ผ่านไปหลายวัน เมื่อข่าวคราวที่ฮองเฮารับเยี่ยนอ๋องไว้เป็นโอรสค่อยๆ เบาบางลง เจียงซื่อจึงได้กล้าเดินทางออกจากจวน
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปยังจวนอี๋หนิงโหว นางได้เดินทางไปที่จวนตงผิงปั๋วเสียก่อน
บัดนี้ไม่รู้ว่ามีดวงตามากมายกี่คู่คอยจับจ้องจวนเยี่ยนอ๋อง ในเวลานี้หากนางไปเยือนเพียงแค่จวนอี๋หนิงโหว แต่ไม่ก้าวไปเยือนที่จวนตงผิงปั๋ว คงจะดูน่าแปลกใจไม่น้อย
แม้ว่าคนวงในทั้งหลายเหล่านี้พอจะรู้ว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องมีท่าทีอันเย็นชากับฮูหยินใหญ่แห่งจวนตงผิงปั๋ว แต่ทุกคนก็ล้วนรู้ดีว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องและตงผิงปั๋วสองพ่อลูกคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ดีและลึกซึ้งเพียงไร อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันผูกพันอย่างแน่นแฟ้นกับพี่ชายของตน หรือตงผิงปั๋วซื่อจื่อ
ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น นางสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามใจปรารถนา แต่บัดนี้กลับต้องครุ่นคิดให้มากกว่าเดิม
การเดินทางมาถึงของเจียงซื่อได้รับการต้อนรับจากเฝิงเหล่าฮูหยินเป็นอย่างดี บรรดาสตรีที่นั่งอยู่ด้วยกันนอกจากซานไท่ไท่กัวซื่อแล้ว บรรดาพี่น้องสตรีทั้งหลายในจวน รวมไปถึงเจียงอีก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วย
“วันนี้ตอนเช้าตรู่ได้ยินเสียงนกร้องขึ้นที่ยอดไม้ ข้าเองยังคิดอยู่เชียวว่าในวันนี้จะมีเรื่องดีใดเกิดขึ้น คาดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องจะเดินทางมาด้วยตนเอง” เฝิงเหล่าฮูหยินหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมา ใบหน้าของนางดูอ่อนโยนโอบอ้อมอารี “หลายวันมานี้ย่ากำลังคิดถึงเจ้าอยู่เชียว”
ซานไท่ไท่กัวซื่อนั่งอยู่ด้านข้าง นางได้ยินประโยนนั้นของเฝิงเหล่าฮูหยินก็ได้แต่ยกย่องนางจริงๆ
เหล่าฮูหยินในฐานะท่านย่า กลับกล่าวประโยคเช่นนี้ต่อคุณหนูสี่ได้โดยหน้าไม่เปลี่ยนสี มิน่าเล่าในตอนนั้นพี่สะใภ้รองที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมกลับถูกนางกักบริเวณเอาไว้ได้
คุณหนูหกกลับรู้สึกต่อเจียงซื่ออีกอย่างหนึ่ง
ผู้หญิงเราหากออกเรือนไปก็ควรเป็นเช่นพี่สี่ นางแต่งงานกับชนชั้นสูง แม้แต่บัดนี้กลับบ้านเกิดของตนเอง ท่านย่ายังต้องเอาอกเอาใจ นับประสาอะไรกับพี่น้องรุ่นเดียวกันเช่นพวกนาง
อีกทั้งในตอนแรกที่พี่สี่ยังไม่ได้ออกเรือน ก็ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับนาง
