บทที่ 557 ช่างสำราญใจอะไรเช่นนี้ หากแม้นมิได้เกิดเป็นมนุษย์ (1)
ครั้งนี้เผ่ามังกรตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสลดใจจริงๆ…
แม้กระบวนการ ‘ทำลายเขื่อน’ ของดวงตาแห่งท้องทะเลนั้น จะไม่นาน แต่เหล่าปรมาจารย์มังกรส่วนใหญ่ที่อยู่ใกล้ดวงตาแห่งท้องทะเลมากที่สุด ก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ดวงตาแห่งท้องทะเลอย่างไม่ลังเลใดๆ เช่นเดียวกับกลุ่มมังกรที่เดิมทีเคยกำราบดวงตาแห่งท้องทะเล ก็ถูกกระแสน้ำทะเลในยามนี้ฉีกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ดูเหมือนว่าจะมีเผ่ามังกรเพียงหนึ่งถึงสองในสิบส่วนเท่านั้นที่ตายไป ทว่าผู้ที่ดับชีพไปล้วนเป็นผู้ทรงพลังการต่อสู้ระดับสูงของวังมังกรทะเลบูรพา
หลังจากการสู้รบในครั้งนั้น ความแข็งแกร่งของวังมังกรทะเลบูรพาก็อ่อนแอลงไปมาก หากนับรวมความสูญเสียของวังมังกรทะเลประจิมเข้าด้วยกันแล้ว ความเสียหายที่เผ่ามังกรได้รับจากสงครามในระยะสั้นก่อนหน้านี้ และการที่คลังสมบัติมังกรที่ใหญ่ที่สุดในทะเลบูรพาหายไปอย่างกะทันหันนั้น…
ก็นับว่าเผ่ามังกรได้รับความสูญเสียครั้งใหญ่
ข่าวดีก็คือ หนึ่งในดวงตาแห่งท้องทะเลที่เผ่ามังกรต้องใช้ชีวิตของพวกเขาเพื่อยับยั้งนั้น ได้ลดลงไปหนึ่งแห่งแล้ว และในเวลานี้ พลังที่เก็บไว้ในวังมังกรทะเลบูรพาก็ได้ถูกเปิดผนึกอย่างสมบูรณ์
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วยืนอยู่หน้าท่อนเหล็ก เมื่อมองไปที่ดวงตาแห่งท้องทะเลที่ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป สายตาจ้องมองของเขาก็ดูซับซ้อนยิ่ง
ไม่จำเป็นต้องหาข้อแก้ตัวหรือโยนหม้อ[1]ไปให้เผ่ามังกรที่กังวลมากเกินไปหลังจากที่ดวงตาแห่งท้องทะเลถูกเปิดเผย ครั้งนี้เขาคือผู้ที่พ่ายแพ้ให้กับสำนักบำเพ็ญประจิม
ไม่ว่าเขาจะมีแผนการเพิ่มเติมและต่อให้มีเล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงมากเพียงใด เขาก็ยังขาดพลังที่จะพลิกกระแสในยามคับขันได้…
พลังนี้ ทำให้ศาลสวรรค์แข็งแกร่งพอที่จะยับยั้งพลังอำนาจของจอมปราชญ์ได้
เขายังอาจปล่อยพลังการต่อสู้ของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และเทพธิดาอวิ๋นเซียวในช่วงเวลาสั้นๆ ได้เช่นกัน…
“เทพวารี” ราชามังกรเฒ่าซึ่งอยู่ในชุดเสื้อคลุม เดินตามหลังหลี่ฉางโซ่วและโค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้ง
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและรีบรุดไปพยุงเขาขึ้นและกล่าวว่า “ราชามังกร ท่านกำลังทำอันใด?”
ราชามังกรกล่าวว่า “ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรที่ท่านช่วยรักษาสายสืบสานแห่งทะเลบูรพา แต่จากนี้ไปในภายหน้า หากท่านเทพวารีมีคำขอใดๆ โปรดพูดออกมาได้ตรงๆ ไม่จำเป็นต้องมีข้อห้ามใดๆ”
“ราชามังกร ภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็ถือได้ว่าเป็นโชคดีเช่นกัน และเผ่ามังกรก็ควรได้เรียนรู้บทเรียนบางอย่างหลังจากเหตุการณ์นี้ ” หลี่ฉางโซ่วเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ราชามังกร ท่านมีแผนจะจัดการกับเซียนมังกรวารีทั้งสี่คาบสมุทรอย่างไรหรือ?”
