ตอนที่เวียร์เดินถือกล่องข้าวกลับมา เห็นลี่จุนซินนอนอยู่บนเตียงอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ดิ้นไปดิ้นมาแล้ว เพียงแต่กะพริบตาซ้ายไม่หยุด
“ฝุ่นเข้าตาใช่ไหม มา ผมช่วยดูให้!”
เวียร์รีบวิ่งไปที่เตียง ด้วยสีหน้าตึงเครียด
ลี่จุนซินได้ยินแบบนั้น รีบโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะๆ ไม่เป็นอะไรจริงๆ!”
ที่เธอกะพริบตาแค่เพราะทำให้ตนชินชากับเรื่องน่าขายหน้าของตนเมื่อครู่ก็เท่านั้น
“อย่าขยับ!” เวียร์ยื่นมือออกไป จับมือขวาของลี่จุนซินที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ “ใส่น้ำเกลือเอาไว้แบบนี้ยังจะขยับไปมาอีก ไม่กลัวว่าจะได้ฉีดอีกเข็มเหรอ?”
ขณะพูด ใช้นิ้วปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตรงหน้าลี่จุนซิน
ลี่จุนซินหันหน้าหนีด้วยความเขินอาย เป็นเวลาอันประจวบเหมาะเด็กสาวที่อยู่เตียงข้างๆเบิกตากว้างมองมาที่พวกเขาด้วยความสงสัย
ด้วยเหตุนี้ ลี่จุนซินหน้าแดงขึ้นมาทันที
ดูเหมือนว่า หลังจากหมั้นหมายกันแล้ว ลี่จุนซินหน้าแดงง่ายกว่าเดิม ถึงแม้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะสนิทสนมกันขึ้นมาอีกก้าวแล้วก็ตาม
“กินข้าวกันเถอะครับ!” เวียร์เปิดกล่องข้าว
ลี่จุนซินหิวมานานแล้ว กำลังจะยื่นมือออกไปเอาข้าว แต่กลับถูกเวียร์ดึงกลับ
“มา ผมป้อนคุณเอง!”
ตอนที่เวียร์พูด ลี่จุนซินกำลังกลืนน้ำลาย หลังจากนั้น เธอก็สำลัก
เวียร์เปิดกล่องข้าวแล้วตักไข่ตุ๋นไปที่ปากของลี่จุนซิน “อ้าปาก”
“คุณไม่กินเหรอคะ?”
ลี่จุนซินมองไข่ตุ๋นที่ยื่นมาตรงหน้า กินหนึ่งคำ แล้วเอ่ยถาม
“ผมกินแล้วครับ”
ลี่จุนซินแปลกใจมาก “เวลาสั้นๆแค่นี้คุณกินเสร็จแล้วเนี่ยนะ? ในเมื่อคุณกินแล้ว ทำไมถึงเอากล่องข้าวมาตั้งสี่กล้อง?”
“ผมอยากให้คุณกินก่อนไง ไว้รอคุณกินเสร็จแล้ว ผมค่อยกินที่เหลือ”
“แบบนี้ไม่ได้นะคะ เราสองคนกินด้วยกัน” ลี่จุนซินพูดแล้วยื่นมือไปหยิบตะเกียบตักอาหารให้เวียร์
“อย่าขยับนะครับ พยาบาลบอกแล้วว่าเส้นเลือดคุณเล็กมาก คุณไม่ต้องสนใจผมหรอก คุณกินให้อิ่มก่อนเดี๋ยวผมค่อยกิน”
เวียร์พูด และไม่ลืมที่จะป้อนข้าวให้ลี่จุนซิน
หลังจากลี่จุนซินกินจนอิ่ม เวียร์ก็จัดการอาหารที่เหลือจนหมด
ตอนหนึ่งทุ่ม ลี่จุนซินยังเหลือยาฆ่าเชื้อเต็มขวด
ตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง ลี่จุนซินเอาแต่จ้องมองเวียร์ ตอนแรกมองแค่พักๆ แล้วหันหน้าหนีเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
ตอนสองทุ่มตรง แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมองตาแข็ง นัยน์ตาฉายความเสียใจและโกรธเคือง
เวียร์ไม่ได้เงยหน้าขึ้น สายตาของเขาจับจ้องไปที่เอกสารบนมือ เอ่ยถาม “หิวอีกแล้วเหรอ?”
