ลี่จุนถิงไปเที่ยวที่ปารีสกับเจียงหยุนเอ๋อ จากนั้นก็กลับประเทศไป
ในตอนนี้ เวียร์กับลี่จุนซินกลับประเทศไปหลังจากที่เลือกชุดแต่งงานเสร็จ ทั้งสี่คนก็เหมือนจะมาถึงสนามบินพร้อมๆ กัน
หลังจากที่กลับมาแล้ว ลี่จุนซินก็ไม่ได้ไปทำงาน แต่อยู่ที่บ้านเพื่อช่วยโม่เสี่ยวฮุ่ยกับเจียงหยุนเอ๋อ จัดการเรื่องงานหมั้นเสร็จ หลังจากที่มีเธอช่วยเหลือ งานหมั้นก็ราบรื่นกว่าเดิมมาก
เมื่อลี่จุนซินเลือกชุดเสร็จแล้ว แต่ว่าพวกเจียงหยุนเอ๋อกับโม่เสี่ยวฮุ่ยยังไม่ได้เลือก หลังจากที่จัดการเรื่องงานหมั้นเสร็จ คนเหล่านั้นก็พากุ่นกุ่นเจ้าน้อยไปตลอดเวลา ก่อนจะไปเลือกชุดที่จะสวมในงานแต่ง แล้วก็พิธีในงานหมั้นด้วย
คนทั้งหลายต่างยุ่งกันเป็นอย่างมาก ทุกๆ วันที่ลี่จุนถิงกลับบ้านนั้น จะไม่ได้เจอภรรยา แถมยังไม่เจอลูกด้วย แต่ว่าเขาเองก็รู้ว่าช่วงนี้พวกเธอเลือกของกันอย่างวุ่นวาย เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าจะยุ่งมาก แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อก็สบายดีในทุกๆ วัน หลังจากกลับมาลี่จุนถิงก็ยังนวดให้ทุกคืน เลยมีความสุขเป็นอย่างมากในทุกๆ วัน
เจียงหยุนเอ๋อหวังว่าชีวิตที่มีความสุขแบบนี้จะมีไปเรื่อยๆ ตราบนานเท่านาน
แต่ในตอนนั้นเอง ลี่จุนถิงกลับได้รับข่าว ว่าอาเธอร์นั้นหนีหายไปแล้ว
ตอนที่ชิงโม่โทรมานั้น เขามีเรื่องที่จะรายงานให้ลี่จุนถิงฟังมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวคราวของอาเธอร์นั้นมีแต่ข่าวของเขา ลี่จุนถิงคงจะไม่ยอมมาฟังเขาพล่ามอะไรออกมาที่นี่หรอก
“ลี่จุนถิง ฉันจะบอกคุณให้นะ ครั้งนี้หนีไปแล้ว คุณต้องเพิ่มเงินให้ฉันนะ แล้วก็ คุณต้องรีบให้พี่สะใภ้หาแฟนให้ฉัน มันถึงจะช่วยประโลมความเหนื่อยในใจได้”
“แล้วคุณจับได้หรือยัง?” ลี่จุนถิงได้ยินเขาพล่ามออกมาแบบนั้น ก็รู้ว่ายังจับไม่ได้
“ยังเลย” ชิงโม่เองก็หน้าด้านหน้าทน หาไม่เจอแล้วยังจะกล้ามาที่นี่เพื่อ “แบล็กเมล์” อย่างอาจหาญอีกเหรอ
“หายังไม่เจอเลย คุณยังจะกล้ามาที่นี่เพื่อยื่นขอเสนอให้ฉันอีกเหรอ?”
