อวี้จิ่นสาวเท้าเดินกลับไปที่จวนเยี่ยนอ๋องด้วยความว่องไวไร้ที่ติ บังเอิญเจอเข้ากับจั่งสื่อในจวนที่กำลังเดินออกมาพอดี
“ท่านอ๋อง”
“จั่งสื่อกำลังจะออกไปไหนหรือ”
“กรมพิธีการส่งคนมาเรียกกระหม่อมไปพอขอรับ” จั่งสื่อเอ่ยตอบ รู้สึกกังวลในใจ
เพิ่งจะผ่านช่วงปีใหม่ อยู่ดีๆ กรมพิธีการจะเรียกเขาไปทำไมกัน หรือว่าท่านอ๋องก่อเรื่องอะไรอีก
อวี้จิ่นเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเขากำลังรีบนำข่าวดีไปเล่าให้เจียงซื่อฟัง จึงขี้เกียจจะพูดกับจั่งสื่อ “เช่นนั้นจั่งสื่อไปเถอะ ใช่แล้ว พระชายาอยู่ที่จวนหรือไม่”
จั่งสื่อที่กำลังกังวลได้ยินเข้าก็โมโหขึ้นมา สะบัดหนวดพลางเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องคงไม่ได้ไปที่ศาลาว่าการนานแล้วสินะขอรับ”
“หืม”
จั่งสื่อหันหน้าคำนับไปทางพระราชวัง อดทนพูดเกลี้ยกล่อมออกไป “ฝ่าบาทให้ท่านอ๋องไปที่ศาลาว่าการก็เพื่อฝึกฝนท่านอ๋องให้สังเกตกิจการบ้านเมือง ท่านอ๋องควรจะขยันหมั่นเพียรสักหน่อย อย่าได้ทำให้ฝ่าบาทผิดหวังเลยขอรับ”
ชายชาตรีคลุกอยู่ในจวนมัวแต่เอาอกเอาใจภรรยาทุกวัน ใช้ได้ที่ไหนกัน!
เมื่อนึกถึงท่านอ๋องกับพระชายาอ๋องที่ตัวติดกันเป็นตังเม จั่งสื่อกระทืบเท้าพลางถอนหายใจยาวด้วยความผิดหวัง
ทำไมถึงได้มีเจ้านายที่ไร้ระเบียบอย่างคู่นี้กันนะ
แถมยังมีจี้หมัวมัวอีก ควรจะโน้มน้าวใจท่านอ๋องและพระชายาอ๋องให้กลับเนื้อกลับตัวแท้ๆ ทว่าช่วงนี้ยายเฒ่าไม่เพียงแต่ไม่ทำเรื่องที่ถูกต้อง ยังเสนอหน้ามาให้เขาเห็นอย่างพิลึกพิลั่นด้วย ข้าให้ต่อต้าน ไม่ได้ให้เข้าร่วม!
หรือว่าคบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล ยายเฒ่าเรียนรู้สิ่งไม่ดีจากท่านอ๋องและพระชายาอ๋องไปแล้วงั้นหรือ
เมื่อคิดเช่นนี้ จั่งสื่อก็เกิดความรู้สึกสิ้นหวังกับอนาคตอันดำมืด
ช่างเถอะ คาดหวังผู้อื่นไม่ได้หรอก เขาทำได้เพียงพยายามโน้มน้าวท่านอ๋องอย่างสุดความสามารถ เพื่อให้ไม่ละอายใจตนเองเท่านั้น
ส่วนในอนาคต…จั่งสื่อส่ายหน้าเบาๆ
มีชีวิตอยู่ได้ก็คงไม่เลวแล้ว จะคิดถึงอนาคตอะไรกัน
“พูดเช่นนี้ พระชายายังไม่ได้ออกไปไหนสินะ” คำพูดพร่ำบ่นของจั่งสื่อเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอวี้จิ่น
ตาแก่นี่นับวันยิ่งพูดมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเพราะตอนนี้เขาใจเย็นราวกับน้ำหรอกนะ หากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ปล่อยเอ้อร์หนิวออกมาแล้ว
จั่งสื่อชะงักไปทันที โกรธจนหนวดสั่น
ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเกลี้ยกล่อมอยู่ตั้งนานทว่าท่านอ๋องไม่ฟังเลยสักคำ คิดถึงแต่พระชายางั้นหรือ
หมดหนทางจะเยียวยา หมดหนทางจะเยียวยาเสียจริง!
