บทที่ 746 ข่าวร้าย
บทที่ 746 ข่าวร้าย
ฉู่ชูเหยียนแอบคุยผ่านกระแสพลังชี่ไปยังชิวฮัวเล่ย “ขอบคุณ!”
เห็นได้ชัดว่าชิวฮัวเล่ยทำทุกอย่างเพื่อนางและซูอัน
ชิวฮัวเล่ยตอบกลับ “เพราะพี่หญิงใหญ่ช่วยชีวิตข้าไว้ก่อนหน้านี้”
ทว่าชิวฮัวเล่ยกลับรู้สึกเสียใจทันทีที่เรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่หญิงใหญ่’
ฉู่ชูเหยียนหย่ากับซูอันแล้ว ทำไมนางยังต้องเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่หญิงใหญ่’ อีก?
ฉู่ชูเหยียนตกตะลึงชั่วครู่ แต่รอยยิ้มแปลก ๆ ก็บังเกิดขึ้นที่มุมริมฝีปากของนาง
แตกต่างจากพวกนาง แม่ชียุงโกรธตัวเองอย่างมาก เมื่อครู่นี้นางปล่อยให้คนจากสำนักมารพูดคุยกันเองโดยหวังว่าพวกเขาจะล้มเลิกความคิดต่อสู้กับนาง และปล่อยให้ฉู่ชูเหยียนสู้กับนางแค่คนเดียว แต่ท้ายที่สุดมันกลับกลายเป็นว่าคนทั้งหมดร่วมมือกันสู้กับนางซะงั้น?
“งั้นพวกเจ้าทุกคนก็ลงนรกไปพร้อม ๆ กันซะ!” แม่ชียุงพุ่งตรงไปที่พวกเขาด้วยเจตนาฆ่า
…
อีกด้านหนึ่ง ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานต่างก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกันขณะที่พวกเขาเดินผ่านป่า ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องช่วยกันพยุงเดินไป
แต่หลังจากนั้นไม่นานคุณสมบัติของวิชาปฐมบทแรกเริ่มก็เริ่มส่งผล ทำให้ซูอันฟื้นตัวได้เร็วกว่าเพ่ยเหมียนหมานมาก ในที่สุดเขาก็เป็นคนเดียวที่แบกน้ำหนักส่วนใหญ่ของนาง
ในพื้นที่ห่างไกลของป่าซูอันนั่งลงโดยยังคงโอบเพ่ยเหมียนหมานไว้ เขาให้ยาเม็ดคืนวิญญาณอีกหนึ่งเม็ดแก่นาง
เพ่ยเหมียนหมานพยายามควบคุมจังหวะการหายใจ ในที่สุดใบหน้าของนางที่ซีดเซียวก็เริ่มดูดีขึ้น
“เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ซูอันถามด้วยความกังวลอย่างชัดเจน
“ดีขึ้นมาก ยาของเจ้าน่าทึ่งจริง ๆ” เพ่ยเหมียนหมานถอนหายใจด้วยความประทับใจ “ว่าแต่เจ้าเอายาให้ข้ากินมากมายขนาดนี้ แล้วเจ้าล่ะ?”
นางไม่เคยเห็นซูอันกินยาของตัวเองมาก่อน ดังนั้นนางจึงกังวลทันที
“ข้าสบายดี เจ้าไม่เห็นเหรอว่าข้าดีขึ้นมากแล้ว?” ขณะที่พูดซูอันทำท่าเบ่งกล้ามแขน แสดงให้เห็นว่าเขายังคงแข็งแรงดี
เพ่ยเหมียนหมานไม่มั่นใจ นางจับเนื้อจับตัวซูอัน สำรวจไปทั่วร่างกายของเขาเพื่อหาบาดแผล ซึ่งหลังจากนั้นนางก็ได้เห็นว่าบาดแผลอันน่าสยดสยองที่เขาได้รับก่อนหน้านี้เริ่มหายดีแล้ว นางอ้าปากค้าง “พลังในการฟื้นฟูร่างกายเจ้าช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ!”
ซูอันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ได้โปรดอย่าแตะต้องตัวข้าแบบนี้…”
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน และชุดบาง ๆ ของนางก็ไม่สามารถปิดกั้นร่างกายที่อ่อนนุ่มของตัวนางเองที่กดทับบนตัวเขา จมูกของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้คลั่งไคล้ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้มนุษย์กลายเป็นสัตว์ร้ายได้แล้ว!
“เราอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้แล้ว การสัมผัสเพียงเล็กน้อยแค่นี้ยังจะมีผลอะไรอีก?” เพ่ยเหมียนหมานอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเขา “โอ้ นี่เจ้าฟื้นตัวขึ้นมากแล้วนี่นา…”
จบประโยค ใบหน้าของนางแดงขึ้นและนางขยับตัวออกจากวงแขนของเขา “ไม่ เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบ ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าเจ้าสบายดีแล้ว”
ซูอันอยากจะร้องไห้ มันเป็นความผิดของข้าหรือยังไงล่ะ! ผู้ชายแบบไหนบ้างที่ไม่มีปฏิกิริยากับสาวงามในอ้อมแขน?
เพ่ยเหมียนหมานอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของนางแดงก่ำ ความเงียบงุ่มง่ามปกคลุมพวกเขา
ซูอันพยายามบรรเทาความกระอักกระอ่วนด้วยการถามว่า “ทำไมเจ้าถึงยืนยันว่าข้าจะต้องหนีออกมา?”