“แหะๆ ไม่คิดว่าถึงฉันจะไม่ได้มีเครดิตแต่ก็เหนื่อยมากหรอกเหรอ คุณควรจะให้ประโยชน์กับฉันอย่างเหมาะสมด้วย ฉันจะได้มีแรงทำมากกว่าเดิมไม่ใช่เหรอ”
ลี่จุนถิงเองก็ยิ้มขึ้นมา ถ้าพูดถึงความหน้าด้าน ถ้าเกิดชิงโม่เป็นที่สอง ก็คงไม่มีใครบนโลกที่ได้เป็นที่หนึ่งแล้วล่ะ
เมื่อชิงโม่ได้ยินลี่จุนถิงหัวเราะ ก็รู้ว่าว่าลี่จุนถิงตกลงกับข้อเสนอของตัวเองแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้มาเพื่อเอาของต่างๆ จากลี่จุนถิง แต่ว่าเมื่อเขาจับไม่ได้ บนหน้าของเขาก็ควบคุมไม่ได้สักเท่าไหร่
ทุกครั้งที่ทำเรื่องอะไรไม่ได้ ก็จะต้องเล่นแง่สักหน่อยถ้าเกิดลี่จุนถิงยิ้มขึ้น ก็หมายความว่าเรื่องนี้ลี่จุนถิงไม่โทษเขา
ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งหลายปี ลี่จุนถิงเองก็รู้ปัญหานี้ของเขา
“บอกมาเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
“ตอนที่อาเธอร์หนีออกมาจากอิรัก เอาไปเพียงคนที่เชื่อใจของตัวเองเท่านั้น คนที่พวกเราจับได้นั้นเป็นคนที่รู้เรื่องเหล่านี้ค่อนข้างมาก เลยรู้จากปากเขาว่าอาเธอร์ไปที่สามเหลี่ยมทองคำ”
“พวกเราตามไปแล้ว คุณเองก็รู้ว่าสามเหลี่ยมทองคำมันเป็นที่แบบไหน สามเหลี่ยมทองคำเป็นหนึ่งในแหล่งยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดของโลก แถมที่นี่ยังเป็นที่รวมตัวของผู้ค้ายารายใหญ่ของโลกมากมาย นานมาแล้ว ที่ที่นี่มีอาวุธในการต่อกลอนกับรัฐบาลและอาวุธของพวกค้ายาเสพติดมากมาย”
“คนที่นี่รวมกันวุ่นวายไปหมด เมื่อพวกเราตามไปถึงที่นั่น ก็ไม่มีข่าวคราวของเขาอีก ฉันให้คนที่ฉันรู้จักไปสืบมา จนสุดท้ายก็ได้รู้ที่ซ่อนของเขา”
“ตอนที่พวกเราไปถึงที่นั่น พวกเขาหนีไปแล้ว จากนั้นพวกเราก็ไม่ได้รับข่าวอะไรของเขาอีก”
“พวกเราเดินตรวจไปมาบริเวณสามเหลี่ยมทองคำอยู่นาน แต่ก็ไม่เจอร่องรอยหรือข่าวคราวอะไรของเขาเลย จากนั้นก็พบโอกาสหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ พวกเราพบคนของเขาที่หมู่บ้านเล็กๆ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ตอนที่พวกเราจะเข้าไปจับนั้น ก็ถูกพวกเขาพบเข้า”
“พวกเราเกิดการต่อสู้ที่นั่น อาเธอร์ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าคนของเขาที่สามเหลี่ยมทองคำนั้นก็ไม่น้อย ดังนั้นเขาเลยหนีไปได้”
“ระหว่างนั้นอาเธอร์หนีไปอยู่หลายประเทศ แล้วก็เกิดการปะทะหลายครั้ง การปะทะที่รุนแรงที่สุด คือที่แม็กซิโกซิตี้ในประเทศแม็กซิโก ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะหนีไปได้ แต่ว่าครั้งนั้นทำให้เขาบาดเจ็บเป็นอย่างมาก หลังจากนี้การเดินทางอาจจะไม่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกแล้วล่ะ”
“สุดท้ายเมื่อพวกเราตามเขา ไปจนถึงชายทะเลที่ทวีปอเมริกาใต้ สุดท้ายเขาก็ไปถึงเกาะอันโดดเดี่ยวเกาะหนึ่ง พวกเราเองก็เคยสืบหาแล้ว แต่ก็ตามร่องรอยของอาเธอร์ไม่เจอเลย ที่นี่นั้นเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยเลยล่ะ”
