บทที่ 747 อุกกาบาตเพลิง

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 747 อุกกาบาตเพลิง

บทที่ 747 อุกกาบาตเพลิง

เพ่ยเหมียนหมานรีบเอื้อมมือไปพยุงซูอัน “อาซู อย่าถูกมันหลอก!

บาดแผลที่เกิดกับนางตอนนี้ย่อมไม่ใช่จากน้ำมือของเหล่าคนจากสำนักมารแน่นอน คนจากสำนักมารไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น!

แต่การที่นางบาดเจ็บขนาดนี้ต้องเป็นเพราะจูเซี่ยฉือซินมาทันเวลาส่งผลให้นางหนีมาอย่างหัวซุกหัวซุน ดังนั้นมันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชูเหยียนได้ยังไงกัน?!”

ในที่สุดซูอันก็ได้สติ ในมิติลับเขาเคยเห็นชูเหยียนใช้ทักษะต้องห้ามของนางจัดการกับเทพอสูรแห่งการกลืนกิน ‘คุน’ ระดับ 9 ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นตัวนางอยู่ในระดับที่ 5 ดังนั้นไม่มีทางที่ชูเหยียนจะถูกแม่ชียุงฆ่าตายได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะตอนนี้เมื่อนางอยู่ที่ระดับ 7 แล้ว

ความคิดนี้ช่วยให้ชายหนุ่มสงบลง เขาจ้องไปที่แม่ชียุงและด่ากราด “ไอ้ยุงบ้า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะรักการโกหกมากขนาดนี้! เจ้าทำให้บิดาของเจ้าผู้นี้ตกใจจนเสียศูนย์!”

แม่ชียุงโกรธจัด “บิดาบ้าอะไรของแก!?”

ในฐานะผู้บ่มเพาะที่ทรงพลัง นางได้รับความเคารพและเกรงกลัวจากผู้คนมากมาย แต่ขณะนี้นางกลับถูกไอ้เด็กเวรที่ไหนก็ไม่รู้มาบอกว่าเป็นบิดาของนาง ทั้งชีวิตของนางไม่เคยมีใครล่วงเกินนางขนาดนี้มาก่อนเลย!

ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

นางกำลังจะสอนบทเรียนให้เขาแต่จู่ ๆ กลับมีนกสีแดงแปลก ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้านาง

มันกระพือปีกต่อหน้านางครู่หนึ่งจากนั้นก็อ้าปากส่งเสียงร้องแปลก ๆ

แม่ชียุงกรีดร้อง นางเอามือปิดหู แต่ไม่ได้ช่วยปิดกั้นเสียงของนกตัวนี้เลย

นางเป็นผู้บ่มเพาะด้านการโจมตีด้วยเสียง และตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คลื่นเสียงปกติ แต่เป็นการโจมตีทางจิตวิญญาณ

นางสงบสติอารมณ์อย่างรวดเร็วและใช้พลังชี่ปกป้องตัวเอง

เมื่อเห็นแม่ชียุงมีอาการเจ็บปวดเฉียบพลันเพ่ยเหมียนหมานก็ทำท่าจะกระโจนไปโจมตีด้วยความกระตือรือร้นที่จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ แต่ซูอันคว้าตัวนางแล้วเริ่มวิ่งแทน “เจ้ากำลังทำอะไรอยู่? พวกเราควรจะหนีได้แล้ว!”

นกกระจิบร้อยเสียงของเขาเป็นทักษะทางวิญญาณ มันสามารถป้องกันการโจมตีทางจิตวิญญาณจากผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ด้านการโจมตีมันไม่ได้ดีเด่นัก

และยิ่งความแตกต่างในระดับการบ่มเพาะระหว่างแม่ชียุงและตัวเขาเองนั้นยังห่างไกลเกินไป มันจึงยิ่งทำให้ผลการโจมตีไม่ได้ผลมากนัก

แม้ว่าแม่ชียุงจะได้รับความเจ็บปวด แต่นกกระจิบร้อยเสียงก็สามารถขัดขวางนางได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ได้สร้างความเสียหายที่แท้จริงสักเท่าไหร่

การใช้โอกาสนี้เพื่อโจมตีนางจึงไม่ต่างจากการเพ้อฝัน แม้ว่านางจะเสียสมดุลไป แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้นางสูญเสียการควบคุมตนเองโดยสิ้นเชิง

หากพวกเขาโจมตีนาง นางน่าจะยังสามารถตอบโต้ได้อย่างรุนแรง นี่คือเหตุผลที่เขารีบดึงเพ่ยเหมียนหมานวิ่งเข้าไปในป่าทันที

แม่ชียุงโกรธมากเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนวิ่งหนีไป “ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”

นางต้องการที่จะไล่ตามพวกเขา แต่ขณะนี้นางปวดราวกับหัวจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ สิ่งเดียวที่นางทำได้คือคุกเข่าลงกับพื้นและกุมศีรษะแน่น

อย่างไรก็ตาม นางไม่กังวลเกินไป ทักษะนี้ของซูอันย่อมมีระยะเวลาจำกัดอย่างแน่นอน เมื่อผลของทักษะหมดลง นางจะรีบตามไปทันที

“เราจะวิ่งไปไหนกัน?” เพ่ยเหมียนหมานถามด้วยความกังวล

ซูอันคิดเล็กน้อยและพูดว่า “ไปพบกับจูเซี่ยฉือซินที่เจ้าพูดถึงไงล่ะ! แม่ชียุงได้รับบาดเจ็บเพราะเขาแน่ ๆ ในกรณีนี้ ถ้าเราไปอยู่กับเขามันน่าจะปลอดภัยมากกว่า!”

