บทที่ 694 ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 694 ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด

บทที่ 694 ไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด

ทันทีที่ท้องฟ้าสว่าง เหยาต้าหลางรีบตื่นนอนด้วยความกระตือรือร้น

เพราะวันนี้เขาต้องไปทาบทามฝูโหรวสตรีที่ตนหมายปอง ครั้นคิดได้ถึงตรงนี้ เหยาต้าหลางก็เกิดความกังวลขึ้นมาทันที

เหยาต้าหลางรีบตื่นนอน จัดแจงผมเพ้าของตัวเองให้เรียบร้อย กระทั่งมองเสื้อผ้าในตู้ เลือกอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็เลือกชุดที่เหมาะสมกับตนออกมาหนึ่งชุด

เขาหวีผมผัดแป้งเรียบร้อย แต่สิ่งของที่จะนำไปทาบทามนั้นยังไม่ได้ตระเตรียม เหยาต้าหลางจึงรีบหาใบรายการที่ตัวเองได้เตรียมไว้ก่อนหน้านั้น แล้วออกคำสั่งให้คนรับใช้ไปจัดการ

ต่อให้เตรียมการเรื่องนี้อย่างดี แต่เหยาต้าหลางก็ยังเป็นกังวล กลัวว่าบิดาของฝูโหรวจะไม่เห็นด้วย แต่ไม่ลองก็ไม่รู้?

กระทั่งเหยาต้าหลางเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อย บิดามารดาของตนยังอาบน้ำหวีผมไม่เรียบร้อย ต่อให้เหยาต้าหลางเกิดความกังวลในใจก็ไม่สามารถเร้งเร้าได้ แต่ยืนรอด้วยความเคารพอยู่ข้างกาย

อีกด้านหนึ่ง ฝูโหรวรู้ว่าเหยาต้าลางจะมาทาบทามตนวันนี้ นี่คือนัดหมายของพวกเขาสองคน ฝูโหรวทั้งกังวลและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน

นางนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน กว่าจะนอนหลับก็ดึกมากแล้ว เช้าวันนี้ยังต้องตื่นเช้าอีก โดยพื้นฐานแล้ว นางยังไม่ได้นอนเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่เป็นกังวลเกินไป

หลังจากนอนอยู่บนเตียงเป็นครึ่งค่อนวันก็ยังนอนไม่หลับ ฝูโหรวจึงเรียกสาวใช้ของตัวเองมาแต่งหน้าหวีผม ครั้นเห็นขอบตาดำของตัวเองในกระจกค่อนข้างหนักหน่วง ฝูโหนวก็ยิ่งเป็นกังวล

“คุณหนู คุณหนูอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเราจะปกปิดให้คุณหนูเอง”

สาวใช้ที่ฝูโหรวเรียกมาแต่งหน้าทำผมเห็นว่าฝูโหรวมีสีหน้าเป็นกังวล จึงเอ่ยปลอบโยนฝูโหรวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สาวใช้คนนี้มีชื่อว่าชิงเอ๋อ เติบโตมากับฝูโหรวตั้งแต่เด็ก

“อื้อ” ฝูโหรวตอบกลับด้วยสีหน้าเนียมอาย

เมื่อคืนนางนอนไม่หลับทั้งคืน สีหน้าจึงไม่สู้ดีนัก แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เจอกับบิดามารดาของเหยาต้าหลาง แต่ฝูโหรวก็ยังเป็นกังวล ไม่อยากให้พวกเขามีภาพความประทับใจแรกไม่ดี

แต่ฝูโหรวเชื่อมั่นในชิงเอ๋อ หลังจากได้ยินคำพูดของชิงเอ๋อก็ไม่ได้กังวลมากเพียงนั้นแล้ว

นางรู้ว่าชิงเอ๋อต้องทำทุกอย่างออกมาดีอย่างแน่นอน ตัวเองจึงไม่ต้องกังวลมากนัก เมื่อครั้งวัยเยาว์ตนก็เป็นเช่นนี้ โตมาก็ยังเป็นเช่นนี้

ชิงเอ๋อเห็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น หัวใจพลันก็เกิดความอบอุ่น คุณหนูเชื่อใจตนมาก ไม่กลัวว่าตนจะทำทุกอย่างพังแต่อย่างใด ซึ่งตัวนางจะทำลายความคาดหวังของคุณหนูไม่ได้เด็ดขาด

ในที่สุดเหยาต้าหลางก็รอจนบิดามารดาของเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสามคนนั่งทานอาหารเช้าอยู่ในห้องโถงกลาง เตรียมจะออกจากจวนไปทาบทามฝูโหรว บิดามารดาของเหยาต้าหลางขึ้นรถม้าคันหน้าสุด

