ทิศใต้ของหอเซวียนเต๋อคือถนนราชดำเนิน มีหอคอยประดับไฟหลังหนึ่งตั้งห่างออกไปไม่ไกล ยิ่งไปกว่านั้นคือบริเวณหน้าประตูเซวียนเต๋อมีหอคอยอีกหลังที่งดงามและสะดุดตามากที่สุด
หอคอยนั้นถูกขนานนามว่า เอ๋าซาน ด้านหน้ามีเสาสูงกว่ายี่สิบจั้งสองต้น และมีมังกรขนาดใหญ่ขดตัวรอบเสาทั้งสองต้น ในปากของมังกรคาบลูกไฟเอาไว้ เมื่อประทีปนับหมื่นดวงถูกจุดพร้อมๆ กัน เมืองทั้งเมืองก็งดงามวิจิตรเย้ายวนใจ
องค์หญิงฝูชิงมองลูกไฟในปากมังกรด้วยสายตาหลงใหล
เมื่อปีกลายนางได้ชมความงดงามของมังกรคู่ที่ส่องแสงสว่างไสวไปแล้ว แต่เมื่อได้ชมอีกครั้งในวันนี้ ความรู้สึกตื่นเต้นกลับมิได้ลดน้อยถอยลงไปเลย
พื้นพิภพนี้มีของสวยงามมากมายเหลือเกิน การได้เห็นด้วยตาตนเองเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
นางคิดในขณะที่ทอดสายตา
บนถนนราชดำเนินมีผู้คนร้องรำทำเพลงเคล้าไปกับเสียงโห่ร้องยินดี สะท้อนความรุ่งเรืองได้เป็นอย่างดี
องค์หญิงฝูชิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
นางเป็นองค์หญิงที่ได้แต่ฝันว่าจะได้ถือโคมเดินเที่ยวเล่นในงานเทศกาลหยวนเซียวเฉกเช่นสตรีทั่วไป
ความรู้สึกเสียดายนั้นอยู่ไม่นาน องค์หญิงฝูชิงก็ตระหนักได้
แต่เพราะนางคือองค์หญิง นางถึงได้ขึ้นมาชมโคมไฟจากหอเซวียนเต๋อ เลิกคร่ำครวญเรื่องชีวิตจะดีกว่า หากยังไม่รู้จักพอใจในสิ่งที่มี ชีวิตนี้คงไม่มีทางได้พบสันติสุขที่แท้จริง
ในเวลานี้ที่ด้านล่างหอคอย มีอีกหลายคนที่กำลังชมแสงไฟมังกรคู่
“วันนี้ครึกครื้นยิ่งนัก เสียดายที่อาฮวนยังเล็ก เลยไม่เหมาะจะพาออกมาด้วย” เจียงซื่อเดินอยู่บนถนนที่มีแสงประทีปส่องเรืองพลางเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย
มีสาวรับใช้ ผอจื่อและแม่นมมากมายเพียงนั้น การจะพาอาฮวนออกมาชมโคมคงมิได้ยุ่งยากปานนั้น แต่เพราะนางกังวลว่าอาจเกิดเรื่องที่หอเซวียนเต๋อ จึงคิดว่าให้บุตรสาวอยู่ที่จวนจะปลอดภัยกว่า
เมื่อหวนคิดถึงตอนที่นางและสามีกำลังออกจากจวน ท่าทางน่าสงสารของอาฮวนทำให้เจียงซื่อรู้สึกหนักใจไม่น้อย
อวี้จิ่นจูงมือเจียงซื่อ เขากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น “นานทีพวกเราจะได้ออกมาข้างนอกด้วยกันสองคน อย่ามัวคิดถึงแต่ลูกเลย”
ในช่วงเดือนนี้ของปีหน้า อาฮวนคงวิ่งได้แล้ว คงยากหากจะทิ้งลูกและออกมาเที่ยวกันสองคน
โอกาสดีๆ เช่นนี้ควรรักษาไว้ถึงจะถูก
ทั้งสองจูงมือกันเดินเตร่ไปตามแสงไฟส่องเรือง แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงสะเทือนเลือนลั่น ทุกสายตาจึงหันขึ้นไปมอง
ดอกไม้ไฟสีสันสดใสแตกกระจายเป็นวงกว้างวงแล้ววงเล่าจนเต็มท้องฟ้า
ผู้คนจำนวนมากแหงนหน้ามองด้วยความตื่นตาตื่นใจ ส่วนคนที่ยืนชมจากบนหอเซวียนเต๋อก็กำลังชมความตระการตาของดอกไม้ไฟเช่นกัน
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยุงไทเฮาพร้อมกับรอยยิ้ม “เสด็จแม่ ดอกไม้ไฟที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง”
ไทเฮาส่งยิ้มพลางตอบ “งดงามเหลือเกิน ข้าไม่ได้เห็นมันมานานแล้ว”