“เฮ้อ” ราชามังกรแห่งทะเลบูรพา ถอนหายใจเบาๆ ดวงตามังกรของเขาฉายแววสิ้นหวังเล็กน้อย
“วันนี้ มีคนบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป แม้ดวงตาแห่งท้องทะเลบูรพาจะไม่เป็นไร แต่บาปของเผ่ามังกรก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข ข้าจะให้พวกเขาแต่ละคนสาบานว่าจะไม่รุกล้ำกล้ำกรายดวงตาแห่งท้องทะเลอีก หากผู้ใดอยากจากไป พวกเขาก็ทำได้ และหากผู้ใดอยากอยู่ต่อ พวกเขาก็จะเป็นเฉกเช่นมังกรผู้หนึ่ง”
“ดีแล้ว”
พร้อมกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็หยิบยันต์หยกออกมาจากแขนเสื้อและมอบมันให้กับราชามังกรแห่งทะเลบูรพาพลางกล่าวว่า “จักรพรรดิต้าอวี่ เป็นผู้มอบท่อนเหล็กนี้เป็นของขวัญให้แก่ข้า เดิมทีไท่ซ่างเหล่าจวิน[2] ได้หล่อหลอมมันขึ้นมา ดูจากลักษณะของมันแล้ว มันเป็นสมบัติที่ใช้ปิดผนึกดวงตาแห่งท้องทะเลได้ เช่นนั้น ข้าจะทิ้งยันต์หยกเอาไว้ที่นี่ วังมังกรต้องปกปักรักษามันให้ปลอดภัย และยังมีสิบเก้ากลยุทธ์ที่ข้าเพิ่งเขียนพวกมันลงไปในยันต์หยกนี้ หากราชามังกรพบว่ามันมีประโยชน์ ท่านก็พิจารณาใช้พวกมันได้”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็ว่ายน้ำ และแบกอ๋าวอี่ มาจากระยะไกล เขาวาง ร่างอ๋าวอี่ที่หมดสติเอาไว้ข้างหน้าราชามังกรพลางกล่าวว่า “โปรดอย่าได้ตำหนิข้าเลย ราชามังกร” หลี่ฉางโซ่วกล่าวเสียงเบาว่า “อ๋าวอี่ปฏิบัติต่อข้าประหนึ่งพี่ชาย ข้าย่อมไม่อาจทนได้ที่จะเห็นเขาต้องเจ็บปวดทนทุกข์ในดวงตาแห่งท้องทะเล หาใช่ว่าเมื่อถึงยามคับขัน อ๋าวอี่ก็หลบลี้หนีหายไปเอง”
“ขอบคุณ ท่านเทพวารี…”
ราชามังกรห่อร่างอ๋าวอี่เอาไว้ในน้ำ และส่งเขาไปยังเหล่าผู้อาวุโสที่รออยู่ในระยะไกล จากนั้นราชามังกรก็ส่งข้อความเสียงว่า “พวกเราควร…”
“ข้ายังคงต้องแจ้งในสิ่งที่ควร” หลี่ฉางโซ่วตอบกลับผ่านการส่งข้อความเสียงว่า “แม้ฝ่าบาทจะทรงสูงส่งเป็นจักรพรรดิแห่งสวรรค์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้ทรงรับบุญไปเพียงเพราะมีพระประสงค์เท่านั้น และนั่นยังเป็นการสั่งสมส่วนพระองค์ตลอดหลายปีอันยาวนานที่ผ่านมาของพระองค์เองอีกด้วย ข้าเพิ่งได้ยินจากผู้อาวุโสว่า ดูเหมือนว่า คลังสมบัติแห่งวังมังกรทะเลบูรพาจะถูกปล้น”
“เทพวารี โปรดอย่าได้กังวล” ราชามังกรชราถอนหายใจและกล่าวว่า “เป็นเพียงการสะสมของล้ำค่าบางอย่างเท่านั้น ยังมีคลังเก็บสมบัติอีกสองแห่งในทะเลบูรพา”
หลี่ฉางโซ่วพยักหน้าและกล่าวว่า “ศาลสวรรค์จะต้องใช้ชุดเกราะและอาวุธต่อไป”
“ขอบคุณเทพวารีที่ชี้แนะ!”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวผ่านการส่งข้อความเสียงอีกครั้งว่า “ในครั้งนี้ สหายเต๋าทั้งสองแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าได้มีส่วนร่วมอย่างมาก วังมังกรไม่จำเป็นต้องส่งของขวัญล้ำค่าใดๆ แต่อย่าได้ลืมไปขอบคุณพวกเขาด้วยตนเองที่เกาะซานเซียน และถ้ำหลัวฝูหลังจากนี้”
“แน่นอนว่าควรเป็นเช่นนั้น” ราชามังกรแห่งทะเลบูรพารับคำในขณะที่หลี่ฉางโซ่วหยิบขวดโอสถฟื้นฟูวิญญาณออกมาสองขวดที่เขากลั่นสกัดออกมาเพื่อแสดงความจริงใจ
หลังจากที่ราชามังกรกล่าวขอบคุณเขา หลี่ฉางโซ่วก็มอบโอสถให้ จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็กล่าวคำอำลาและจากไปโดยที่เขายังต้องจัดการรับมือกับคลื่นยักษ์ในทะเลบูรพา…
มันไม่สมควรที่เขาจะเฝ้าสังเกตดูเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเช่นนี้จากด้านข้าง