เหยาต้าหลางคอยสั่งให้คนรับใช้ขนกล่องที่เตรียมของสำหรับทาบทามของตนเองกล่องแล้วกล่องเล่าอยู่ด้านหลัง ส่วนตัวเองก็ขึ้นรถม้าคันหลัง มุ่งหน้าตรงไปยังจวนของฝูโหรวทันที

ระหว่างทาง หัวใจของเหยาต้าหลางเต็มไปด้วยความกระวนกระวายไปตลอดทาง

เขาต้องไปเจอกับสตรีผู้เป็นที่รัก อารมณ์ความรู้สึกในใจเกิดความปั่นป่วนอย่างมาก

ฝูโหรวเพิ่งจะทานอาหารเช้ากับบิดามารดาเสร็จได้ไม่นาน ก็ได้ยินว่าเหยาต้าหลางพาบิดามารดาของตนมาถึงจวนแล้ว

ทั้งสามคนลุกขึ้นแล้วเดินออกไปต้อนรับครอบครัวของเหยาต้าหลาง ทันทีที่ฝูโหรวถึงหน้าประตู เห็นเหยาต้าหลางจากที่ไกล ๆ หัวใจก็พลันเต้นระส่ำ ไม่รู้ว่าเหยาต้าหลางจะชอบนางในวันนี้หรือไม่ บิดามารดาของเขาจะชอบตนเช่นนี้หรือไม่

“ตระกูลเหยา พวกเจ้ามากันแล้ว เชิญข้างในเถิด”

บิดาของฝูโหรวได้เชื้อเชิญบิดามารดาของเหยาต้าหลางเข้าไปข้างใน เหมือนกับรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดไม่เหมาะสม

“พวกเจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว!”

บิดามารดาของเหยาต้าหลางเห็นบิดามารดของฝูโหรวมีท่าทีที่เกรงใจเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกน่าทะนุถนอมในใจหลายเท่า ถึงอย่างไรในอนาคตก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

“มา ๆ นั่งตรงนี้ก่อน ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเป็นจวนของตัวเองเถิด”

บิดามารดาของฝูโหรวเห็นว่าครอบครัวฝ่ายลูกเขยมีสัมพันธ์ที่ดี จึงรีบพาพวกเขาสามคนเข้าจวน ไม่ยอมให้รออยู่หน้าประตูนานเกินไป

ฝูโหรวและเหยาต้าหลางที่เดิมทีเดินตามอยู่ด้านหลัง ในที่สุดก็เดินเคียงคู่กันเข้าไป มีโอกาสเพียงเสี้ยวเดียว แต่ทั้งสองคนก็ยังระแวดระวังตัวเป็นอย่างดี

ถึงอย่างไร บิดามารดาของอีกฝ่ายยืนอยู่ข้างกาย ทั้งสองคนเกิดความเขินอาย ต่อให้เดินเคียงคู่กันไปก็ไม่ได้พูดมากความแต่อย่างใด

“ข้ามาแล้ว ข้าทำให้เจ้ารอนานไปหรือไม่?”

ทั้งสองคนเดินมาถึงวันนี้ได้ การทำให้บังเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ

เดิมที หลังจากที่ดูวันเดือนปีเกิดของทั้งคู่แล้ว ปรากฏว่าทาบทามได้ แต่เพราะร้านค้าทางตอนใต้เกิดปัญหากะทันหัน จึงทำให้เวลานั้นล่าช้าไปนานขนาดนี้

ก่อนหน้านั้น เหยาเอ้อหลางได้หมั่นหมายจนสำเร็จ เขาในฐานพี่ใหญ่ย่อมเกิดความร้อนใจเป็นธรรมดา

“รอไม่นานเจ้าค่ะ เมื่อคืนคงจะเพลียเกินไป ในใจเอาแต่เป็นกังวลเรื่องนี้จนนอนไม่หลับ กลัวว่าจะทำให้ท่านพ่อและท่านแม่ของท่านมีความทรงจำไม่ดีกับข้า”

“จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ข้าเล่าแต่เรื่องดี ๆ ของเจ้าให้ท่านพ่อและท่านแม่ฟังทุกวันเลย พวกเขาเฝ้ารอที่จะได้เจอกับลูกสะใภ้คนนี้ว่าเป็นอย่างไร”

ฝูโหรวคลี่ยิ้ม “จริงรึ?”