เมื่อคิดเรื่องเหล่านี้ เจียงเพ่ยก็รู้สึกราวกับกับอดีตเป็นเรื่องในชาติก่อนอันยาวนาว ทำให้นางยิ่งตระหนักว่า มิน่าเล่า ที่ว่ากันว่าสตรีเมื่อออกเรือนก็เหมือนได้เกิดใหม่ ชีวิตก่อนหน้าได้แต่อยู่ในเรือนเป็นสิบกว่าปี ส่วนชีวิตที่เหลืออีกยาวไกลก็ต้องดูว่าแต่งงานกับชายเช่นไร
นางชำเลืองมองไปทางใบหน้าอันงดงามนั้น เจียงเพ่ยอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากเบาๆ
พี่สี่ช่างโชคดีเหลือเกิน ไม่รู้ว่าในอนาคตตัวนางจะได้แต่งงานกับคนเช่นไร
นางเป็นเพียงบุตรสาวของบ้านรอง ไม่อาจสู้พี่สี่ได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็ต้องมีชีวิตดีกว่าพี่สี่และพี่ห้า เช่นนั้นนางจึงจะพึงพอใจ
เจียงเพ่ยครุ่นคิดเรื่องราวเหล่านี้ สายตานางมองไปทางเจียงซื่อด้วยท่าทางอันอบอุ่น
เจียงซื่อเหลือบมองไปทางเจียงเพ่ย ก่อนจะละสายตากลับมา
หากว่าเป็นเมื่อก่อน นางอาจจะใช้วาจาเสียดสี แต่บัดนี้ไม่จำเป็นแล้ว
“หากท่านย่าคิดถึงหลาน ในอนาคตหลานจะกลับมาบ่อยๆ ” เจียงซื่อกล่าวขึ้นด้วยสายตาบางเบา
เฝิงเหล่าฮูหยินรู้สึกดีใจยิ่งนัก ใบหน้าของนางเผยความอ่อนโยนมีเมตตา “เช่นนี้ดียิ่งนัก คนเราเมื่อชราลง อย่างอื่นย่าไม่ได้ต้องการ ย่าเพียงหวังว่าพวกลูกหลานจะกลับมาบ้านบ่อยๆ เท่านั้น…”
เจียงเพ่ยได้ยินประโยคนี้ก็ได้แต่เผยอริมฝีปากขึ้น
มีครั้งหนึ่งที่พี่ห้าเดินทางกลับมาบ้าน และเดินทางมาคารวะท่านย่าที่เรือนฉือซิน บังเอิญท่านย่ากำลังพักผ่อนอยู่ในเรือน ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้พบกับท่านย่า
แล้วท่านย่าจะรอคอยลูกหลานกลับมาหานางหรือ คงต้องดูว่าเป็นผู้ใดกลับมา หากเป็นพี่สี่ ต่อให้ท้องฟ้ามีพายุดาบร่วงหล่นลงมา ท่านย่าก็คงจะยินดีออกมาต้อนรับ
เจียงเพ่ยตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะต้องแต่งงานกับชนชั้นสูงให้ได้
เจียงเพ่ยมีความคิดอันผันผวน แต่เฝิงเหล่าฮูหยินกลับไม่ได้สนใจหลานสาวคนนี้เลย นางเห็นว่าวันนี้เจียงซื่ออารมณ์ดีไม่น้อยจึงได้เอ่ยถามขึ้นว่า “พระชายาอ๋อง ท่านอ๋องได้ขึ้นเป็นโอรสในฮองเฮาจริงหรือ”
เจียงซื่อยิ้มขึ้นเบาๆ “บัดนี้ได้ประกาศกฤษฎีกาออกมาแล้ว จะเป็นเรื่องจอมปลอมได้อย่างไร”
เฝิงฮูหยินยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “ย่าเพียงรู้สึกว่าช่างกะทันหันยิ่งนัก ไม่ใช่เพียงแต่ย่าเท่านั้น บิดาของเจ้าและอารองล้วนพากันแปลกใจ เหตุใดจู่ๆ ท่านอ๋องจึงได้กลายไปเป็นโอรสของฮองเฮาได้”
นับตั้งแต่มีข่าวของจวนเยี่ยนอ๋องเผยแพร่ออกมา ตัวนางก็ไม่สามารถเดินทางไปสอบถามด้วยตนเองที่จวนเยี่ยนอ๋องได้ สองวันมานี้จึงทำให้นางกินไม่ได้นอนไม่หลับ ครุ่นคิดมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้
