บทที่ 745 ลังเลเพราะความกลัว

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 745 ลังเลเพราะความกลัว

บทที่ 745 ลังเลเพราะความกลัว

ในที่สุดแม่ชียุงก็หลุดจากความงุนงง และส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ “มากันเรื่อย ๆ ทีละคน ตกลงเจ้ามีผู้หญิงกี่คนกันแน่ไอ้เด็กเวร?! เจ้าช่วยหยุดทำให้ข้าเสียเวลาและเรียกพวกนางออกมาให้หมดทีเดียวจะได้ไหม!”

ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 582!

ซูอันโบกมือเป็นระวิงเมื่อเห็นสามสาวที่มองเขาเช่นกัน “หยุดพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างเราเสียที! ข้าใช้ชีวิตอย่างบริสุทธิ์ปราศจากมลทินอยู่เสมอ ข้าจะไปมีผู้หญิงคนอื่นอีกได้ยังไง!?”

เพ่ยเหมียนหมานกลอกตา

ถุย! ใครจะเชื่อเจ้า! เจิ้งตานยินดีที่จะสละทุกอย่างเพื่อเจ้าก่อนหน้านี้ เจ้าคิดว่าข้าตาบอดหรือไง? ข้าควรบอกเรื่องนี้กับชูเหยียนในภายหลังดีไหม…?

ฉู่ชูเหยียนและชิวฮัวเล่ยแสดงสีหน้าเย้ยหยันเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่เชื่อเขา

ซูอันรีบเตือนสาว ๆ ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะขัดแย้งกันเอง การจัดการกับเขามันควรเป็นหลังจากนี้ที่ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

แม่ชียุงใช้โอกาสนี้โจมตีชิวฮัวเล่ยก่อนอีกครั้ง เพราะโคมจักพรรดินีของนางเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ฉู่ชูเหยียนกวัดแกว่งดาบของนางอย่างรวดเร็วและโฉบลงไปช่วยชิวฮัวเล่ย นางเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าซูอันจะถูกสำนักมารจับตัวไป แต่ชิวฮัวเล่ยก็มักจะช่วยเหลือเขามาตลอด

ยิ่งไปกว่านั้น นางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของชิวฮัวเล่ยกับซูอันมากกว่าเพ่ยเหมียนหมาน ในตอนนั้นชิวฮัวเล่ยเคยทำแม้กระทั่งขอเป็นภรรยาน้อยของซูอัน!

แม้ว่านางจะไม่รู้สึกดีกับชิวฮัวเล่ยนัก แต่นางก็ไม่สามารถทนดูอีกฝ่ายทนทุกข์อย่างเฉยเมยจากด้านข้างได้

“ขอบคุณ!” ชิวฮัวเล่ยมองฉู่ชูเหยียนด้วยท่าทางขอบคุณ

“เราทุกคนเป็นฝ่ายเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก” ฉู่ชูเหยียนยิ้มแล้วเปลี่ยนความสนใจไปที่การต่อสู้อย่างเต็มที่

ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง นางหมายความว่าอะไร ‘ฝ่ายเดียวกัน’?

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสั้น ๆ ฉู่ชูเหยียนก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวง ชิวฮัวเล่ยไม่มีเวลาที่จะไตร่ตรองความหมายของมันอีกต่อไป นางรีบใช้โคมเพื่อช่วยอีกฝ่าย

ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานเข้าร่วมการต่อสู้เช่นกัน พวกเขารู้ดีว่าด้วยระดับการบ่มเพาะอันสูงส่งของแม่ชียุง พวกเขายังไม่สามารถเป็นคู่ต่อกรของอีกฝ่ายได้ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะมีฉู่ชูเหยียนมาร่วมวงด้วย

ไม่นานแสงจากโคมของชิวฮัวเล่ยเริ่มสลัว นางพูดด้วยความตกใจว่า “วันนี้ข้าใช้มันมากเกินไปแล้ว! โคมจะหมดพลังในไม่ช้า!”

