือ
หากสหายสนิทผู้นั้นเป็นชาวอูเหมียวจริงๆ สตรีนางนั้นใช่ท่านยายของอาซังรึเปล่า
เจียงซื่อเงียบงันขณะที่มีความคิดผุดขึ้นในหัว หากสตรีที่สนิทกับท่านยายคือยายของอาซัง การที่นางและอาซังมีชะตาเกี่ยวพันกันเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
เจียงซื่อได้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก นางรู้สึกว่ายังมีหมอกทึบบังตา
บางเรื่องก็มีแต่ท่านยายเท่านั้นที่ทราบ คนรอบข้างอาจตอบได้เพียงเรื่องทั่วไป
จริงอยู่ที่เรื่องทั่วไปเหล่านั้นทำให้นางเข้าใจอะไรมากขึ้น
เจียงซื่อมองไปที่เฝิงเหล่าฮูหยินด้วยแววตาสุกใส “ท่านย่า การที่สตรีชั้นสูงอย่างท่านยายคบค้าสมาคมกับสตรีต่างเผ่า พวกท่านไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกหรือเจ้าคะ แล้วท่านยายรู้จักสตรีต่างเผ่าได้อย่างไร”
เฝิงเหล่าฮูหยินหัวเราะ “ก็ต้องรู้สึกแปลกสิ ถึงได้มีคนลือกันไปต่างๆ นาน แต่พอนานวันเข้าคนก็เลิกสงสัยไปเอง สำหรับพวกเด็กสาวมีเรื่องใหม่ๆ ให้รู้ให้ลองตลอดเวลา ส่วนท่านยายของเจ้ารู้จักกับสตรีนางนั้นได้อย่างไร…ข้าก็ไม่แน่ใจนัก แต่เหมือนตอนนั้นได้ยินว่า สตรีนางนั้นช่วยท่านยายของเจ้าขณะที่นางตกอยู่ในอันตราย ท่านยายของเจ้าจึงพานางกลับไปพักที่จวนชั่วคราว…”
“แล้วตอนนั้นไทเฮามาที่จวนของท่านยายบ่อยหรือไม่เจ้าคะ” ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้เจียงซื่อถามคำถามแปลกประหลาดเช่นนั้น
เฝิงเหล่าฮูหยินผงะไปชั่วอึดใจก่อนจะพยักหน้ารับ “ในตอนนั้นท่านยายของเจ้าออกเรือนไปแล้ว ที่ข้าบอกว่านางพากลับไปที่จวนคือจวนอี๋หนิงโหว ในตอนนั้นไทเฮาและท่านยายของเจ้าสนิทกันมาก ฉะนั้นไทเฮาจึงเสด็จไปที่จวนโหวอยู่บ่อยๆ”
เจียงซื่อหลุบตาพลางครุ่นคิด
สตรีจากแดนใต้อาศัยอยู่กับท่านยาย และไทเฮาก็มักจะมาหาท่านยายเป็นประจำ นั่นก็อาจสรุปได้ว่าสตรีต่างเผ่าก็คงสนิทกับไทเฮาด้วยเช่นกัน
สรุปแล้วในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านยาย ไทเฮาและสตรีหนานเจียง
เมื่อเห็นเจียงซื่อนิ่งเงียบเนิ่นนาน เฝิงเหล่าฮูหยินจึงเอ่ยว่า “ข้านึกออกเพียงเท่านี้ ส่วนเรื่องพี่ชายใหญ่ของเจ้า…”
เจียงซื่อหัวเราะ “ท่านย่าวางใจได้ เรื่องของพี่ใหญ่คงไม่มีอะไรติดขัด และรับรองว่าปีนี้พี่ใหญ่จะต้องจับฉลากได้ที่สอบดีเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินแย้มยิ้มทันที “ข้าจะได้วางใจเสียที”
หลานชายของเขาเป็นเด็กมีความสามารถ เพียงแต่เลขอัปมงคลเมื่อสามปีก่อนส่งผลกระทบกับการสอบ เมื่อเจียงซื่อเอ่ยคำมั่นเช่นนั้น นางก็ไม่มีเรื่องให้กังวลอีกแล้ว
เจียงซื่อเพิ่งแยกจากเฝิงเหล่าฮูหยินไม่ทันไร สาวรับใช้ก็เข้ามารายงาน “พระชายา ท่านอ๋องเสด็จมารับพระองค์กลับจวนเพคะ”