ตอนที่ 1387 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (1) ตอนที่ 1388 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (2)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1387 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (1) / ตอนที่ 1388 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (2)
ตอนที่ 1387 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (1)

ริมถนนเก่าแก่ในร้านน้ำชาเล็กๆ ที่ทรุดโทรม นักเดินทางหลายคนนั่งกระจัดกระจายกันเป็นกลุ่มเล็กๆ สองสามคนที่โต๊ะของพวกเขา ขณะที่ดื่มกินเพื่อดับกระหายและให้อิ่มท้อง

ขบวนรถม้าวิ่งเข้ามาจอดที่ข้างถนน ผู้เยาว์ในชุดเสื้อผ้าสดใสกลุ่มหนึ่งก้าวลงมาจากรถม้า เทียบกับนักเดินทางคนอื่นๆ ที่เสื้อผ้าสกปรกมอซอจนถึงขั้นขาดรุ่งริ่งแล้วนั้น ผู้เยาว์ในชุดเสื้อผ้าสดใสและใบหน้าหล่อเหลากลุ่มนี้จึงโดดเด่นสะดุดตา

“ลูกค้าต้องการสั่งอะไรขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามาถามอย่างสุภาพ

“เอาอะไรก็ได้มากินหน่อย แล้วก็น้ำกับน้ำชาด้วย” เด็กหนุ่มร่างผอมเล็กน้อยคนหนึ่งพูดขึ้นขณะนั่งลงพร้อมกับสหาย

เพิ่งเข้าฤดูร้อน อากาศจึงค่อนข้างร้อน ร้านน้ำชาครึ่งร้านไม่มีหลังคา และหันเข้าหาพระอาทิตย์ตรงๆ อุณหภูมิที่ร้อนเหมือนเตาหลอมโอสถทำให้คนรู้สึกคอแห้งและกระหายน้ำ

“ร้อนจะตายอยู่แล้ว…ชักคิดถึงความหนาวเย็นก่อนหน้านี้แล้วสิ” เฉียวฉู่บ่นขณะทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะ ดูเหมือนความร้อนจะทำให้ความชื้นในร่างของเขาระเหยไปหมด พวกเขาไม่ได้ก้าวออกจากผาสุดขอบฟ้ามาเป็นปี ความหนาวเย็นที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงที่ด้านล่างผาสุดขอบฟ้า ทำให้พวกเขาไม่สามารถแยกแยะฤดูกาลได้ พอออกมาจากที่นั่น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงจากหนาวเป็นร้อนทำให้พวกเขาทนไม่ไหว

จวินอู๋เสียนั่งอยู่ตรงข้ามเฉียวฉู่ เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง นางจึงปลอมตัวเป็นชายหนุ่มอีกครั้ง แต่ไม่ได้ปกปิดโฉมหน้าตัวเองอีกต่อไป

“ทำไมข้ารู้สึกว่าที่นี่มันแปลกๆ” เฟยเยียนมองลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านน้ำชา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของทุกคนสกปรกมาก ไม่มีสักคนที่สวมเสื้อผ้าดีๆ เลย

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกมาจากผาสุดขอบฟ้าเป็นเวลานาน และพื้นที่ที่พวกเขาอยู่ก็ค่อนข้างห่างไกล แต่พวกเขาก็ยังจำได้ว่าตอนที่พวกเขากลับมาที่นี่ ในละแวกใกล้เคียงนี้มีหมู่บ้านอยู่บ้าง แม้ว่าจะไม่เจริญรุ่งเรืองเท่าเมืองต่างๆ แต่ก็ยังดูสะอาดและเรียบร้อยอยู่ไม่น้อย

แค่ไม่ถึงหนึ่งปี ผู้คนที่นี่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าของนักเดินทางดูซีดเซียว สีหน้าก็มึนตึงแฝงความกังวล ถ้าเฟยเยียนต้องหาคำมาอธิบายพวกเขาละก็ เขาคิดว่าคนพวกนี้ดูเหมือนผู้ลี้ภัยมากกว่า

“อาจเกิดความอดอยากขึ้นกระมัง” ฟ่านจัวพูดพลางถอนหายใจ

เสี่ยวเอ้อร์ที่นำอาหารมาให้ได้ยินคำพูดของฟ่านจัวเข้า เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ่านจัวกับสหายทันที

“พวกท่านไม่ใช่คนท้องถิ่นหรือขอรับ”

