ตอนที่ 1383 เริ่มการล่า (5) ตอนที่ 1384 เริ่มการล่า (6)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1383 เริ่มการล่า (5) / ตอนที่ 1384 เริ่มการล่า (6)
ตอนที่ 1383 เริ่มการล่า (5)

พวกเขาอยากจะพักผ่อนนอนหลับอย่างเดียวเท่านั้น

คนพวกนั้นเลิกต่อต้านกันทีละคน พวกเขานั่งลงบนพื้นที่สกปรกและเย็นยะเยือก ดูเหมือนจะลืมเลือนไปแล้วว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นอันตรายแค่ไหน แล้วพวกเขาก็นอนลงบนพื้นหลับไปจริงๆ

หัวหน้ากลุ่มจากตำหนักนภาวิจิตรมองดูพรรคพวกของเขานอนลงบนพื้นและหลับไปทีละคนด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่เขาไม่สามารถต่อสู้กับความเหนื่อยล้าที่คืบคลานเข้ามาในทุกส่วนของร่างกายได้ เขารู้สึกเหนื่อยมากและง่วงมาก สติสัมปชัญญะของเขากำลังกรีดร้องให้เขารู้ว่าสถานที่นี้เต็มไปด้วยอันตรายอย่างถึงที่สุด แต่ไม่รู้ว่าทำไม ดูเหมือนใจของเขาไม่สามารถกระตุ้นความร้อนรนวิตกกังวลและความสามารถในการดิ้นรนต่อสู้ออกมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว

หัวหน้ากลุ่มสะบัดศีรษะอย่างแรง แต่ไม่สามารถสลัดความรู้สึกแปลกๆ ที่เข้ามาในตัวเขาได้ ขาทั้งสองข้างของเขาหนักเหมือนตะกั่ว ดวงตาเหมือนกำลังจะปิดลงทุกเมื่อ เขาดิ้นรนอย่างสิ้นหวังเพื่อที่จะลืมตาเอาไว้ ขณะเดียวกันเขาก็เห็นพรรคพวกของเขาค่อยๆ ล้มลงบนกองโลหิตของตัวเองทีละคน จากนั้นร่างสูงเพรียวก็เดินเหยียบแอ่งโลหิตเข้ามาช้าๆ เขาปรากฏตัวออกมาจากภายในหมอกหนารอบตัวเขา

เด็กหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นพิเศษคนหนึ่ง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยคราบโลหิต

“เฮ้ คนนี้ไม่เลวนี่ ยังไม่ล้มอีกหรือ” ผู้เยาว์คนนั้นพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง

หัวหน้ากลุ่มอยากจะหนี แต่หัวเข่าของเขาดูเหมือนจะหยั่งรากลึกลงไปในพื้นดิน เขาคุกเข่าอยู่ที่นั่น ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“เจ้ายังไม่ได้จัดการกับพวกมันทั้งหมดหรือ” เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะด้านหลังของหัวหน้ากลุ่ม ผู้เยาว์อีกคนในชุดสีม่วงเข้มปรากฏตัวออกมา ใบหน้าของผู้เยาว์คนนั้นงดงามอย่างน่ากลัว สิ่งที่ทำให้เขาประทับใจไม่รู้ลืมก็คือ ไฝใต้ตาหางของเขาที่เหมือนหยดน้ำตา

“จัดการเดี๋ยวนี้แหละ!” ผู้เยาว์คนแรกเดินมาหาหัวหน้ากลุ่มด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า และเอื้อมมือไปจับหัวของหัวหน้ากลุ่ม

“พวก…พวกเจ้า…เป็นใคร…” หัวหน้ากลุ่มพูดด้วยความยากลำบาก

“หือ เราหรือ ถ้าเจ้าต้องการ เรียกเราว่านักล่าสิบสองตำหนักก็ได้” เด็กหนุ่มตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้วหมุนมือที่จับส่วนบนของศีรษะบุรุษคนนั้นทันที!

กร๊อบ!

