จั่งสื่อเพิ่งจะนั่งลง ทว่าได้ยินอวี้จิ่นพูดเช่นนี้ก็มีลางสังหรณ์ไม่เป็นมงคลขึ้นมาทันที ราวกับมีหนามโผล่ขึ้นมาบนเก้าอี้ แทงขึ้นมาจนเขาแทบทนไม่ไหว
อวี้จิ่นไม่ได้รีบพูดออกไป ให้เวลากับจั่งสื่อสักพักอย่างรู้ใจ
จั่งสื่ออายุมากแล้ว หากตกใจมากไปจะไม่ดีนัก
จั่งสื่อยิ่งตกใจไปใหญ่ ท่านอ๋องที่ดื้อด้านรู้จักเอาใจใส่เขาแล้ว สิ่งที่จะพูดต่อจากนี้มันจะน่าตกใจแค่ไหนกันเชียว
“ไม่ทราบว่าเรื่องที่ท่านอ๋องจะพูด…เป็นเรื่องอันใดหรือขอรับ”
อวี้จิ่นเทชาใส่ถ้วยแล้วยื่นให้จั่งสื่อ ยิ้มพูดขึ้น “จั่งสื่ออย่างได้กังวลไป สิ่งที่ข้าจะพูดนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้เล็กน้อย”
เมื่อจั่งสื่อได้ยิน ก็คลายความกังวลในใจลง
เรื่องในวันนี้เป็นมงคลยิ่งนัก ในเมื่อท่านอ๋องบอกว่าสิ่งที่จะพูดเกี่ยวข้องกับเรื่องในวันนี้ เห็นทีน่าจะไม่แย่สักเท่าไร
เวลานี้จั่งสื่ออึดอัดใจเล็กน้อย เพราะเขาระมัดระวังมากเกินไปจนเข้าใจท่านอ๋องผิด จากนี้ไปท่านอ๋องเป็นพระโอรสของฮองเฮา เขาไม่อาจมองผู้คนด้วยสายตาที่เก่าคร่ำครึได้แล้ว
อวี้จิ่นจับถ้วยชาไว้ เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่นึกเลยว่าข้าจะได้กลายเป็นโอรสของฮองเฮา ข้าคิดไตร่ตรองไปมา ไม่อาจหลงระเริงกับชื่อเสียงอันจอมปลอมนี้…”
จั่งสื่อตื่นเต้นขึ้นมา “ท่านอ๋องหมายความว่า…”
กลายเป็นพระโอรสของฮองเฮาแล้วไม่อาจก่อความวุ่นวายได้อีกสินะ ยังไงก็ต้องคำนึงถึงหน้าตาฮองเฮา
เขาจะได้หมดความกัลวลใจ กลับมาจิตใจเบิกบานสักที ท่านอ๋องกำลังจะกลับเนื้อกลับตัวแล้ว!
ขณะที่จั่งสื่อกำลังตื่นเต้น ก็ได้ยินอวี้จิ่นเอ่ยพูดอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ “ข้ารู้สึกว่าโอรสของฮองเฮาได้เป็นไท่จื่อถึงจะเหมาะสม…”
ถ้วยน้ำชาในมือจั่งสื่อสาดกระเซ็นออกไปตรงๆ เปื้อนไปทั้งตัว
“ท่านอ๋อง ท่านกำล้อเล่นใช่หรือไม่”
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว “การล้อเล่นเป็นเรื่องที่น่าเบื่อที่สุด ข้าไม่เคยล้อเล่น”
เขามีเรื่องมากมายให้ทำ จะมีเวลามาล้อเล่นกับตาเฒ่านี้ได้อย่างไร
สำหรับจั่งสื่อที่โผงผาง ตรงไปตรงมา อวี้จิ่นคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
จั่งสื่อเป็นผู้ที่จัดการงานต่างๆ ภายในจวนอ๋อง ถ้าหากว่าแนวทางความต้องการขัดกับเขา มันก็น่าลำบากใจ
อวี้จิ่นไม่ได้กลัวว่าจั่งสื่อจะไม่ซื่อสัตย์
ขุนนางเฉกเช่นจั่งสื่อนั้นไม่เหมือนกับขุนนางท่านอื่น เมื่อถูกตีตราว่ารับใช้จวนไหนแล้ว หากไปอาศัยผู้อื่นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง
นอกจากนี้ เด็กและคนแก่ในครอบครัวจั่งสื่อก็อยู่ภายในจวนอ๋อง บอกได้เลยว่าความปลอดภัยหรืออันตรายของคนในครอบครัวล้วนอยู่ในกำมือของอวี้จิ่น
เช่นนั้นหากชนะทั้งสองก็ชนะด้วยกัน หากแพ้ก็แพ้ด้วยกัน
ถ้าไม่เชื่อก็ดูเหล่าขุนนางที่ในที่ประทับของไท่จื่อผู้ไร้ประโยชน์ ถูกตัดหัวก็มี ค้นบ้านและยึดทรัพย์ก็มี ส่วนคนที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งและขับไล่ถือว่ามีจุดจบที่ดีแล้ว
ก่อนหน้านี้ที่อวี้จิ่นไม่พูด ก็เพราะกลัวว่าจะทำให้จั่งสื่อตกใจตายไปก่อน ทว่าวันนี้เขาได้กลายเป็นโอรสของฮองเฮา เป็นโอกาสดีที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมา
ใครจะรู้ว่าอวี้จิ่นคาดเดาเรื่องการรับความกดดันของจั่งสื่อสูงเกินไป
จั่งสื่อเซนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม สายตาเลื่อนลอย ดวงตามองตรง เอ่ยพึมพำขึ้น “แย่แล้ว คงจะจบลงไม่ดีซะแล้ว…”
เสียงร้องหึดังขึ้นมา
อวี้จิ่นสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เอ่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จั่งสื่อไม่สนับสนุนข้างั้นหรือ”
จั่งสื่อสะดุ้งโหยงได้สติกลับมา เอ่ยพูดพลางร่ำไห้ “ท่านอ๋องอย่าได้พูดจาซี้ซั้ว!”