“ทำไมพูดแบบนั้นเล่า” เฟยเยียนถามพร้อมกับเลิกคิ้ว

“ฮ่าๆ เราไม่ได้เกิดภาวะอดอยากขึ้นที่นี่ ข้าคิดว่าพวกท่านไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ใช่หรือไม่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ถาม

“หือ เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือ” เฟยเยียนถามอย่างสงสัย

“ในปีที่ผ่านมา โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ขอรับ ไม่ต้องพูดถึงที่ห่างไกลของเราว่าอยู่กันลำบากลำบนเลย ขนาดในรัฐใหญ่ๆ สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีกว่านี้มากนัก ข้าเห็นว่าพวกท่านแต่งตัวสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ไม่เหมือนกำลังหลบหนี จากทิศทางที่พวกท่านมา ดูเหมือนพวกท่านจะไปทางตะวันออก ขอข้าน้อยพูดอะไรสักนิดเถิด โปรดเชื่อข้า อย่าไปที่นั่น โลกนี้ไม่ได้สงบสุข ที่นี่ห่างไกล จึงปลอดภัยกว่า แต่ถ้าพวกท่านไปทางตะวันออกจนถึงบุรุษแดนของรัฐอื่น พวกท่านอาจต้องเจอปัญหาใหญ่” เสี่ยวเอ้อร์เห็นพวกจวินอู๋เสียแต่งตัวดี คิดจะเก็บเกี่ยวกำไรเพิ่มสักเล็กน้อย จึงพูดขึ้นอีกสองสามคำ

จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย “โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่อย่างนั้นหรือ”

“ใช่ขอรับ พวกท่านยังไม่รู้หรือ มันเป็นแบบนี้มาหนึ่งปีแล้ว มีสงครามอยู่ทุกที่ ผู้ลี้ภัยก็หนีเอาชีวิตรอดไปทุกหนทุกแห่ง เห็นลูกค้าที่โต๊ะอื่นๆ หรือไม่ขอรับ พวกเขาเพิ่งหนีมาจากทางตะวันออก ตอนนี้ทางตะวันออกไม่ใช่สถานที่ที่ควรไป เมื่อก่อนทุกคนต่างอิจฉาคนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากหนีไปให้ไกล ในเมื่อพวกท่านไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย พวกท่านกลับไปจะดีกว่านะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์แนะนำ

ตอนที่ 1388 โลกเกิดกลียุคครั้งใหญ่ (2)

คำพูดของเสี่ยวเอ้อร์ทำให้พวกของจวินอู๋เสียตกตะลึง

เกิดสงครามทั่วทุกแห่งอย่างนั้นหรือ

ก่อนที่จวินอู๋เสียจะออกเดินทางไปที่ผาสุดขอบฟ้า อาจกล่าวได้ว่าสถานการณ์ในสามโลกเบื้องล่างนั้นมั่นคงทีเดียว รัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและเจริญรุ่งเรืองที่สุดอยู่ในกำมือของจวินอู๋เสีย รัฐจิ้วที่ยิ่งใหญ่อันดับสองก็ถูกแบ่งมอบให้กับรัฐชีและรัฐเฉียวซึ่งช่วยยกระดับอำนาจของพวกเขาขึ้นอย่างมาก จากนั้นจวินอู๋เสียก็ดึงทั้งสามรัฐเข้ามาเป็นพันธมิตรกัน และด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสามรัฐรวมกัน การนำความมั่นคงมาสู่ดินแดนทั้งหมดก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ นอกจากนั้น กลุ่มอำนาจอื่นๆ อีกหลายกลุ่มก็ได้รับการช่วยเหลือจากจวินอู๋เสียเช่นกัน ดังนั้นด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ แผ่นดินก็ไม่น่าจะเกิดกลียุคขึ้นมาได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี!

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่ชายเสี่ยวเอ้อร์ช่วยเล่าให้เราฟังอีกหน่อยได้หรือไม่ พวกเราเก็บตัวอยู่ในภูเขามานาน ไม่รู้สถานการณ์โลกตอนนี้เลย” ฟ่านจัวถามด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาดึงเอาก้อนทองหนึ่งก้อนออกมาวางลงบนโต๊ะ

เสี่ยวเอ้อร์ทำตาพองจมูกบานทันที มือของเขาสั่นระริกขณะหยิบก้อนทองขึ้นมาซ่อนในแขนเสื้ออย่างรวดเร็ว แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่ชั่วพริบตานั้น ก็เพียงพอจะดึงดูดสายตาของลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านน้ำชาให้หันมาทางพวกเขาแล้ว