เรื่องที่เยี่ยนอ๋องได้กลายไปเป็นโอรสของฮองเฮาแน่นอนว่าเป็นเรื่องดี แต่หากมองในระยะยาว เรื่องนี้จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ยากเกินคาดเดา
หากว่าองค์ชายคนอื่นขึ้นครองบัลลังก์ ในฐานะโอรสของฮองเฮา เป็นไปได้สูงทีเดียวที่เยี่ยนอ๋องจะถูกจัดการเมื่อถึงเวลานั้น จวนปั๋วอาจจะต้องลำบากไปด้วย
อย่างไรก็ตามหากเยี่ยนอ๋องสามารถก้าวขึ้นไปได้อีกขั้น จวนปั๋วก็จะได้รับการยกย่องขึ้นไปด้วย เช่นเดียวกับเรือที่สูงตามระดับน้ำ จะได้รับประโยชน์อย่างไม่รู้จบ
อย่างอื่นไม่ต้องกล่าวถึง เมื่อหลานคนที่สี่ของนางได้กลายเป็นฮองเฮา ตามแบบแผนแล้ว บุตรชายคนโตของนางจะต้องได้รับเป็นตำแหน่งเฉิงเอินปั๋ว เมื่อถึงเวลานั้นตำแหน่งตงผิงปั๋วก็คงจะตกอยู่ที่เจ้ารอง
บุตรชายของนางได้เป็นปั๋วทั้งคู่ ช่างเป็นเรื่องที่มีสง่าราศีอะไรเช่นนี้
เมื่อเจียงซื่อได้ยินเฝิงเหล่าฮูหยินเอ่ยถามเช่นนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงชราคิดแผนใดอยู่และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
นางต้องการได้รับผลประโยชน์ แต่ไม่อยากจะร่วมลำบากด้วย ในโลกนี้จะมีเรื่องดีแบบนั้นได้อย่างไรกัน
ต่อให้ท้ายที่สุดแล้วอาจิ่นจะเป็นผู้ชนะ เขาจะมอบตำแหน่งให้แก่บิดาของนางที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ตำแหน่งเดิมก็คงจะเอาทิ้งไป ไม่ยอมมอบให้อารองอย่างง่ายดายแน่
เมื่อชาติก่อน ครอบครัวของอารองจัดการบิดาของนางอย่างไรนางยังจำได้ขึ้นใจ เพียงแต่ในชาตินี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเหลือเกินที่ต้องเผชิญหน้า ประกอบกับบัดนี้บ้านรองก็ไม่สามารถสร้างความวุ่นวายใดขึ้นมาได้ เก็บเอาไว้จัดการในภายหลังก็ไม่สาย
“พระประสงค์ของฝ่าบาทยากเกินคาดเดา ท่านย่าเอ่ยถามเช่นนี้ หลานจะรู้ได้อย่างไร”
สีหน้าของเฝิงเหล่าฮูหยินชะงักลง นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเจ้าสี่ไม่อยากบอก จึงได้หยิบอ้างพระประสงค์ของฮ่องเต้เอามาใช้ นางเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไรได้
เมื่อพบว่าเฝิงเหล่าฮูหยินดูจริงใจขึ้นกว่าเดิม นางจึงได้ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ประเดี๋ยวหลานจะเดินทางไปที่จวนโหวเยี่ยมเยียนท่านยายสักหน่อย หลานขอตัวก่อน”
เฝิงเหล่าฮูหยินพยายามรั้งนางเอาไว้อีกสองสามประโยค เมื่อพบว่าเจียงซื่อยืนกรานดังเดิมจึงได้รีบกล่าวว่า “ให้พี่ใหญ่ของเจ้าไปส่งเถิด”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ในอนาคตหลานยังได้เดินทางมาอีกแน่ หากจะรู้สึกตื่นเต้นทุกคราที่เดินทางมาเช่นนี้หลานคงรู้สึกไม่ดี”
เมื่อนางเดินทางออกมาจากประตูจวนตงผิงปั๋ว เจียงซื่อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเร่งรีบเดินทางไปยังจวนอี๋หนิงโหว