“เช่นนั้นเสด็จแม่ก็ออกมาทอดพระเนตรทุกปี ลูกและฮองเฮาจะมาเป็นเพื่อนพระองค์เอง” จิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นว่าไทเฮาชอบใจ เขาก็เป็นสุขอย่างยิ่งยวด
ฮองเฮาเฝ้ามององค์หญิงฝูชิงไม่ให้คลาดสายตา แต่เมื่อได้ยินจิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยถึงนาง นางก็รีบยิ้มรับ
“พวกเจ้าช่างกตัญญู จะให้ข้าชมสิ่งใดก็ดีทั้งนั้น” ภายใต้แสงไปที่สาดลงมา ไทเฮาในขณะนี้ดูสงบ
“ดีเหลือเกินที่พระองค์ทรงโปรด”
ฮองเฮาอาศัยจังหวะที่จิ่งหมิงฮ่องเต้กำลังสนทนากันไทเฮาชำเลืองหาร่างขององค์หญิงฝูชิง แต่แล้วสีหน้าของฮองเฮาก็เปลี่ยนไป
ฝูชิงที่ยืนห่างออกไปไม่ไกล ไฉนถึงไม่อยู่แล้วเล่า
ฮองเฮาสอดส่ายสายตาไปรอบๆ
ในทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตื่นตระหนกของใครบางคน เป็นเสียงร้องของเด็กสาวและตามมาด้วยเสียงวัตถุหนักร่วงลงบนพื้น
“มีคนตกจากหอคอย…”
ที่ด้านล่างโกลาหล เสียงผู้คนโห่งร้องอื้ออึง
ดอกไม้ไฟกระจายเต็มผืนฟ้าแต่กลับไม่มีผู้ใดเหลียวแล ทุกสายตามองมาที่หอเซวียนเต๋อ
“เกิดอะไรขึ้น” ในขณะนั้นอวี้จิ่นและเจียงซื่อหยุดยืนอยู่หน้าประทีปรูปกระต่ายสูงเท่ากับความสูงของคน เมื่อได้ยินเสียง ทั้งคู่ก็หันขวับไปที่หอเซวียนเต๋อทันที
เจียงซื่อรู้สึกเกินคาดเล็กน้อย แต่ก็มีความโล่งใจปนอยู่ด้วย
ฮองเฮาใส่ใจองค์หญิงฝูชิงปานนั้น นางเชื่อว่าคำเตือนของนางคงป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับองค์หญิงฝูชิงอย่างแน่นอน
ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นวันนี้ดีว่าเกิดขึ้นในภายหลัง เพราะหากในเทศกาลซั่งหยวนปีนี้ไม่มีเรื่อง ปีหน้านางคงต้องเข้าวังมาเล่าความฝันอีกรอบ
“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่หอเซวียนเต๋อ พวกเราไปดูกันดีไหม”
อวี้จิ่นพยักหน้า “ไปสิ”
ในขณะนั้นบนหอเซวียนเต๋อก็ชุลมุนไม่แพ้กัน
ทันทีฮองเฮาได้ยินเสียงร้องของเด็กสาว สีหน้าของหน้าก็เปลี่ยนไป นางแทบจะพุ่งตัวไปตามทิศทางของเสียงนั้น
“ฮองเฮา…” จิ่งหมิงฮ่องเต้ขานเรียกพร้อมดึงแขนเสื้อของนางเอาไว้
ฮองเฮาที่หวงบุตรสาวยิ่งกว่าสิ่งใดมีหรือจะสนใจ นางหันกลับมาดึงแขนเสื้อของตัวเองสุดแรงจนจิ่งหมิงฮ่องเต้เกือบจะเซ
พานไห่ที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบเข้ามาพยุง
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับมาทรงตัวได้ก็ทำทีเป็นหันไปกล่าวแก่ไทเฮาแก้เก้อ “เสด็จแม่ คอยอยู่ที่นี่ก่อน เดี๋ยวลูกจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฝ่าบาทระวังด้วย” ไทเฮากำชับ สายตาของนางจับจ้องไปที่หลังของจิ่งหมิงฮ่องเต้ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความล้ำลึก
ฮองเฮารีบวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ ภาพตรงหน้านางทำให้อาการอกสั่นขวัญแขวนได้รับการบรรเทา
องค์หญิงสิบสี่กำลังโอบกอดองค์หญิงฝูชิงไว้แน่น ใบหน้าเด็กสาวทั้งสองซีดเผือด ด้านข้างมีข้าหลวงกำลังชะโงกหน้าลงไปดูที่ระเบียง