ลี่จุนซินเงียบ
“หิวน้ำ?”
ลี่จุนซินกรอกตามองบน “ฉันไม่ใช่ผีซิ่วสักหน่อย!” มีแค่เจ้าตัวนี้ที่เข้าได้อย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องเอาออก!
เวียร์เงยหน้าขึ้นมองขวดน้ำเกลือ เพิกเฉยต่อสีหน้าของลี่จุนซินแล้วก้มหน้าลงมองนาฬิกา “อีกห้านาที!”
ลี่จุนซินหน้าแดงก่ำ มองไปที่ขวดน้ำเกลือ หรือว่าอีกห้านาทีก็จะหมดแล้ว?
มองดูนาฬิกาข้อมือดิจิตอลส่องสว่าง ความรู้สึกนั้นของลี่จุนซินรุนแรงมากยิ่งขึ้น
“เวียร์ ฉันจะเข้าห้องน้ำ!”
“หื้ม?” เวียร์เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง มองหน้าลี่จุนซินที่กลั้นจนหน้าแดงไปหมด เพิ่งรู้ตัวว่าแววตาของเธอเมื่อกี้หมายความว่าอะไร
“ฉันบอกว่า ฉันจะเข้าห้องน้ำ” ลี่จุนซินกัดฟันแน่น
“เอ่อ……คุณกลั้นอีกสักพักได้ไหม ผมเข้าห้องน้ำหญิงกับคุณไม่ได้ เฉินหมินหมินบอกว่าเธอจะมาตอนสองทุ่ม คุณรออีกห้านาที”
เวียร์ทำอะไรไม่ถูก ถ้าอยู่ในห้องพิเศษเดี่ยว เขายังช่วยเธอได้ แต่ตอนนี้……
ตอนที่เฉินหมินหมินวิ่งเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย ผ่านไป 4 นาที 39 วินาทีพอดี ลี่จุนซินดีใจมาก
ตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ลี่จุนซินรู้สึกโชคดีที่ตนยังมีชีวิต ไม่กลั้นฉี่ตนตาย
หลังจากให้น้ำเกลือเสร็จ ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ลี่จุนซินให้เวียร์ส่งเฉินหมินหมินกลับบ้านก่อน แต่เฉินหมินหมินปฏิเสธ
“ไม่ต้องส่ง ฉันขับรถมาเอง”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นแกขับรถระวังๆหน่อย ถึงบ้านแล้วบอกฉันด้วย”
“อื้ม เข้าใจแล้ว พวกแกก็รีบกลับกันเถอะ ระวังมือแกด้วย อย่าให้แผลติดเชื้อ”
เฉินหมินหมินพูดจบ ก็ขับรถออกไป
ลี่จุนซินและเวียร์มองตามจนเฉินหมินหมินกลับไป พวกเขาก็ขับรถกลับไปที่คอนโดของเวียร์
ลี่จุนซินไม่กล้ากลับบ้านตระกูลลี่ เธอกลัวโม่เสี่ยวฮุ่ยจะพูดบ่นไม่หยุด ถึงยังไงเวียร์ก็ดูแลเธอได้
หลังจากลี่หุยกลับมาจากงานหมั้นของลี่จุนซิน ก็ยิ่งโทรมมากกว่าเดิม
ทุกวันหลังเลิกงาน ล้วนไม่กลับบ้าน ตรงไปที่แม่น้ำเซน เมาหนักทุกคืน
วันนี้ ลี่หุยลงจากรถ เพิ่งเดินไปถึงประตู เห็นคนกลุ่มหนึ่งล้อมผู้หญิงคนหนึ่งตรงหน้าประตู
สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นเห็นได้ชัดว่ารำคาญมาก โบกมือไปมา อยากจะให้ผู้ชายพวกนั้นที่ล้อมเธอเอาไว้อยู่ห่างจากเธอ แต่สีหน้าของพวกผู้ชายที่ล้มเธอเอาไว้นั้นกรุ้มกริ่ม ไม่ยอมถอยไป
หลังจากลี่หุยเดินเข้าไป ได้ยินพวกเขาพูดกัน
“น้องสาว ไปเที่ยวกับพวกพี่เถอะ พวกพี่รับประกันว่าจะทำให้น้องสาวมีความสุข”