ทางด้านของจวนโหวได้รับข่าวนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ หัวหน้าพ่อบ้านจึงได้ออกมายืนรออยู่หน้าประตูใหญ่จวนโหวก่อนหน้าแล้ว เมื่อพบว่ารถม้าจากจวนเยี่ยนอ๋องตรงเข้ามาแต่ไกล ก็ได้ตะโกนให้บ่าวรับใช้เข้าไปรายงาน ส่วนตนก้าวเข้าไปต้อนรับ
“ท่านตาอยู่หรือไม่”
หัวหน้าพ่อบ้านรีบตอบว่า “เดิมทีนายท่านโหวต้องการจะเดินทางไปข้างนอก แต่เมื่อได้ยินว่าพระชายาอ๋องจะเดินทางมาจึงไม่ได้ออกไปไหน ขอรับ”
ในไม่ช้าเจียงซื่อก็ได้พบกับสองสามีภรรยาแห่งจวนอี๋หนิงโหว
“ดูเหมือนท่านยายจะซูบผอมลงไปกว่าเดิม หลายวันมานี้ไม่ได้พักผ่อนเพียงพอหรือเจ้าคะ”
อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “เมื่ออายุอานามมากขึ้นก็มักจะนอนไม่หลับ มิใช่เรื่องใหญ่ใด”
“ท่านควรจะใส่ใจกับสุขภาพมากกว่านี้”
“ไม่ต้องกังวลใจไป ข้ายังคงรอคอยวันที่เจ้าให้กำเนิดโอรสน้อยแก่ท่านอ๋องอยู่”
อี๋หนิงโหวเบิกตากว้างจ้องมองไปทางภรรยา “เจ้าชอบกล่าววาจาถึงเรื่องเหล่านี้อยู่เรื่อย”
สะใภ้ของราชวงศ์หากไม่มีโอรสก็คงมีแรงกดดันยิ่งนัก หญิงชราจะเอ่ยขึ้นเพื่อกดดันหลานสาวทำไมกัน
เหล่าฮูหยินจ้องกลับไป “ไม่ให้ข้ากล่าวเรื่องนี้แล้วจะให้กล่าวเรื่องใด สตรีเช่นพวกเรากำลังสนทนากันอยู่ เจ้าเป็นเพียงบุรุษจะเข้ามาขัดจังหวะทำไมกัน”
เจียงซื่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “ท่านยายท่านตาอย่าได้ทะเลาะกันเลย บัดนี้อาฮวนยังเล็ก ท่านอ๋องเองก็กล่าวว่าไม่รีบร้อนเจ้าค่ะ”
แม้แต่กระทั่งตอนนี้บางครั้งอาจิ่นก็ยังปล่อยอาฮวนทิ้งไว้โดยไม่ได้ดูแลอย่างที่ควร หากมีบุตรชายอีกคนล่ะก็นางนึกไม่ออกจริงๆ ว่าบิดาผู้ไม่ธรรมดาคนนั้นจะเป็นเช่นไร
เหล่าอี๋หนิงโหวทำสีหน้าจริงจังแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ซื่อเอ๋อร์จงจำเอาไว้เถิด ไม่ว่าจะเป็นความรุ่งโรจน์เพียงใด สำหรับตาและยายไม่มีสิ่งใดสำคัญกว่าความปลอดภัยและสงบสุขของพวกเจ้า อย่าได้เผลอเดินทางผิดไป”
“ท่านตาวางใจเถิดเจ้าค่ะ หลานเข้าใจดี”
เหล่าอี๋หนิงโหวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นยืน “หลานสนทนาอยู่กับยายไปก่อนเถิด ตาเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารนกเลย”
เหล่าอี๋หนิงโหวรีบเดินก้าวขาออกไปทันที หญิงชราเบ้ริมฝีปากและกล่าวว่า “เขาซื้อนกแก้วแสนรู้มาตัวหนึ่ง อย่าได้ไปสนใจตาของเจ้าเลย”
ก็เพียงแค่นกแก้วตัวเดียว บัดนี้เป็นเพราะว่านางอายุมากแล้ว หากเป็นตอนที่นางยังอายุน้อยอยู่ล่ะก็ หากตาเฒ่าทำเรื่องราวน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ มีดของนางคงจะโบยบินออกไปอย่างแน่นอน