ถ้วยชาในมือฮองเฮาสั่น เป็นเหตุให้ชาร้อนในถ้วยกระฉอกออกมา สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีด
แต่จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับเกษมสุข “ปีนี้ไทเฮาสนพระทัยจะไปชมโคมด้วยหรือ ดีเหลือเกิน เช่นนั้นเจ้ากับสิบสี่ก็ไปเป็นเพื่อนเสด็จย่าด้วยก็แล้วกัน”
ในความคิดของจิ่งหมิงฮ่องเต้ เขาอยากให้ไทเฮาได้ออกไปเปิดหูเปิดตา
หลายปีที่ผ่านมานี้ ไทเฮามิได้เห็นความเป็นไปของโลกภายนอก นางใช้ชีวิตเงียบเหงาอยู่แต่ในตำหนัก ทำให้เขาที่เป็นบุตรชายรู้สึกปวดใจยิ่งนัก แต่ยังดีที่หมู่นี้ไทเฮาโปรดปรานหลานสาวทั้งสอง ความเปลี่ยวเหงาของนางจะได้ทุเลาลงบ้าง
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไทเฮาจะเสด็จออกมาทอดพระเนตรโคมไฟ
“ฝ่าบาท…” ฮองเฮาขานเรียกอย่างร้อนใจ
จิ่งหมิงฮ่องเต้หันมาหาฮองเฮา “ฮองเฮามีอะไรรึ”
ฮองเฮาบีบถ้วยชาในมือจนนิ้วของนางเริ่มขาดเลือด นางส่งยิ้มจืดเจื่อน “ไทเฮาชันษามากแล้ว การจะออกไปตากลมเย็นเยือกด้านนอกจะไม่เป็นอะไรหรือเพคะ”
สีหน้าของจิ่งหมิงฮ่องเต้หม่นลงเล็กน้อย “จะเป็นอะไรไปเล่า”
“หม่อมฉันเกรงว่าไทเฮาจะประชวรเพคะ…”
“ก็ใส่อาภรณ์ให้มันหนาๆ หน่อยก็ได้แล้ว” จิ่งหมิงฮ่องเต้โบกมือคัดค้าน “อีกอย่างหอเซวียนเต๋อก็มิได้อยู่นอกเขตพระราชวัง ข้าสั่งให้คนวงแท่นเพลิงเพิ่มก็ได้ รับรองไม่หนาว”
“หอเซวียนเต๋อสูงเพียงนั้น ไทเฮาเสด็จขึ้นลงคงไม่สะดวกนะเพคะ…” ฮองเฮาพยายามโน้มน้าวสุดฤทธิ์
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่คิดเช่นนั้น “เรื่องนั้นก็ง่ายนิดเดียว จะขึ้นจะลงก็ให้ข้าหลวงแบก”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็มองไปที่ฮองเฮาด้วยสายตาสงสัย “ฮองเฮา วันนี้เจ้าเป็นอะไรไป”
สะใภ้เจ็ดเก็บตัวสวดมนต์อยู่ในหอพระเดือนกว่าจนจิตใจนิ่งสงบ แล้วเหตุใดที่ตำหนักคุนหนิงถึงยังไม่สร้างหอพระอีกเล่า จนบัดนี้ฮองเฮากลายเป็นคนเอะอะลุกลี้ลุกลนไปเสียแล้ว
“หม่อมฉันแค่เป็นห่วงไทเฮาเท่านั้นเพคะ…” ฮองเฮาอธิบายเสียงแห้งก่อนจะรู้สึกว่าคำแก้ตัวนี้ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
นางตื่นตัวกับความฝันของเจียงซื่อยิ่งนัก ถึงได้เตรียมแผนรับมือไว้มากมาย แต่คิดไม่ถึงว่าปีนี้ไทเฮาจะอยากไปดูโคมไฟกับเขาด้วย
หรือว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้ฝูชิงต้องไปดูโคมไฟที่หอคอย และเกิดเหตุร้ายตามที่พระชายาเยี่ยนอ๋องเห็นในนิมิต
แม้ว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องจะบอกว่าฝูชิงแค่หกล้ม แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อีกทั้งไม่ทราบว่าอาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรงถึงขึ้นไหน มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่ทราบว่าร้ายแรงหรือไม่…แต่นางว่าต้องร้ายแรงอย่างแน่นอน เพราะมิฉะนั้นพระชายาเยี่ยนอ๋องคงไม่เข้าวังเพื่อมาเตือน
ฮองเฮาไม่ใช่คนโง่ ใคร่ครวญเพียงไม่นานนางก็ตระหนักได้ว่าเจียงซื่อตั้งใจพูดเรื่องนี้ให้เบาที่สุด นางไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมด
เมื่อคิดตกเช่นนี้ นางก็ยิ่งใจไม่ดี ความหวาดกลัวท่วมท้นในใจ