กล่าวจบ หลี่ฉางโซ่วก็ใช้หลีกลี้วารีซ่อนกาย แล้วพุ่งไปยังพื้นผิวทะเลในขณะที่เหล่ามังกรที่อยู่ด้านหลังเขาทั้งใกล้และไกล ต่างก็โค้งคำนับให้
ราชามังกรมองลงไปที่ยันต์หยกในมือ แล้วถ่ายเทพลังเซียนของเขาลงไป จากนั้นก็มีกลุ่มอักขระเล็กๆ ลอยออกมาจากมัน
“กลยุทธ์แรกสำหรับเหล่ามังกร: รีบจัดวางตำแหน่งเทพแห่งน้ำตามที่ต่างๆ ในดินแดนเทวะทักษิณ เริ่มไปขอให้ศาลสวรรค์ใช้กฎที่เข้มงวดมาควบคุมเหล่ามังกรเองด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าจะสะสมบุญได้เพียงพอโดยเร็วที่สุดและรักษาดวงตาแห่งท้องทะเลประจิม ทะเลอุดร และทะเลทักษิณให้สงบ
“กลยุทธ์ที่สองสำหรับเหล่ามังกร: สร้างประตูมังกรและปูทางส่งเสริมให้มังกรรุกก้าวไปข้างหน้า”
“กลยุทธ์ที่สามสำหรับเหล่ามังกร: เคลื่อนกองทัพน้ำและเข้าสู่มหาตรีสหัสโลกธาตุรอบๆ ดินแดนเทวะทั้งห้า…”
เมื่อหลี่ฉางโซ่วออกจากทะเลบูรพา ในเวลานั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียว จ้าวกงหมิงและแม่ทัพตงมู่ กำลังรออยู่บนเมฆ ทหารสวรรค์แสนนาย ถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มหลายสิบกลุ่ม แล้วรีบพุ่งไปที่ชายฝั่งทะเลบูรพาเพื่อป้องกันเผื่อไว้
หลังจากอธิบายสั้นๆ ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำต่อไปแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็ขี่ก้อนเมฆ ไล่ไปตามแนวเส้นน้ำที่แผ่ออกไปทางทิศตะวันตกอย่างง่ายดาย…
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มให้จ้าวกงหมิงและกล่าวว่า “ลำบากพี่ชายแล้ว ขอท่านโปรดใช้ไข่มุกเทพทะเลเพื่อดูดซับคลื่นยักษ์ทั้งหมดในทะเลบูรพา”
“เรื่องเล็กน้อย!”
จ้าวกงหมิงยิ้มและไม่สงสัยแต่อย่างใด เขาเปิดใช้งานไข่มุกเทพทะเลและดูดซับน้ำทั้งหมดที่ไหลล้นออกมาจากดวงตาแห่งท้องทะเลเข้าไปในไข่มุกเทพอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
กระบวนการทั้งหมดนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายใดๆ แม้แต่น้อย
เมื่อจ้าวกงหมิงกำลังจะขี่เมฆกลับไปหลังจากทำสิ่งเหล่านี้เสร็จสิ้นแล้ว ก็มีเมฆสีทองขนาดใหญ่ลอยลงมาจากท้องฟ้า และเมฆครึ่งหนึ่งก็ลอยไปหาทหารสวรรค์หนึ่งแสนคนในขณะที่เมฆอีกครึ่งหนึ่งก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา
ลำแสงสีทองส่องลงมา หลี่ฉางโซ่ว จ้าวกงหมิง เทพธิดาอวิ๋นเซียวและแม่ทัพตงมู่ต่างก็ได้รับผลบุญ
แม่ทัพตงมู่ไม่ได้แปลกใจใดๆ ในขณะที่หลี่ฉางโซ่วสังเกตปฏิกิริยาของจ้าวกงหมิง ส่วนเทพธิดาอวิ๋นเซียวก็หยิบถังทองคำฮุ่นหยวนออกมาและให้ถังทองคำฮุ่นหยวนรับพลังบุญมหาศาลนี้เข้าไปในนามของนางแทน
หลี่ฉางโซ่วได้รับบุญมากที่สุดและร่างทองแห่งบุญของเขาก็ก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่งเล็กๆ
รองลงมาก็เป็นจ้าวกงหมิงซึ่งได้รับบุญแปดส่วนของบุญที่หลี่ฉางโซ่วได้รับ ในขณะนั้นเขาค่อนข้างภูมิใจขณะลูบเคราและแย้มยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่ข้าได้รับบุญ”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวเตือนสติเขาว่า “พี่ชาย โปรดอย่าได้ดูเบาบุญนี้ หากท่านไม่มีสมบัติเซียนเทียนที่คอยปกป้องตัวท่านเองได้ ท่านก็ยังต้องการบุญนี้เพื่อปกป้องตัวท่านเอง เพียงเช่นนี้เท่านั้น ท่านก็จะหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายด้วยแผนอุบายชั่วร้ายได้!”