เมื่อฟังจนจบ ลี่จุนถิงก็เบะปาก โดยที่ไม่พูดอะไรเลย
ชิงโม่เองก็ไม่ต้องคิด ก็รู้อารมณ์ของลี่จุนถิงในตอนนี้ได้ทันที เลยรู้สึกผิดเป็นอย่างมากในใจ “ประธานลี่ ขอโทษนะ อาเธอร์เขาร้ายกาจมากเกินไป ทำให้ความหวังที่คุณมีต่อฉันพังทลาย”
“ไม่เป็นไร เมื่อครู่ยังเรียกชื่อฉันว่าจุนถิงอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงมาเกรงใจกันล่ะ”
“เรื่องของอาเธอร์น่ะคุณไม่ต้องรู้สึกผิดนะ เขาเป็นคนโหดร้ายมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขาทำอะไรมากมายเพื่อทำธุรกิจโดยไม่มีประสบการณ์มาก่อน ถ้าเกิดให้คุณจับเขาได้ง่ายขนาดนั้น คุณจะให้เขาอยู่ต่อไปได้อย่างไร”
“ถึงแม้ว่า ฉันจะไม่พอใจกับผลของการกระทำของคุณ ตอนแรกอาเธอร์ทำให้หยุนเอ๋อทุกข์ทรมานขนาดนั้น แถมยังจะลงมือกับกุ่นกุ่นเจ้าน้อยอีกด้วย ฉันไม่มีทางปล่อยเขาไปได้หรอก”
“คุณพักก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปสืบเสาะข่าวของเขาก่อน ครั้งนี้ฉันจะสั่งตายเลยนะ ถึงอาเธอร์จะตายไปแล้ว คุณเองก็ต้องหาศพของเขามาให้ฉันให้ได้”
ชิงโม่เองก็รู้อารมณ์ของลี่จุนถิง ถ้าบอกว่าจะไม่ปล่อยอาเธอร์ไป ก็จะต้องตามฆ่าจนถึงที่สุด
“ถึงแม้ว่าอาเธอร์จะหายไปจากทวีปแอฟริกาใต้ แต่ว่าจะหยุดระแวงไม่ได้ คุณต้องระวังหน่อย อย่าให้อาเธอร์หาโอกาสหนีเข้าประเทศไปได้ ถึงตอนนั้น ตามจิตใจที่โหดร้าย นิสัยที่เจ้าคิดเจ้าแค้นของเขา เขาจะต้องตามมาเอาคืนพวกคุณอย่างแน่นอน”
“พวกคุณจะต้องระวังหน่อย พยายามเลี่ยงความเสี่ยงนี้ให้ได้”
หลังจากที่ลี่จุนถิงตอบรับแล้ว ก็จัดหาคนมาล้อมอยู่แถวๆ ตระกูลลี่ แล้วส่วนของบริษัทเองก็จัดหามาแล้ว แถมยังทำเพื่อรับประกันความปลอดภัยในทุกๆ ส่วน เลยจัดหาคนไปในที่ของเวียร์ แล้วก็รายงานเขาด้วย
ลี่จุนถิงคิดอยู่นาน แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะบอกเรื่องนี้กับเจียงหยุนเอ๋อดีไหม บอกเธอดีกว่า เพราะกลัวว่าเธอจะคิดมาก ไม่บอกเธอดีกว่า เพราะกลัวว่าเธอจะไม่รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร
สุดท้ายเมื่อคิดไปมา เขาก็เลือกที่จะไม่บอกเจียงหยุนเอ๋อ
เตรียมการมานานขนาดนี้ ในที่สุดงานหมั้นของลี่จุนซินกับเวียร์ก็ได้จัด ตอนแรกบอกว่าจัดเพียงงานภายในก็พอ แล้วเชิญแค่คนที่สนิทกับตระกูลลี่ก็พอ
แต่ว่า หลังจากที่มีคนมากมายรู้เวลาที่แน่นอนของงานหมั้นของลี่จุนซิน สุดท้ายก็ขอให้มีการเชิญจากตระกูลลี่ แล้วก็มีคนถามมากขึ้นเรื่อยๆ ลี่จุนซินเลยยอมเพิ่มจำนวนสิทธิ์ในการเข้าร่วมขึ้น
ถึงอย่างไร ก็เป็นงานหมั้นของคุณหนูใหญ่ตระกูลลี่ คงจะไม่มีใครก่อเรื่อง เมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาก็จะได้รับการอวยพรมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ พวกเขาก็รับเอาไว้ทั้งหมด
สุดท้ายก็ถึงเวลาของงานหมั้น งานหมั้นนั้นใหญ่โตเป็นอย่างมาก เหล่าคนระดับสูงในสังคมนั้นถูกเชิญมากันหมด ยังมีคนมากมายที่อยากเข้ามาที่นี่ เลยใช้เส้นสายที่มีเพื่อเข้ามา