คอของหัวหน้ากลุ่มถูกหักทันที

“เรียบร้อย!” ผู้เยาว์คนนั้นปล่อยมือ แล้วปัดฝุ่นออกจากมือ พร้อมกับยิ้มกว้าง เขาเงยหน้าขึ้นมองสหายของเขา

“ข้าว่านะ พี่ฮวา…คราวหน้าท่านลงมือช้าหน่อยก็ได้ ข้ายังไม่ทันสนุกเลย ท่านก็ทำให้พวกมันทุกคนป้องกันตัวเองไม่ได้แล้ว แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้พลังของข้ามาไกลแค่ไหนแล้วเมื่อเทียบกับสิบสองตำหนัก” เด็กหนุ่มผู้ฮึกเหิมที่เต็มไปด้วยคราบโลหิตนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเฉียวฉู่ที่เข้าไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิพร้อมกับพวกของจวินอู๋เสียเมื่อหนึ่งปีก่อนนั่นเอง!

และที่ยืนอยู่กับเฉียวฉู่นั่นก็คือฮวาเหยา

หนึ่งปีที่พวกเขาอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเขาไม่ได้ก้าวออกจากที่นั่นเลยสักครั้ง แต่ได้ขังตัวเองอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ฝึกฝนพลังวิญญาณอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พวกเขาเพิ่งออกมาข้างนอกเมื่อประมาณสามเดือนที่แล้วนี่เอง

ฮวาเหยามองเฉียวฉู่ด้วยสายตาเย็นชา เขาหมุนขลุ่ยกระดูกสีขาวในมือรอบหนึ่ง ก่อนมันจะเปลี่ยนรูปกลับไปเป็นแหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณบนนิ้วของเขา

“น้องเสียให้เรามาที่นี่เพื่อฆ่าคนของสิบสองตำหนัก ไม่ใช่ให้มาดูว่าพลังของเจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนแล้ว” ฮวาเหยาตอบอย่างเย็นชา

ถ้าเรื่องที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิถูกค้นพบแล้วแพร่กระจายออกไป มันจะทำให้สามโลกชั้นกลางทั้งหมดไล่ล่าพวกเขาอย่างแน่นอน ดังนั้นช่วงที่พวกเขาเก็บตัวฝึกในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เยี่ยซา เยี่ยเม่ย และเยี่ยกู เป็นคนช่วยพวกเขากำจัดคนที่สามารถเดินทางมาถึงช่วงกลางของด้านล่างผาสุดขอบฟ้าทั้งหมด

ตอนที่ 1384 เริ่มการล่า (6)

เมื่อสามเดือนที่แล้วนี้เองที่พวกเขาได้รับอนุญาตจากจวินอู๋เย่า ถึงได้มีโอกาสออกมาและเอางานเก็บกวาดจากพวกเยี่ยซามาทำบ้าง

“พี่ฮวา ท่านต้องจริงจังขนาดนี้เลยหรือ ไม่อยากลองดูบ้างหรือว่าพลังของท่านพัฒนาไปมากแค่ไหน” เฉียวฉู่ถาม ตอนแรกเขาอยากเอามือไปวางที่หลังศีรษะ แต่พอเห็นว่ามือเปื้อนโลหิต เขาก็เอามือลง

“ข้าลองแล้ว” ฮวาเหยาตอบอย่างใจเย็น

เฉียวฉู่ตาลุกวาวทันที “เมื่อไร”

ฮวาเหยากวาดสายตามองไปยังศพบนพื้น “ขลุ่ยกระดูกใช้ได้ดีเลย ใช่หรือไม่เล่า”

“…” เฉียวฉู่พูดไม่ออก เขาคิดว่าฮวาเหยาหมกมุ่นคิดอยู่เรื่องเดียว กลายเป็นว่าตัวเขาเองที่มองข้ามไป!