เกือบจะในทันที โคมก็ดับสนิท…

แม่ชียุงหัวเราะ ความเร็วของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน และในเวลาไม่นาน นางก็กุมความได้เปรียบทั้งสี่คน

เพ่ยเหมียนหมานได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และนางไม่สามารถเป็นคู่มือของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป ร่างของนางลอยละลิ่วไปในอากาศและตกลงกระแทกกับพื้นออกไปด้านข้าง

ซูอันผู้ซึ่งรับหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้กับทุกคนมาโดยตลอด เขารับการโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนขณะนี้แม้แต่พลังรักษาของวิชาปฐมบทแรกเริ่มก็ไม่สามารถรักษาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแม่ชียุงยังต้องการวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ เขาคงตายไปมากกว่าร้อยครั้งแล้ว

เขาล้มลงกับพื้นและหอบหายใจ

เมื่อเห็นเขาโชกไปด้วยเลือด ฉู่ชูเหยียนก็ทุกข์ใจและร้องออกมา “เหมียนหมาน รีบพาซูอันออกไปจากที่นี่!”

นางไม่ได้บอกให้เพ่ยเหมียนหมานพาซูอันไปหาจูเซี่ยฉือซินเพราะการส่งซูอันไปที่เมืองหลวงนั้นเทียบเท่ากับการส่งเขาไปสู่ความตาย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงดีที่สุดถ้าทั้งสองคนใช้โอกาสนี้หลบหนี สำหรับผลที่ตามมา นางไม่ได้สนใจมันเลยในขณะนี้

เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้วแต่ไม่ตอบ นางไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีเลย และพบว่ามันยากที่จะรวบรวมกำลังที่จะพูด

ซูอันไม่ยินยอมที่จะจากไป “ไม่ ข้าจะไม่ทิ้งผู้หญิงของข้าและหนีไปตัวคนเดียว!”

ขนาดที่พวกเขาร่วมมือกัน พวกเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่ชียุง ดังนั้นถ้ามีเพียงฉู่ชูเหยียนและชิวฮัวเล่ยที่อยู่เบื้องหลัง พวกนางจะตกอยู่ในอันตรายมากขึ้น

หัวใจของชิวฮัวเล่ยเต้นผิดจังหวะ นางสงสัยว่าเขาจงใจพูดว่า ‘ผู้หญิงของข้า’ แทนที่จะเป็น ‘ภรรยาของข้า’ หรือเปล่า?

ฉู่ชูเหยียนตื่นตระหนก “ถ้าเจ้าอยู่ พวกเราจะตายกันหมด! นอกจากนี้ คนอื่น ๆ จะมาที่นี่ในไม่ช้า ไม่ต้องห่วงพวกเรา…”

แม่ชียุงตัดบท “จะไม่มีใครรอดไปได้ทั้งนั้น!” หลังจากตะคอกจบ นางโจมตีรุนแรงขึ้น และแม้แต่น้ำแข็งรอบ ๆ ฉู่ชูเหยียนก็เริ่มละลาย

ซูอันตกตะลึง มีคนอื่นมา? ใคร?

มีเสียงฝีเท้ามากมายย่ำเข้ามาอย่างรวดเร็ว และสมาชิกหลายคนของสำนักมารทั้งแปดก็ปรากฏตัวขึ้น “บุตรีสวรรค์!”

ชิวฮัวเล่ยมีความสุขมาก “มาเลย! ช่วยพวกเราเอาชนะแม่ชียุงนี่!”

พวกเขาสับสนชั่วครู่เมื่อเห็นฉู่ชูเหยียนและเพ่ยเหมียนหมานแต่พวกเขาก็รีบโยนความคิดอื่นทิ้งไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นชิวฮัวเล่ยตกอยู่ในอันตราย พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้อย่างรวดเร็ว

แรงกดดันต่อฉู่ชูเหยียนลดลงอย่างมาก นางหันกลับมาและพูดกับเพ่ยเหมียนหมานอีกครั้ง “เหมียนหมานพาเขาไป! ข้าคงไม่ต้องพูดให้มากความว่าการรั้งอยู่ที่นี่ต่อมันจะส่งผลเสียขนาดไหน!”