“เกิดอะไรขึ้น” ฮองเฮาก้าวพรวดเข้าไป
องค์หญิงฝูชิงน้ำตาคลอพร้อมกลั้นใจตอบ “เสด็จแม่ ชิงไต้ตกลงไปเพคะ…”
ฮองเฮาเห็นท่าทีขององค์หญิงฝูชิงผิดแผกไปจึงรีบส่งสายตาไปหาองค์หญิงสิบสี่
องค์หญิงสิบสี่ก็ไม่ได้ดูปกติไปกว่าองค์หญิงฝูชิง ร่างของนางสั่นเทาไม่แพ้กัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ลืมถวายความเคารพฮองเฮา “เสด็จแม่ เมื่อครู่…จู่ๆ ชิงไต้ก็เอื้อมมือออกมาผลักพี่สิบสามเพคะ โชคดีที่นางในที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบปัดมือนาง…”
เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ องค์หญิงสิบสี่ก็กลัวจับใจ
นางจำสิ่งที่ฮองเฮากำชับได้ขึ้นใจจึงพยายามอยู่ใกล้พี่สิบสามตลอดเวลา ขณะเพิ่งเริ่มการแสดงดอกไม้ไฟ พี่สิบสามบอกกับนางว่าด้านนี้เห็นได้ชัดกว่า จึงลากนางมายืนดูตรงจุดเกิดเหตุ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่านางในที่ชื่อชิงไต้จะกล้าทำร้ายพี่สิบสาม
ชิงไต้คือนางในข้างกายขององค์หญิงฝูชิง ผู้ใดจะคาดคิดว่านางจะทำร้ายเจ้านายตัวเอง
เพราะเรื่องนี้เกินความคาดหมายไปมาก แม้องค์หญิงสิบสี่จะอยู่ใกล้กับองค์หญิงฝูชิงเพียงใด ในชั่วพริบตานั้นนางเองก็ตั้งตัวไม่ทัน โชคดีที่มีนางในอีกคนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลผลักชิงไต้ออกไป มิฉะนั้นนางไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฮองเฮาเองก็รู้สึกกลัวจับใจไม่ต่างกัน
แม้นางจะกำชับองค์หญิงสิบสี่ไว้แล้ว แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่อาจฝากความปลอดภัยของบุตรสาวไว้กับเด็กสาวตัวเล็กๆ อีกคน ดังนั้นนางในที่ปัดมือชิงไต้คือนางในที่นางเตรียมไว้ ซึ่งเป็นคนมีทักษะด้านวิทยายุทธ์
แต่ที่นางต้องเตือนองค์หญิงสิบสี่ไว้ก่อนเนื่องจากไทเฮาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เกรงว่าหากเกิดเรื่องนางในคนนั้นจะไม่กล้าเข้ามาใกล้ นางถึงต้องเตรียมการณ์ไว้ให้พร้อม
เพียงแต่ฮองเฮาไม่คิดว่าคนที่ทำร้ายองค์หญิงฝูชิงจะเป็นนางในข้างกายของบุตรสาวอย่างชิงไต้
“แล้วบ่าวชั่วผู้นั้นตกลงไปได้อย่างไร” ฮองเฮาเอ่ยถามดุดัน
องค์หญิงฝูชิงที่เริ่มได้สติเอ่ยตอบ “นางกระโดดลงไปเองเพคะ”
ฮองเฮาชะงักงัน
องค์หญิงสิบสี่กล่าวเสริม “ใช่เพคะ หลังจากที่นางถูกนางในอีกคนดันตัวออกไป นางก็กระโดดลงไปเองเพคะ พวกหม่อมฉันไม่ได้ทำอะไรเพคะ…”
ฮองเฮาอยากจะถามต่อ แต่เสียงของจิ่งหมิงฮ่องเต้ลอยมาเสียก่อน “กลับไปคุยกันที่ตำหนัก”
ด้านล่างหอเซวียนเต๋อ ผู้คนที่ยืนออไม่กล้าเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ ไม่นานร่างของหญิงสาวที่ตกลงมาก็ถูกองครักษ์หามออกไป
อวี้จิ่นพาเจียงซื่อเดินเข้าไปพร้อมกับฉีอ๋องและคนอื่นๆ
เมื่อองครักษ์เห็นว่าเป็นเหล่าท่านอ๋องและพระชายาก็เปิดทางให้แต่โดยดี
เป็นขณะเดียวกันกับที่จิ่งหมิงฮ่องเต้เดินลงมาถึงด้านล่าง เมื่อเห็นบรรดาลูกชายที่เสนอหน้ามาดูเรื่องสนุก เขาก็ฉุนขึ้นมาทันที