นางไม่กล้าเชื่อ ทุกอย่างนี่จะเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง คราที่แล้วที่เจอกัน นางยังเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย แม้ว่าวันเดือนปีเกิดจะสมพงศ์กัน แต่ตอนนี้นางก็ยังหวาดหวั่นมากอยู่ดี

“ไม่โกหกแน่นอน”

บิดามารดาทั้งสองตระกูลนั่งอยู่บนเก้าอี้ห้องโถงใหญ่ ส่วนเหยาต้าหลางและฝูโหรวนั้นต่างนั่งอยู่ข้างกายบิดามารดาของตัวเอง

บิดามารดาของเหยาต้าหลางตรงเข้าประเด็นทันที “เป้าหมายในการมาของเรานั้นชัดเจนมาก เราอยากมาทาบทามลูกสาวของท่าน อีกอย่างเราพึงพอใจกับเด็กสาวอย่างฝูโหรวมาก”

ฝูโหรวที่ยืนอยู่ข้างกายบิดามารดาได้ยินคำชมจากบิดามารดของเหยาต้าหลาง ในใจก็พองฟู และยังเขินอายเล็กน้อย ถึงอย่างไรที่นี่ก็ผู้คนจำนวนมาก

บิดามารดาของฝูโหรวได้ยินคำชมนี้ก็พึงพอในอยู่ในใจ พยักหน้า ดูท่าว่าทีพ่อแม่สามีในอนาคตของลูกสาวตนคงจะพึงพอใจลูกสาวของตนแล้ว อีกทั้งสาวน้อยคนนี้ก็ไม่เลวด้วย

บิดามารดาของฝูโหรวอยากจะเอ่ยบางอย่าง “เราพอใจกับเด็กคนนี้มาก ส่วนเรื่องงานแต่งเราก็เห็นสมควร”

บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายได้ยินกิตติมศักดิ์ของอีกฝ่ายมาพอสมควรแล้ว ภูมิหลังของครอบครัวแต่ละฝายก็เหมาะสม ไม่ถึงขนาดห่างเหินนัก

ส่วนต้าหลาง เด็กคนนี้ก็เอาการเอางาน เป็นผู้ใหญ่ เป็นคนที่ไว้วางใจได้คนหนึ่ง

อีกอย่าง หลังจากได้ดูวันเดือนปีเกิดแล้วก็ถือว่าสมพงศ์กัน เรื่องเหล่านี้เป็นคำอวยพรเท่านั้น

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราได้ปรึกษาหารือถึงกำหนดการงานแต่งแล้ว ข้าคิดว่าวันที่เก้าเดือนหน้าถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี”

เหยาต้าหลางได้ยินว่ากำหนดการงานแต่งของตัวเองและฝูโหรวได้ถูกกำหนดขึ้น จึงรู้สึกเบิกบานในใจ เขารอวันนี้มานานมาก คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงเร็วเพียงนี้

เหยาต้าหลางรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เขาคาดไม่ถึงว่ากำหนดงานแต่งของเขาและฝูโหรวจะมีขึ้นง่ายดายเพียงนี้ ฝูโหรวได้ออกเรือนกับเขา ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีมากจริง ๆ

ฝูโหรวรู้ว่างานแต่งได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว ในใจก็เบิกบานอย่างมาก แต่เพราะเป็นผู้หญิง ดังนั้นการแสดงออกจึงไม่ได้มากมายเพียงนั้น นางได้แต่เขินอายใบหน้าแดงก่ำ

ทั้งสองตระกูลเดิมทีได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานแต่งงานของทั้งสองคนแล้ว แต่เมื่อเห็นทั้งสองคนยังอึ้งงัน จึงได้ใช้สายตาส่งสัญญาณไปยังทั้งสองคน

สุดท้ายก็ยังเป็นเหยาต้าหลางที่รวบรวมความกล้า เดินรุดหน้าเข้ามาคว้ามือของฝูโหรว แล้วเอ่ยด้วยความสัตย์จริง “ฝูโหรวจะยอมออกเรือนกับข้าหรือไม่? ข้าอยากสู่ขอเจ้ามาเป็นภรรยาอย่างเปิดเผยของข้า!”

เหยาต้าหลางเงอะงะเล็กน้อย พูดไม่ค่อยเก่ง เขาพูดกับฝูโหรวอย่างตรงไปตรงมา แต่ครั้นจะเอ่ยออกไปก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอย่างไรดี

ด้วยความที่สนิมกับเหยาต้าหลางมานาน ฝูโหรวจึงเข้าใจเหยาต้าหลางเป็นที่สุด รู้ถึงความเงอะงะของเหยาต้าหลาง ก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มเหนียมอาย

“ข้ายินยอม”

——————————————–