“พวกแกไปไกลๆ ฉันไม่มีวันไปกับพวกแก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
“น้องสาว อย่าเพิ่งใจร้อนแล้วปฏิเสธพวกพี่สิ น้องสาวไม่ลองไปกับพวกพี่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่สนุก”
ลี่หุยเคยเจอเรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว ตอนแรกไม่คิดจะยุ่ง แต่ตอนที่เขาเดินเข้าไปใกล้ เห็นหุ่นสุดแซ่บของผู้หญิงคนนั้น ขาเรียวยาวสวมกระโปรงสั้นสีเหลืองเป็ด ทำให้หุ่นของเธอดูสมบูรณ์แบบมาก
ผมลอนใหญ่สีเหลืองทองเปล่งประกายแวววับ ปอยผมสีเหลืองคล้ายกับน้ำตกรินไหลอยู่ตรงใบหน้าสะสวย ความนุ่มนวลที่ทำให้คนหัวใจหวั่นไหว
ผู้หญิงคนนั้นหันหน้า ผิวที่ขาวบริสุทธิ์ยิ่งกว่างาช้าง อมชมพูระเรื่อ ดวงตาที่เหมือนหินอาเกตเผยความรังเกียจอย่างสุดซึ้ง
เธอเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ที่สวยมาก ทำให้คนรู้สึกตกตะลึง
ลี่หุยตัดสินใจช่วยผู้หญิงคนนี้ทันที
ลี่หุยตบดินที่ไม่มีบนตัว วางท่าแล้วเดินไป ขวางอยู่ตรงหน้าผู้หญิงคนนั้น
“พวกแกทำอะไร ผู้ชายทั้งกลุ่มรังแกผู้หญิงแค่คนเดียว ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเลย”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นว่ามีคนมาช่วยตนแล้ว เธอรีบหลบด้านหลังลี่หุย
“หึ นี่คือคุณชายน้องตระกูลลี่ไม่ใช่เหรอ คุณชายจะทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยหญิงงามเหรอ”
“ในเมื่อพวกแกรู้ว่าฉันเป็นใคร ก็รีบพาคนของแกไป อย่ารังแกผู้หญิงคนนี้อีก”
“ได้ ในเมื่อคุณชายพูดแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”
ผู้ชายพวกนั้นส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่หลบอยู่ด้านหลังลี่หุย จากนั้นหัวเราะแล้วเดินเข้าไปในแม่น้ำเซน
หลังจากลี่หุยมองเห็นพวกเขาเดินเข้าไปแล้วนั้น หมุนตัวหันหลังแล้วยิ้มให้หญิงสาว “คุณครับ เป็นอะไรไหมครับ?”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไง”
ลี่หุยมองหน้าหญิงสาวที่เล็กเท่าฝ่ามือ เม้มปาก นัยน์ตาสีอำพันเอาแต่จ้องมองลี่หุย มองจนเขาจั๊กจี้หัวใจ
ถ้าไม่ใช่ว่าเจอกันครั้งแรก ทั้งสองยังไม่รู้จักกัน ลี่หุยพาเธอเข้าไปเที่ยวเล่นแล้ว อีกทั้งในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่สามารถขอช่องทางติดต่อเธอได้ น่าเสียดายจริงๆ
ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าลี่หุยกำลังคิดอะไร เห็นเขามองตนไม่วางตา หน้าแดงหมดแล้ว
เธอรีบบอกลาลี่หุย แล้วเดินเข้าไปด้านในแม่น้ำเซนเพื่อไปหาเพื่อนของเธอ