“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าไม่ต้องกังวล” จิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง “นานๆ ทีไทเฮาจะอยากไปชมโคมไฟ หากเจ้ามัวแต่กลัวหน้าพะวงหลัง นางก็หมดสนุกกันพอดี”
ฮองเฮาตัวแข็งทื่อ นางจ้องมองบุตรสาวที่กำลังยิ้มร่าอย่างมีความสุข พลางหันไปมองจิ่งหมิงฮ่องเต้อย่างไม่พอใจ แต่ทำได้เพียงจำใจพยักหน้า
“ฝูชิง เจ้ากับสิบสี่ออกไปเล่นเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเสด็จแม่ของเจ้า”
องค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่ออกไปจากห้อง
จิ่งหมิงฮ่องเต้กระแอมไอแผ่วเบาและทำทีเหมือนฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “จริงซิ เมื่อวันก่อนสะใภ้เจ็ดเข้ามาที่วังมิใช่หรือ”
“เพคะ” ฮองเฮาเม้มปากพลางคิดในใจว่า สะใภ้เจ็ดเข้ามาที่วังหรือไม่ จิ่งหมิงฮ่องเต้คงมีเรื่องจะถาม ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องดี
และจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ถามตามที่นางคาด “เจ้าได้ถามสะใภ้เจ็ดหรือยังว่านางบูชาพระโพธิสัตว์องค์ใด”
“พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นิ่งไป “หื้ม?”
ฮองเฮาดึงมุมปากและเอ่ยตอบเสียงเรียบ “พระชายาเยี่ยนอ๋องบูชาเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรเพคะ”
นางเองก็อยากจะรู้ว่าฮ่องเต้จะกล้าพอที่จะขอให้นางที่อายุปูนนี้บูชาเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรอยู่หรือไม่
จิ่งหมิงฮ่องเต้นิ่งเงียบเนิ่นนานก่อนจะเอ่ย “ที่แท้การจะกราบไหว้พระองค์ใดคงมิใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือจิตที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา…”
หรือจะให้พูดอีกอย่าง พระพวกนั้นคงจะรู้จักกัน ไม่แน่เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรอาจเป็นธุระไปแจ้งพระโพธิสัตว์องค์อื่นๆ สะใภ้เจ็ดถึงได้พาพี่ชายกลับมาได้สำเร็จ
เมื่อได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวเช่นนั้น ดวงตาของฮองเฮาก็เบิกกว้าง นางอยากจะเอากรงเล็บข่วนหน้าฝ่าบาทให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำได้เพียงเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่บูชาพระให้ถูกองค์ จะไปรบกวนเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรทำไมกัน”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำหน้า “เจ้าไม่เข้าใจ” ใส่ฮองเฮา “ที่สำคัญคือไม่รู้ว่าเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรไปแจ้งเรื่องนี้กับพระโพธิสัตว์องค์ใดเนี่ยสิ”
ฮองเฮา “…” พูดซะเป็นเหตุเป็นผล นางเกือบหลงเชื่อแล้วเชียว
“ฮองเฮา?” เมื่อเห็นฮองเฮาไม่ตอบโต้ จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงขานเรียก
ฮองเฮาแน่วแน่ “หม่อมฉันไม่ไหว้เพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ชะงักงันเพราะคิดไม่ถึงว่าฮองเฮาจะปฏิเสธเสียงแข็งเช่นนี้
หากเป็นช่วงเวลาปกติ ฮองเฮาจะเอ่ยปฏิเสธอ้อมๆ แต่เนื่องจากนางกำลังทุกข์เรื่องที่ไทเฮาจะเสด็จไปชมโคมไฟ นางจึงไม่ห่วงอารมณ์ของฮ่องเต้ถึงตอบปฏิเสธไปเช่นนั้น
“ฮองเฮา เจ้าลองทบทวนดูดีๆ หมู่นี้วังหลวงมีแต่เหตุการณ์ไม่สงบ…”
ฮองเฮาตอบกลับเพียงหนึ่งประโยค “แต่นั่นคือเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรนะเพคะ!”
“เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรแล้วจะอย่างไร มนุษย์จะขอเรื่องอื่นไม่ได้เลยรึ อีกอย่างไม่แน่เจ้าอาจได้บุตรเพิ่มอีกคนก็เป็นได้” จิ่งหมิงฮ่องเต้กล่าวไปตามที่คิด
ฮองเฮาหน้าสั่น “พระองค์ดำริไปไกลแล้วเพคะ หม่อมฉันอายุปูนนี้แล้วจะไม่เป็นการสร้างความลำบากให้เจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรไปหน่อยรึเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบกระแอมไอพลางหาข้ออ้างมางัดง้าง “ประทานบุตรก็มิได้หมายความว่าต้องให้คลอดออกมาเองเสียหน่อย…”
ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยค จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ฉุกคิดขึ้นได้เลยรีบหุบปาก
ฝ่ายฮองเฮาตื่นเต้นแต่ไม่กล้าถาม
ฮ่องเต้และฮองเฮาข้ามหัวข้อสนทนานี้ไปพูดคุยเรื่องสัพเพเหระอีกครู่หนึ่งแล้วจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็กลับตำหนัก
เมื่อจิ่งหมิงฮ่องเต้กลับไปแล้ว ฮองเฮาก็รีบสั่งให้คนตามองค์หญิงสิบสี่กลับมาทันที โดยกำชับว่าต้องไม่ให้องค์หญิงฝูชิงทราบโดยเด็ดขาด
องค์หญิงสิบสี่กลับมาที่ตำหนักคุนหนิงอีกครั้ง นางซ่อนความสงสัยเอาไว้และถวายความเคารพฮองเฮา
ฮองเฮายื่นมือออกมา “สิบสี่ มานั่งข้างๆ ข้านี่มา”
องค์หญิงสิบสี่เดินเข้าไปใกล้แล้วค่อยๆ นั่งลงข้างฮองเฮา
ฮองเฮาจ้องลึกเข้าไปในตาขององค์หญิงสิบสี่พลางตบมือของเด็กสาวแผ่วเบา “ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วย”
“เชิญเสด็จแม่ตรัสเถิดเพคะ”
“วันพรุ่งนี้ที่พวกเจ้าจะไปชมโคมบนหอคอย เจ้าต้องอยู่ข้างๆ ฝูชิงตลอดเวลา” ฮองเฮากล่าวพลางเช็ดหางตา นางตัดสินใจว่าจะกล่าวแก่องค์หญิงสิบสี่อย่างตรงไปตรงมา “สายใยแม่ลูกสื่อถึงกัน เมื่อคิดถึงคืนวันพรุ่งนี้ ข้าก็รู้สึกใจไม่ดีอย่างไรไม่รู้ รู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะเกิดอันตรายกับฝูชิง…”
แววตาขององค์หญิงสิบสี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฮองเฮาส่งยิ้ม “ก็แค่ความรู้สึกของข้า ข้าเลยไม่อาจส่งคนไปพิทักษ์นาง ได้แต่ไหว้วานเจ้าเท่านั้น…”
ในงานวันพรุ่งนี้ นางไม่สามารถส่งข้าราชบริพารตามไปดูแลองค์หญิงฝูชิงได้ องค์หญิงสิบสี่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฝูชิง การไหว้วานนางไม่ทำให้ผู้ใดสงสัย
แม้ว่าในใจขององค์หญิงสิบสี่ยังคงสับสน แต่นางไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้า เด็กสาวเพียงแต่พยักหน้ารับ “เสด็จแม่วางพระทัยได้เพคะ สิบสี่จะอยู่ข้างๆ พี่สิบสามตลอดเวลาเพคะ”
“อื้อ เจ้ากลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้ฝูชิงฟัง ข้ากลัวว่านางจะคิดมาก” ฮองเฮาเอ่ยมาถึงตรงนี้แววตาของนางก็ขับประกายเย็นเยียบ
ฝูชิงมิใช่เด็กเล็กที่จะวิ่งเล่นไปทั่ว ต่อให้นางจะไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อยเหมือนองค์หญิงคนอื่นๆ แต่การที่นางจะหกล้มก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สิ่งที่นางกังวลคือนี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ และเมื่อเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่น
เช้าวันถัดมาคือเทศกาลซั่งหยวน อากาศเป็นใจเช่นนี้มีมาให้เห็นไม่บ่อยนัก สภาพอากาศยามค่ำคืนก็ไม่จัดว่าหนาวจนเกินไป
ด้านหน้าหอเซวียนเต๋อ มีประทีปนับพันถูกนำมาจัดเรียงรายงดงาม สดชื่นคึกคัก
ฮ่องเต้และฮองเฮาเดินนำไทเฮาขึ้นไปบนหอสูง ตามหลังไทเฮาคือองค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่ ส่วนองค์หญิงองค์อื่นๆ ก็เดินตามหลังพวกนางอีกที
ทุกคนขึ้นไปยืนอยู่บนหอเซวียนเต๋อได้ไม่นาน หอคอยทั้งหลังก็สว่างโร่