เป็นท่านอ๋องอยู่ดีๆ มิชอบหรือ เหตุใดต้องไปทำเรื่องหัวจะหลุดออกจากบ่าด้วย
อวี้จิ่นเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ เอ่ยพูดอย่างหงุดหงิด “ข้าได้ครุ่นคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบมาแล้ว คนอื่นก็เป็นองค์ชาย ข้าก็เป็นองค์ชาย เสด็จแม่ของข้ายังอยู่ในนามฮองเฮาด้วย จั่งสื่อเจ้าว่าเหตุใดข้าต้องยอมเชื่อฟังแล้วหลีกทางให้คนอื่นได้ตำแหน่งองค์รัชทายาทไปด้วยเล่า”
จั่งสื่อได้แต่นิ่ง
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าที่ท่านอ๋องพูดมีเหตุผล…
“ทว่าการแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทมีความเสี่ยงมากเกินไป…”
อวี้จิ่นหัวเราะเยาะออกมา “กินข้าวยังเสี่ยงสำลักอาหารตายเลย ไทจื่อองค์ก่อนเป็นไท่จื่อตั้งหลายปีไม่มีใครคิดเหมือนกันว่าจะลงเอยเช่นนี้ บนโลกนี้ล้วนยากจะคาดเดา จั่งสื่อคิดว่าถ้าข้าไม่สู้แล้วจะสามารถเป็นท่านอ๋องที่อยู่สบายไปวันๆ ได้งั้นหรือ”
จั่งสื่อนิ่งเงียบ
“คิดดูสิทั้งหม่าจั่งสื่อของจวนฉีอ๋อง โค่วจั่งสื่อของหลู่อ๋อง โต้วจั่งสื่อของจวนสู่อ๋อง หนิวจั่งสื่อของจวนเซียงอ๋อง ไปจนถึงหลิวจั่งสื่อของจวนฉินอ๋อง ล้วนเป็นจั่งสื่อเช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนให้การสนับสนุนทั้งนั้น แล้วจั่งสื่อจะเป็นตัวรั้งข้าไว้งั้นหรือ”
จั่งสื่อรู้สึกละอายใจขึ้นมา ในขณะที่ละอายใจก็อดคิดไม่ได้ จั่งสื่อตั้งหลายคน ไม่นึกเลยว่าท่านอ๋องจะจำได้หมด
อวี้จิ่นมองจ้องไปที่จั่งสื่อ ยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางพูดออกไป “ข้าได้ยินมาว่าตอนที่โค่วจั่งสื่อยังหนุ่มเคยมอบภาพวาดพู่กันให้ภรรยาของเจ้าด้วย”
เมื่อจั่งสื่อได้ยิน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทันที
ภรรยาของเขากับโค่วจั่งสื่อเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ต่อมาได้แต่งงานกับเขา จิตใจชั่วร้ายของเจ้าคนแซ่โค่วยังไม่หยุด นึกไม่ถึงเลยว่าจะส่งภาพวาดบทกวีมา
น้ำเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าหากสู่อ๋องได้เป็นไท่จื่อ ในอนาคตก็ต้องพัฒนาไปอีกก้าว ไม่รู้ว่าตำแหน่งของโค่วจั่งสื่อจะรุ่งโรจน์ขึ้นเพียงใด…”
จั่งสื่อตบฉาดลงบนโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้น “ทำขอรับ!”
“หืม” อวี้จิ่นหรี่ตาลง ข่มรอยยิ้มที่กำลังเอ่อล้นออกมา
ไม่นึกเลยว่าจั่งสื่อจะเลือดร้อน เขานึกว่าต้องเป่าหูอีกสักหน่อยเสียอีก
จั่งสื่อรู้สึกโกรธเล็กน้อยที่ถูกดูแคลน
ใครไม่เคยผ่านช่วงเยาว์วัยกัน ที่ฟันของโค่วจั่งสื่อหายไปซี่หนึ่งก็เป็นเพราะถูกเขาต่อย
ทว่าเมื่อครู่ก็เกินไปจริงๆ
จั่งสื่อคำนับ “กระหม่อมยินดีที่จะทำตามที่ท่านอ๋องต้องการ แม้ตายก็ไม่เสียใจ!”