จั่งสื่อสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปพร้อมกับทำหน้าดำทะมึน
อวี้จิ่นส่ายหัว คิดในใจนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอารมณ์ดี ก็คงเป็นจั่งสื่อที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
อวี้จิ่นทิ้งเรื่องจั่งสื่อไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว แล้วมุ่งตรงไปที่อวี้เหอย่วน
ถือว่าอากาศไม่เลว เจียงซื่อกำลังพาอาฮวนออกมารับแดดกลางลาน ด้านข้างมีสุนัขตัวโตขนนุ่มลื่นที่เดี๋ยวคาบลูกหนังดอกไม้เดี๋ยวคาบกลองเขย่ามาเอาอกเอาใจนายหญิงน้อยให้อารมณ์ดี ดูยุ่งยิ่งกว่าสาวรับใช้เสียอีก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เจียงซื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นอวี้จิ่นที่ยืนอยู่หน้าประตู
“ว่าราชการเสร็จแล้วหรือ”
เรื่องที่อวี้จิ่นจะได้พบเจอเมื่อไปเข้าเฝ้าในวันนี้ สองสามีภรรยาได้คาดคะเนไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีฝ่ายไหนเปิดเผยออกมาเท่านั้นเอง
“อื้ม” อวี้จิ่นรับอาฮวนมากอดหอม หยอกล้อกับลูกสาวสักพักก็ส่งให้แม่นม “เข้าไปในห้องแล้วค่อยคุยกัน”
เจียงซื่อพยักหน้า แล้วอวี้จิ่นก็ดึงเข้าห้องไป
เอ้อร์หนิวเห็นเจ้านายกลับมา แถมยังดึงนายหญิงเดินไปในห้องอีก จากประสบการณ์จะต้องมีของอร่อยให้กิน จึงรีบส่ายหางเดินตามไป
อวี้จิ่นไม่หันหลังกลับมา ยื่นมือออกไปคลึงหน้าของสุนัขตัวโต เอ่ยพูดอย่างเย็นชา “ห้ามเข้ามาวุ่นวาย”
พอสักที เล่นกับลูกสาวจนสนิทมากกว่าเขาทำให้เขาอยากจะฆ่าเจ้านี่มาตุ๋นกินแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าได้คืบจะเอาศอก แม้แต่ตอนที่เขาอยากจะคุยกับภรรยาเงียบๆ ก็ต้องเข้ามาวุ่นวายด้วย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จวนอ๋องยังต้องมีตำแหน่งของเขาอยู่อีกหรือไม่
เอ้อร์หนิวสะบัดหน้าหนีเพราะรู้สึกเจ็บ ครวญครางด้วยความน้อยใจ
โชคดีที่ยังมีนายหญิงน้อยอยู่ สุนัขตัวโตถึงได้รู้สึกเหมือนได้รับการปลอบโยนเล็กน้อย
เมื่อเข้าไปในห้องก็ไล่บ่าวรับใช้ออกไปก่อน จากนั้นอวี้จิ่นถึงได้ผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ ยิ้มพูดขึ้นด้วยท่าทางเกียจคร้าน “สำเร็จแล้ว”
“ไม่นึกเลยว่าจะเร็วขนาดนี้”
“ข้าก็นึกไม่ถึงเลย นึกว่าเสด็จพ่อจะปรึกษาจงเหรินลิ่งอีกพักหนึ่ง” พอพูดถึงเรื่องนี้ ความไม่พอใจที่อวี้จิ่นมีต่อจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็มลายหายไปเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าสายตาของจิ่งหมิงฮ่องเต้จะไม่ค่อยดีนัก แต่ลงมือทำอะไรกลับว่องไวมาก
“ฮองเฮาอยากให้พวกเราเข้าวังไปทานอาหารด้วยกันสักมื้อ”
เจียงซื่อยิ้มพูดขึ้น “เจ้ากลายเป็นพระโอรสของฮองเฮา ข้าควรจะเข้าวังไปคารวะน้อมทักฮองเฮาตั้งนานแล้ว”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน”
ทั้งสองคนปรึกษากันด้วยดี เจียงซื่อนึกถึงเรื่องหนึ่ง “เมื่อวานเสด็จพ่อเรียกเจ้ากับเซียงอ๋องเข้าวังไปพร้อมกัน แล้วก็ประกาศเรื่องนี้ออกมาในวันนี้ เกรงว่าเซียงอ๋องคงจะเกลียดเจ้าแล้วล่ะ”