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล สำหรับฉู่ชูเหยียน แม่ชียุงนั้นแข็งแกร่งเกินไป ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้นางเสียชีวิตได้
“เจ้าเป็นห่วงชูเหยียนเหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานดูเหมือนจะอ่านความคิดของเขาได้ “ไม่ต้องห่วง ความช่วยเหลือกำลังไปหานาง” นางให้ความมั่นใจกับเขา
“ใครจะมาช่วยนาง? ” ซูอันถามทันที เขาจำได้เช่นกันว่าฉู่ชูเหยียนพูดอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน เอ๊ะ หรือว่ามีไอ้พวกผู้ชายบ้ากามสองสามตัวตามนางตามมาจากเมืองหลวง??
“หยุดทำหน้าทำตาแบบนั้นได้แล้ว! มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด!” เพ่ยเหมียนหมานกลอกตาราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร “เราพบกับกองทหารใหม่ที่ส่งมาจากเมืองหลวง ผู้นำคือหัวหน้าผู้บัญชาการทูตยุทธ์เสื้อแพร จูเซี่ยฉือซิน”
นางเล่าทุกอย่างคร่าว ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
สีหน้าของซูอันแปลกไปเมื่อเขารู้ว่าซ่างเชียนได้กลายเป็นศพแห้ง เขาถอนหายใจและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะอยากฆ่าเขาที่ทำลายแผนการของเจ้าที่จะช่วยข้าออกจากโรงเตี๊ยม ข้าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่สบายใจที่รู้ว่าเขาได้พบกับจุดจบที่น่าสลดใจเช่นนี้”
แม้ว่าซูอันจะไม่เห็นการตายของซ่างเชียนด้วยตาของตัวเอง แต่เขาก็ได้เห็นว่าน้ำแข็งเดียวดายตายอย่างไร ภาพจำนั้นทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ
“ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังเป็นห่วงภรรยาของอีกฝ่ายมากกว่างั้นเหรอ?” เพ่ยเหมียนหมานพ่นลมหายใจ “ทำตามคำแนะนำของข้าและไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเจิ้งตาน ทั้งนางและครอบครัวซ่างถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวกลับไปที่เมืองหลวงก่อนแล้ว”
ซูอันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ได้ยินเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังพูดว่า “นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยก็ดีกว่าตามข้ามาและทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตราย”
จักรพรรดิได้ส่งกองกำลังที่ใหญ่ขึ้นมาคุ้มกันพวกเขาแล้ว ดังนั้นกลุ่มคนที่ต้องการให้ตระกูลซ่างตายคงไม่กล้าลงมืออีก สรุปแล้วความปลอดภัยของเจิ้งตานจึงมีมากขึ้นกว่าเดิม
“ที่พวกเจ้าต้องการให้ข้าหนีออกมาเป็นเพราะไม่อยากให้ข้าเจอจูเซี่ยฉือซินงั้นเหรอ? เขาจะไม่โทษเจ้าสองคนเหรอ?” ซูอันสังเกตเห็นปัญหาทันที
เพ่ยเหมียนหมานส่ายหัว “ไม่เป็นไร ความปลอดภัยของเจ้าสำคัญกว่า และไม่มีทางที่ฝ่าบาทจะทรงใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการโค่นล้มทั้งตระกูลฉู่และตระกูลเพ่ย”
ซูอันรู้สึกตื้นตันอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อรู้ว่าพวกนางทำทั้งหมดนี้เพื่อเขา เขาจับมือนางแล้วพูดว่า “เหมียนหมานใหญ่ ขอบคุณมาก!”
ใบหน้าของเพ่ยเหมียนหมานเปลี่ยนเป็นสีแดง และนางก็รีบดึงมือออก “จะพูดอะไรก็พูดไป แต่อย่ามาจับมือข้าตามอำเภอใจแบบนี้สิ!”
“เจ้าไม่เห็นสนใจตอนที่ข้าอุ้มและกอดเจ้าก่อนหน้านี้เลย!” ซูอันพึมพำ
“เจ้าพูดอะไรนะ!?” เพ่ยเหมียนหมานทำหน้าบึ้ง
ซูอันหัวเราะคิกคัก “ไม่มีอะไร ๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “โอ้ ดูคู่ชู้นี่สิ! ภรรยาของเจ้ากำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้า ในขณะที่เจ้าหยอกล้อกับผู้หญิงคนอื่น! นอกจากนี้ นังหนูเพื่อนสนิทของเจ้าไม่ได้ให้สามีอยู่ในมือเจ้าเพียงเพื่อที่เจ้าจะได้เล่นชู้กับเขา!”
ซูอันและเพ่ยเหมียนหมานหันกลับมาทันทีและเห็นร่างที่คุ้นเคยอยู่ไม่ไกล
“มาอีกแล้วเหรอ? นี่เจ้าเป็นบ้าอะไรถึงตามข้าไม่เลิกสักที!” ซูอันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก แม่ชียุงนี่หลอกหลอนพวกเขาราวกับวิญญาณอาฆาต! นี่นางไม่คิดจะหยุดไล่ตามเขาเลยบ้างเหรอ?
ทว่าขณะนี้เสื้อผ้าของแม่ชียุงขาดรุ่งริ่ง ทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ซูอันสามารถบอกได้ว่านางไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักตอนนี้
“เกิดอะไรขึ้นกับชูเหยียน?” ซูอันมองไปข้างหลังแม่ชียุง น่าเสียดายที่เขาไม่เห็นใครเลย
“ตายไปแล้วน่ะสิโว้ย!” แม่ชียุงตวาด ความสุขปรากฏบนใบหน้าของนาง
“ตาย?” ราวกับว่ามีระเบิดเกิดขึ้นในใจของเขา ซูอันตัวโงนเงนยากที่จะรักษาการทรงตัวเอาไว้ได้
ในขณะนั้นเอง มีแสงระยิบระยับส่องประกายผ่านท้องฟ้า พุ่งเข้าหาพวกเขาด้วยความเร็วสูงราวกับอุกกาบาตที่ลุกโชติช่วง