“เราจะจัดการกับศพพวกนี้อย่างไร เสียบแท่งน้ำแข็งไว้หรือ” เฉียวฉู่กระแอมในลำคอขณะมองไปที่ศพบนแท่งน้ำแข็ง นั่นคงเป็นผลงานของเฟยเยียนตอนที่เขามาที่นี่

“พวกที่เสียบไว้แล้วก็มากพอจะเป็นคำเตือนได้ เราจะเผาศพพวกนี้ที่นี่” ฮวาเหยาพูดพลางส่ายหน้า

ครั้งนี้ศพมีจำนวนมาก หากจะเสียบไว้ทั้งหมด มันจะใช้เวลามากเกินไป

“ได้!” เฉียวฉู่พับแขนเสื้อขึ้นทันที เผยให้เห็นท่อนแขนที่แข็งแรงและมีมัดกล้าม ภายใต้ความหนาวเหน็บที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า พวกเขาสองคนแต่งตัวบางมาก แต่กลับรู้สึกสบายกว่าตอนที่มาถึงที่นี่ครั้งแรกมาก

ทันทีที่เฉียวฉู่เปิดท่อนแขนของเขาออกมา แหวนแห่งวงแหวนภูติวิญญาณของเขาก็สว่างวาบทันที แสงนั่นกลายเป็นมังกรเพลิงสองตัววนรอบแขนของเขา!

พวกมันรวมตัวกันกลายเป็นถุงมือคู่หนึ่งคลุมมือและท่อนแขนของเขาเอาไว้ ถุงมือกลายเป็นสีแดงเพลิง ส่องแสงเจิดจ้าออกมาเป็นเปลวไฟ

เฉียวฉู่กระแทกหมัดเข้าด้วยกัน มังกรเพลิงสีแดงพุ่งออกมาจากหมัดของเขา เข้าปกคลุมร่างไร้วิญญาณของคนจากตำหนักนภาวิจิตร ไฟโหมกระหน่ำลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที!

หมอกหนากระจายหายไป คลื่นความร้อนแผดเผาออกมาจากเปลวไฟ กลืนกินซากศพที่กองอยู่ในแอ่งโลหิต

ในชั่วพริบตา ศพของคนมากกว่าร้อยคนถูกเผาจนแทบไม่เหลือซากภายใต้เปลวไฟที่โหมกระหน่ำ เหลือเพียงกองสีดำเล็กๆ เท่านั้น

เฉียวฉู่ยกเลิกถุงมือที่แขนและลงนั่งยองๆ บนพื้น ก่อนจะเป่ากองสีดำนั้นแรงๆ

กองสีดำนั้นกระจายออกเป็นผงลงไปที่ดินและโคลนที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้า

เปลวไฟจางลง หมอกหนากลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ลบล้างร่องรอยทั้งหมด ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่วันนี้มีการเข่นฆ่ากันเกิดขึ้น

เมื่อแน่ใจว่าเก็บกวาดเรียบร้อย ร่างของเฉียวฉู่และฮวาเหยาก็กลายเป็นสายฟ้าสองสาย พุ่งหายไปจากลานแท่งน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว

ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เสี่ยวเจว๋อยู่ที่หน้าประตูซึ่งเปิดอ้าไว้ แอบยื่นหัวออกมาจากด้านหลัง ดวงตาสีแดงเข้มของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่มองดู ‘เด็กหญิง’ ที่ชื่อเยี่ยเจี๋ยซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ทำความสะอาดห้องโถง

ร่างอ้วนกลมเล็กจิ๋วตามหลังเยี่ยเจี๋ยพลางส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข ทันใดนั้นมันก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง จึงหันหน้าไปมอง และเห็นเสี่ยวเจว๋ซ่อนอยู่หลังประตู

“จี๊ด!” หนูนรกกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเยี่ยเจี๋ยด้วยความตกใจ และซ่อนตัวในผมของเยี่ยเจี๋ยพร้อมกับตัวสั่นงันงก ดวงตาสีดำของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะมองไปที่ใบหน้าไร้เดียงสาของเสี่ยวเจว๋

เสี่ยวเจว๋มองหนูนรกที่หวาดกลัว แต่ดูเหมือนจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ เขาแค่อ้าปากเล็กน้อย มุมปากมีรอยเปียกชื้นที่น่าสงสัยย้อยลงมา

“ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าห้ามกินหนูนรก!” เสียงตะโกนอย่างไม่พอใจดังขึ้นจากด้านหลังของเสี่ยวเจว๋

เสี่ยวเจว๋กำลังจะหันกลับมา เขาก็โดนทุบหัวเข้าหนึ่งที เด็กน้อยเอามือกุมหัวด้วยความเศร้า มองเฟยเยียนที่ยืนโกรธอยู่ข้างหลัง