เมื่อได้ยินหลี่ฉางโซ่วกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง จ้าวกงหมิงก็พยักหน้าหงึกหงักพลางคลี่ยิ้มและกล่าวว่า “ขอบใจที่เป็นห่วงพี่ชาย ข้าจะจดจำเอาไว้”
ในขณะนั้น อวิ๋นเซียวมองไปที่ถังทองคำฮุ่นหยวนของนางและเม้มปาก ส่วนแม่ทัพตงมู่ก็ยิ้มและกล่าวว่า “เทพวารี ข้าจะกลับไปรายงานฝ่าบาท ครั้งนี้ เทพวารีได้ปกปักรักษาดวงตาแห่งท้องทะเล ช่วยเผ่ามังกร และปกป้องศักดิ์ศรีแห่งศาลสวรรค์ของเรา นี่เป็นบุญหาศาลจริงๆ…”
“แม่ทัพตงมู่!”
หลี่ฉางโซ่วรีบกล่าวว่า “อย่าไปเพิ่งไปเข้าเฝ้าและรายงานแสดงความยินดีกับฝ่าบาท!”
“หือ?”
แม่ทัพตงมู่สับสนขึ้นมาทันที
จากนั้นหลี่ฉางโซ่วก็ชี้แจงว่า “ความจริงแล้ว คราวนี้เราพ่ายแพ้ในทะเลบูรพา วังมังกรประสบความสูญเสียอย่างหนัก และนั่นก็เป็นความเสียหายอย่างหนักของศาลสวรรค์เช่นกัน จึงไม่มีอะไรที่ควรค่าให้ชื่นชมยินดี ข้าวางแผนเรื่องนี้ไม่ดีมากพอเอง ไว้ข้าจะไปเฝ้าฝ่าบาทเพื่อสารภาพผิดและขอพระราชทานอภัยโทษในภายหลัง”
“แม่ทัพตงมู่เพียงกล่าวว่า วังมังกรได้รับความเสียหายอย่างหนักจากวิญญาณชั่วร้าย และกล่าวโทษว่า ดวงตาแห่งท้องทะเลที่ถูกทำลายแตกสลายนั้น เกิดจากมังกรวารีปีศาจที่ถูกปนเปื้อนไปด้วยมลพิษจากทะเลเลือดโสโครก จากนั้นโปรดขอให้ฝ่าบาททรงออกพระบัญชาให้ไล่ติดตามสืบสาวเอาความกับวิญญาณบรรพกาลชั่วร้ายที่สร้างปัญหาวุ่นวายให้กับทะเลบูรพาภายในสามอาณาจักร เพียงแค่นั้นก็พอ”
แม่ทัพตงมู่ประสานมือและกล่าวว่า “เทพวารีไม่ต้องห่วง ข้าจะจดจำทั้งหมดนี้เอาไว้ แต่การสู้รบในวันนี้เป็นการวางแผนร้ายของสำนักบำเพ็ญประจิมอย่างชัดเจน แล้วไฉนเราถึงไม่ใช้ความชอบธรรมนี้ กดดันสำนักบำเพ็ญประจิมเล่า? ”
“กดดันพวกเขาไปก็ไร้ประโยชน์ เพียงรังแต่จะถูกแรงโต้กลับจากสำนักบำเพ็ญประจิมเท่านั้น” หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เราจะพูดว่าสำนักบำเพ็ญประจิมเป็นคนทำเช่นนั้นโดยไร้หลักฐานได้อย่างไรกัน? มีบางสิ่งที่แม้จะรู้ดี แต่ก็ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้ ”
จ้าวกงหมิงพึมพำว่า “ครั้งนี้ ศาลสวรรค์ประสบความสูญเสียใหญ่หลวง แล้วเราจะปล่อยมันไปเช่นนั้นหรือ? ฉางเกิง เจ้าอยากให้ข้าไปที่ดินแดนเทวะประจิมอีกครั้งเพื่อช่วยทำกิจกรรมยืดเส้นยืดสายอื่นๆ เพื่อระบายความโกรธของอาจารย์อาน้อย[3]และเจ้าหรือไม่!?!”
………………………………………………………………..
[1] โยนบาปหรือโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่น
[2] องค์ไท่ชิง
[3] หมายถึงองค์เง็กเซียน