“แต่นั่นเป็นเพียงความปลอดภัยชั่วคราวเท่านั้น! เจ้าจะตายเมื่อไปถึงเมืองหลวง!” เพ่ยเหมียนหมานมองเขาอย่างกังวล “เจ้าแน่ใจเหรอว่าไม่ได้ตัดสินใจอย่างนี้เพียงเพราะต้องการพบกับชูเหยียน?”

ซูอันพูดไม่ออกชั่วขณะ พวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดนี้ แต่จินตนาการของผู้หญิงคนนี้กลับพุ่งไปหาแต่เรื่องไร้สาระซะงั้น!

“ไม่ใช่สักหน่อย! ข้าไม่ได้อธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังแล้วหรือไง?”

“ถ้างั้นก็ได้” เพ่ยเหมียนหมานไม่อยากจะทำตามที่ซูอันเสนอสักเท่าไหร่ “แต่แม่ชียุงขวางทางกลับของเราอยู่ ถ้าเราวกกลับไปหากลุ่มของจูเซี่ยฉือซิน เราอาจเป็นฝ่ายวิ่งเข้าใส่นางซะเอง”

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าจะไปในทิศทางนี้ เราจะใช้เส้นทางอ้อมหน่อย” ซูอันตอบ

หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ทั้งสองเดินไปรอบ ๆ ป่าต่อไป

หลังจากนั้นไม่นาน อากาศก็เต็มไปด้วยเสียงหึ่ง ๆ

“แม่ชียุงใกล้เข้ามาแล้ว” เพ่ยเหมียนหมานขมวดคิ้วอย่างกังวล นี่คือเสียงที่นางได้ยินทุกครั้งที่แม่ชียุงอยู่ใกล้ อีกฝ่ายคงใช้ยุงติดตามหาพวกเขา

“ไอ้ยุงบ้านี้ไม่ต่างจากวิญญาณผีอาฆาตที่ไม่ยอมหยุดตามหลอกหลอนข้า!” ซูอันกัดฟันกรอดด้วยความรำคาญ เขาอยากได้ขวดยาฆ่าแมลงหรือไม้ตียุงไฟฟ้าสักอันจริง ๆ

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความคิดที่ไร้สาระ แม้ว่าเขาจะมีสิ่งเหล่านั้นก็ตาม มันก็คงไม่มีทางช่วยให้เขากำจัดมนุษย์ยุงประหลาดนี้ได้

จู่ ๆ ท้องฟ้าก็สว่างขึ้นในทันใด

ซูอันตกตะลึง “จะเช้าแล้วเหรอ?”

แต่นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย! ข้าลืมนับเวลาในขณะที่เรากำลังถูกไล่ล่างั้นหรือ?

“ไม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลารุ่งสาง! แต่เป็นนั่นต่างหาก!” เพ่ยเหมียนหมานชี้ไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าตกตะลึง

ซูอันเงยหน้าขึ้น จากนั้นเขาเห็นดาวตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นแก่สายตา! เมื่อเปรียบเทียบกับดาวตกที่พุ่งผ่านท้องฟ้าและหายไปแบบที่เขาเคยเห็นเมื่อชีวิตก่อน ดาวตกดวงนี้สว่างและใหญ่กว่ามาก แถมมันยังเข้าใกล้พื้นดินระแวกที่เขาอยู่อีกต่างหาก

เพ่ยเหมียนหมานจับแขนของซูอันโดยไม่รู้ตัว เสียงของนางเริ่มสั่น “ปรากฏการณ์หายนะ! นี่เป็นลางร้าย! วันนี้เราจะตายที่นี่จริง ๆ งั้นเหรอ?”

ซูอันค่อนข้างขบขัน เขาไม่คิดว่าเพ่ยเหมียนหมานที่ทำตัวกล้าหาญและใจร้อนมาโดยตลอด กลับมีด้านที่น่าเอ็นดูเช่นนี้

เขาลูบมือของนางเพื่อปลอบโยน “อย่ากังวลไป มันเป็นแค่อุกกาบาตที่ตกลงมา เป็นเรื่องปกติในทางดาราศาสตร์”

เขาเคยเห็นอุกกาบาตที่ตกลงมาหลายครั้ง ต้องขอบคุณสื่อทุกช่องทางที่มีอยู่ในโลกที่แล้วของเขา เขายังคงจำอุกกาบาตรัสเซียขนาดใหญ่ได้ เช่นเดียวกับอุกกาบาตในภาคตะวันตกของจีน

ขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น อุกกาบาตอันสว่างไสวระเบิดออกเป็นแสงสีขาวที่ทำให้ตาพร่ามัว มันเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้ทุกอย่างควรจะมืดมิดเพราะเป็นยามราตรี แต่ตอนนี้ทั่วบริเวณมันดูสว่างราวกับกลางวัน

แสงนี้คงอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นแสงสีขาวอันพร่างพราวก็เริ่มจางลง และอุกกาบาตที่ลุกไหม้ก็แตกกระจายกลายเป็นสะเก็ดสีแดงเข้มหลายสิบลูก พุ่งออกไปในทิศทางที่ต่างกัน

ท้องฟ้ามืดครึ้มอีกครั้ง และบริเวณโดยรอบกลับมาเงียบสงัดดังเดิม