อวี้จิ่นหัวเราะออกมาเพราะไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น “ในอดีตเขากับพี่สี่สนิทสนมกัน เขาเกลียดข้าแล้วยังไง บ่อน้ำที่เสื่อมโทรมของจวนเซียงอ๋องยังมีหญิงงามรอเขาอยู่ ถ้าหากเขาประพฤติตัวดีก็แล้วกันไป ข้าก็ไม่ใช่คนที่ทำการโดยไม่เผื่อทางหนีทีไล่ไว้ หากเขามีความคิดอะไรไม่ดีโผล่ขึ้นมา ไม่แน่สาวงามคงต้องออกมาสูดลมหายใจสักหน่อยแล้ว”
เจียงซื่อหุบยิ้ม “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย”
อวี้จิ่นบีบแก้มเจียงซื่ออย่างใกล้ชิด “เขาว่ากันว่าสตรีที่คลอดลูกแล้วจะกลายเป็นคนเซ่อ ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง…”
เขานั้นต่างออกไป ใครที่ขัดหูขัดตาเป็นวัวสันหลังหวะเขาล้วนแอบจำไว้เงียบๆ และมักจะพลิกหาดูรอยรั่วเพื่อเติมเต็มช่องว่าง เตรียมเก็บกวาดพวกที่ไม่ระวังได้ทุกเวลา
“เจ้าว่าใครเซ่อกัน” เจียงซื่อยื่นมือออกไปด้วยความโกรธ เป้าหมายคือหูของอวี้จิ่น
ไม่นานสองสามีภรรยาก็หัวเราะร่าออกมาทั้งคู่
ณ ลานบ้านนอกห้อง อาฮวนได้ยินเสียงหัวเราะของพ่อกับแม่ก็เบ้ปาก ร้องไห้ออกมา
อยากให้แม่อุ้ม อยากให้พ่ออุ้ม แต่ก็ถูกทิ้งไว้…
เอ้อร์หนิวยกเท้าขึ้นมาแตะลงที่บ่าอาฮวน พลางเห่าปลอบใจ
จั่งสื่อวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว ปรี่เข้ามาจนเกือบจะชนเข้ากับจี้หมัวมัว
“ไอ้หยา จั่งสื่อนี่นา เหตุใดถึงวิ่งเร็วขนาดนี้กัน” จี้หมัวมัวหลบทันอย่างหวุดหวิด จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
ตาแก่นี่ไม่พอใจนางที่ไม่มีประโยชน์ แต่ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ ความสุขุมที่พูดไว้ล่ะ
“ท่าน ท่านอ๋องล่ะ” จั่งสื่อหอบหายใจถี่ จนหายใจไม่ทันแล้ว
“ท่านอ๋องอยู่ในจวนก็ต้องอยู่กับพระชายาอยู่แล้ว คงไม่อยู่ในห้องตำราหรอก”
จั่งสื่อกะพริบตาปริบๆ
จริงด้วย ยังคงเป็นท่านอ๋องท่านนั้นที่รู้จักเพียงแต่ตัวติดกับพระชายา แต่เหตุใดถึงได้โชคดี ตอนนี้กลายเป็นพระโอรสแท้จริงไปแล้วครึ่งหนึ่งกัน
เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะสิ้นหวังมากเกินไป ก็เลยกำลังฝันกลางวัน
เมื่อคิดเช่นนี้ ทันใดนั้นจั่งสื่อก็สะบัดหนวดฟาดเข้ากับดวงตาที่ตื่นตกใจของจี้หมัวมัว “มันเจ็บ!”
พอได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็วิ่งเข้าไปข้างใน
จี้หมัวมัวตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ “แย่แล้ว จั่งสื่อเสียสติไปแล้ว”
จี้หมัวมัวรีบตามไปขัดขวางจั่งสื่อ “เข้าไปด้านในอีกก็เป็นเรือนในแล้ว ท่านเข้าไปจะไม่เหมาะสมเอา”
“รบกวนจี้หมัวมัวเชิญท่านอ๋องออกมามาสักหน่อย”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ท่านอ๋องถูกฮองเฮารับอุปถัมภ์เป็นบุตรแล้ว เมื่อครู่กรมพิธีการเรียกข้าไปคุยเกี่ยวกับการจัดการเรื่องต่างๆ…”
“อะไรนะ” จี้หมัวมัวพูดด้วยความตกใจ สีหน้าตะตะลึง
จั่งสื่อผ่อนลมหายใจลง “ตั้งแต่กลับมาที่จวนท่านอ๋องยังไม่ได้บอกรึ”
“ไม่นะ กลับมาก็ไปอยู่กับพระชายาแล้ว”
จั่งสื่อลูบหนวดอย่างอดไม่ได้
ท่านอ๋องไม่น่าเชื่อถือขนาดนี้ นี่มันโชคชะตาบ้าบออะไรกันเนี่ย
หลังจากนั้นไม่นาน อวี้จิ่นกับจั่งสื่อก็เข้ามายืนอยู่ในห้องอักษร
“จั่งสื่อนั่งลงเถอะ” อวี้จิ่นยิ้มพลางชี้ไปที่เก้าอี้
จั่งสื่อนั่งลง เมื่อกำลังจะอ้าปากพูด ชายหนุ่มตรงหน้าก็เอ่ยถามออกมาก่อน “จั่งสื่อทราบเรื่องของข้ารึยัง”
จั่งสื่อพยักหน้า
อวี้จิ่นยิ้มออกมาบางๆ “เช่นนั้นข้าจะบอกจั่งสื่ออีกเรื่องหนึ่ง”