เพ่ยเหมียนหมานกัดริมฝีปาก “ได้!”

นางดึงซูอันไว้และพูดว่า “อาซูโปรดเชื่อใจเรา!”

ซูอันกำลังจะปฏิเสธ แต่คำพูดของนางทำให้เขาหยุดนิ่งชั่วขณะ จากนั้นเขาปล่อยให้ตัวเองถูกดึงลึกเข้าไปในป่า

เมื่อเห็นเช่นนี้แปดเดียวดายก็กำลังจะไล่ตาม แต่ชิวฮัวเล่ยหยุดพวกเขาทันที “เราจะจัดการกับแม่ชียุงก่อน!”

แปดเดียวดายทุกคนขมวดคิ้วเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ชิวฮัวเล่ยพูด

สายลมเดียวดายกล่าวว่า “บุตรีสวรรค์ ภารกิจของเราคือการจับซูอันไม่ใช่จัดการกับแม่ชียุง!”

ระดับการบ่มเพาะของแม่ชียุงนั้นสูงเกินไป พวกเขาสองสามคนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และพวกเขาก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับนางอีกเว้นแต่จำเป็นจริง ๆ

ชิวฮัวเล่ยส่ายหัว “ถ้าตอนนี้เจ้าออกไปตามหาซูอัน แม่ชียุงจะเป็นคนที่ได้รับประโยชน์ในที่สุด!”

โลหะเดียวดายไม่เชื่อ “ต่อให้เราเอาชนะแม่ชียุงได้เราก็เสียซูอันไป นั่นไม่ได้หมายความว่า ความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่างั้นเหรอ? ข้าว่าจะดีกว่าถ้าเรารีบตามเขาไปตอนนี้!”

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับแม่ชียุงอีกครั้ง ก่อนหน้านี้โลหะเดียวดายโกรธที่เพื่อนรักของเขา น้ำแข็งเดียวดายถูกสูบเลือดจนแห้งเหี่ยว เขาต้องการที่จะล้างแค้นอย่างสุดใจ แต่โชคไม่ดีที่การต่อสู้นอกโรงเตี๊ยมนั้นเลวร้ายเกินไป และทำให้เขายังคงหวาดกลัวฝังใจมาจนถึงตอนนี้

ชิวฮัวเล่ยตวาดด้วยความไม่พอใจ “แล้วโคมจักพรรดินีของข้าล่ะ? นางต้องการขโมยมันด้วย พวกเจ้าจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนั้นเหรอ?”

แปดเดียวดายมองหน้ากันอย่างลังเล พวกเขารู้ว่าโคมจักพรรดินีเป็นสิ่งที่เจ้าสำนักมอบให้ชิวฮัวเล่ย ไม่มีทางที่เจ้าสำนักจะให้อภัยพวกเขาหากพวกเขาเอาแต่มองเฉย ๆ ในขณะที่มันถูกแย่งชิงไป

“แต่เราจะถูกตำหนิถ้าเราปล่อยให้ซูอันหนีไป…” สายฟ้าเดียวดายกล่าว แม้ว่านางจะดูเป็นคนมุทะลุแต่นางก็ไม่ได้โง่

ชิวฮัวเล่ยตัดบท “ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างกับเจ้าสำนักเอง!”

เมื่อเห็นนางพูดเช่นนี้ แปดเดียวดายก็หมดคำจะโต้แย้ง พวกเขาพยักหน้าและเริ่มต้นการต่อสู้กับแม่ชียุง แม้ว่าสหายบางคนของพวกเขาจะตายไป แต่ด้วยความช่วยเหลือของฉู่ชูเหยียนที่เพิ่มเติมเข้ามามันจึงกลายเป็นว่าความแข็งแกร่งโดยรวมของพวกเขายังคงค่อนข้างเท่าเดิม