แต่ถ้าหากว่าสำเร็จล่ะ…
อวี้จิ่นยกน้ำชา น้ำเสียบอ่อนโยน “จากนี้ไปต้องลำบากจั่งสื่อแล้วล่ะ”
เรื่องที่เยี่ยนอ๋องถูกรับเป็นโอรสในฮองเฮาแพร่งพรายออกไปราวกับถูกลมโหมพัด
หลังจากนายท่านเจียงเอ้อร์ได้ทราบข่าวจากเพื่อร่วมงาน ก็เดินจ้ำอ้าวกลับไปยังจวนตงผิงปั๋ว
“มีอะไรรึ” เฝิงเหล่าฮูหยินเห็นนายท่านเจียงเอ้อร์สีหน้ารีบร้อน จึงรีบถามออกไป
“พี่ใหญ่ไม่ได้อยู่ในจวนหรือขอรับ”
เฝิงเหล่าฮูหยินแค่นเสียงหึออกมา “เจ้าก็น่าจะรู้จักพี่ใหญ่ของเจ้าดี วันๆ เอาแต่วิ่งแจ้นออกไปข้างนอก ไม่ได้เรื่องได้ราว”
เมื่อพูดถึงลูกชายคนโต เฝิงเหล่าฮูหยินก็โมโหขึ้นมา จากนั้นก็คิดถึงตำแหน่งบรรดาศักดิ์ที่หลุดลอยออกไป เจียงจั้นที่ฟื้นคืนชีพกลับมา สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเจียงซื่อที่ได้เป็นพระชายาอ๋อง หากหนักเกินกว่านี้ก็คงไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว
“ท่านแม่ให้คนออกไปตามพี่ใหญ่กลับมาเถอะ” เมื่อนายท่านเจียงเอ้อร์นึกถึงเจียงอันเฉิง ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังเพราะริษยา
หรือว่าคนโง่มักจะมีโชคของคนโง่ เรื่องดีๆ ทำไมล้วนเกิดขึ้นกับพี่ใหญ่กันนะ
“หรือว่าพี่ใหญ่เจ้ามีเรื่องอะไรอีก”
“ไม่ใช่เรื่องของพี่ใหญ่ เป็นเรื่องของท่านอ๋อง”
เฝิงเหล่าฮูหยินจับแก้วน้ำชาในมือไว้แน่น “ท่านอ๋องงั้นหรือ”
นายท่านเจียงเอ้อร์พยักหน้าเห็นด้วย “ท่านอ๋องถูกบันทึกว่าเป็นโอรสในฮองเฮาแล้วขอรับ”
เฝิงเหล่าฮูหยินมือสั่นแวบเดียว น้ำชาก็กระเซ็นออกมา เอ่ยพูดน้ำเสียงเปลี่ยนทันที “ถูก ถูกบันทึกว่าเป็นโอรสในฮองเฮางั้นหรือ เช่นนั้นเยี่ยนอ๋องก็…”
คำพูดต่อจากนั้นเฝิงเหล่าฮูหยินไม่กล้าพูดออกมา นายท่านเจียงเอ้อร์ก็ไม่กล้าพูด ทว่าสองแม่ลูกกลับคิดไปในทางเดียวกัน การได้เป็นพระโอรสแท้ๆ แล้วครึ่งหนึ่ง เยี่ยนอ๋องก็มีโอกาสที่จะได้เป็นไท่จื่อสินะ…
ถ้าหากเยี่ยนอ๋องได้เป็นไท่จื่อ ได้นั่งตำแหน่งนั้นต่อ ตระกูลเจียงก็จะกลายเป็นญาติเชื้อพระวงศ์…
เฝิงเหล่าฮูหยินตื่นเต้นจนมือสั่น เอ่ยพูดเสียงแหบแห้ง “รีบไปเรียกนายท่านปั๋วกลับมา!”
เจียงอันเฉิงกลับมาด้วยความงุนงง “มีเรื่องใหญ่อะไรงั้นหรือ”
เมื่อได้ยินนายท่านเจียงเอ้อร์พูดจบ เจียงอันเฉิงทำหน้าไม่เห็นด้วย “ที่แท้ก็เรื่องนี้ สมควรที่จะเรียกเขากลับมาอยู่”
“พี่ใหญ่ นี่เป็นเรื่องมงคลยิ่งนัก พวกเราควรจะไปแสดงความยินดีกับท่านอ๋องที่จวนอ๋องหรือไม่”
เจียงอันเฉิงขมวดคิ้ว “เปลี่ยนพระมารดา จำเป็นต้องเฉลิมฉลองด้วยหรือ”
นายท่านเจียงเอ้อร์เงียบไม่พูดไม่จา
“เอาล่ะ จวนปั๋วควรจะทำอะไรก็ทำ น้องรองอย่าได้คิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้เลย”