“ท่านลูกค้าอยากรู้อะไรขอรับ ข้าน้อยจะบอกพวกท่านทุกอย่างเลย”

ฟ่านจัวเหลือบมองจวินอู๋เสีย หลังจากได้รับสัญญาณจากนาง เขาก็ถามขึ้นว่า “พี่เสี่ยวเอ้อร์บอกว่ามีสงครามเกิดขึ้นทุกที่ หมายความว่าอย่างไร มีรัฐไหนเริ่มสงครามอย่างนั้นหรือ”

เสี่ยวเอ้อร์สั่นหัว “จะเป็นแค่รัฐใดรัฐหนึ่งได้อย่างไรขอรับ ถ้าสงครามเกิดขึ้นเพราะรัฐเดียวละก็ คนทั้งโลกจะตกอยู่ในกลียุคแบบนี้ได้อย่างไร จริงๆ แล้ว…” เสี่ยวเอ้อร์หยุดนิดหนึ่งและมองไปรอบๆ ตัว เขากำก้อนทองในแขนเสื้อก่อนจะพูดเสียงเบาว่า

“ข้าได้ยินมาว่า เกิดโรคระบาดขึ้นในรัฐต่างๆ ทำให้มีคนตายจำนวนมาก แต่เรื่องแปลกก็คือ คนที่เป็นโรคนี้ไม่ได้ตาย พวกเขากลับแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แต่สูญเสียการรับรู้อย่างสิ้นเชิง กลายเป็นร่างที่ไร้จิตใจ รู้จักแต่การฆ่าราวกับถูกปีศาจครอบงำ ตอนแรกโรคระบาดนี้ปรากฏแค่ในรัฐเล็กๆ ไม่กี่รัฐเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันแพร่กระจายไปทั่วทุกแห่งได้อย่างไร คนที่ติดโรคกลายเป็นคนบ้าคลั่ง ก่อให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว ขนาดกองทัพของรัฐเหล่านั้นก็ยังสู้ไม่ได้ ตอนนี้คนบ้าพวกนั้นกระจายไปทุกหนทุกแห่ง ทั้งโลกจึงเกิดกลียุคขึ้น ข้าได้ยินว่าตอนนี้รัฐเหยียนนำกองกำลังร่วมกับรัฐชีและรัฐเฉียว พยายามจะควบคุมสถานการณ์อยู่”

“แต่สถานการณ์ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ไม่มีใครรู้ว่าทำไม คนบ้าพวกนั้นไม่รู้สึกเจ็บรู้สึกปวด ไม่รู้จักความหวาดกลัว เอาแต่ฆ่าโดยไม่สนใจชีวิตของตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าใครรวบรวมคนบ้าพวกนี้เข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกมันกำลังเข้าต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตรสามรัฐ สถานการณ์นี้กระจายไปยังรัฐต่างๆ หลายรัฐ ไม่มีรัฐไหนปลอดภัย โรคระบาดดูเหมือนจะเกิดขึ้นในทุกพื้นที่ วุ่นวายโกลาหลกันไปหมด”

“ที่นี่อยู่ไกลมาก เราเลยไม่ค่อยได้เห็นคนบ้าพวกนั้นบ่อยนัก แต่ถ้าพวกท่านไปทางตะวันออกมากกว่านี้ พวกท่านจะเจอมันง่ายขึ้น คนบ้าพวกนั้นกินคนและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันไม่สนใจว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เด็กหรือคนแก่ ไม่มีใครรอด น่ากลัวมากจริงๆ ขอรับ” คำอธิบายของเสี่ยวเอ้อร์มีรายละเอียดที่ชัดเจน ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกหก

พวกเฉียวฉู่พากันตกตะลึง สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาเคยเจอมาก่อน!

นั่นไม่ใช่โรคระบาด แต่เป็นคนพิษที่สร้างโดยตำหนักหวนจิต!

ดวงตาของจวินอู๋เสียเปลี่ยนเย็นเยียบทันที นางไม่คิดเลยว่าหลังจากเก็บตัวฝึกฝนอยู่หนึ่งปี พวกเขาจะออกมาเจอโลกที่ตกอยู่ในกลียุคเช่นนี้!

เสี่ยวเอ้อร์เห็นว่าใบหน้าของผู้ฟังกลายเป็นไม่น่าดูขึ้นมา เขาก็หดหัวถอยออกไปทันที