หางตาของอวี้จิ่นเหลือบมองไปเห็นฉีอ๋องเดินมาแต่ไกล แต่เขาไม่อยากไปสนใจ
แม้เขาจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะโง่เง่าผู้นี้จะต้องก่อเรื่องขึ้นแน่นอน และตัวเขาก็คาดหวังรอคอย แต่จะให้อีกฝ่ายมองออกไม่ได้
หากอีกฝ่ายมองออกแล้ว เขาจะทำให้อีกฝ่ายเกรงกลัวได้อย่างไร
“ท่านอ๋อง ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก” ผู้ที่กล่าวขึ้นคือคังจวิ้นอ๋องน้อยนั่นเอง
ตอนที่เดินทางเข้ามาในวัง ทั้งสองได้สนทนากันอยู่พักหนึ่ง ดังนั้นอวี้จิ่นจึงไม่รังเกียจที่จะให้ไว้หน้าเขาและร่วมดื่มกันจนหมดจอก
คังจวิ้นอ๋องน้อยยิ้มขึ้นว่า “ท่านอ๋องช่างเป็นคนที่ใจกว้างเสียจริง นับจากนี้ ต่อไปหากเชิญท่านอ๋องมาร่วมดื่มสุราด้วย หวังว่าท่านจะให้เกียรติเดินทางมา”
เซียงอ๋องผู้ที่เดินเข้ามาใกล้ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจ
อย่าเห็นว่าคังจวิ้นอ๋องน้อยเป็นเพียงแค่ชินอ๋องธรรมดา แต่ในตระกูลเขานับว่าเป็นผู้มีหน้ามีตาไม่น้อย ในอดีตคังจวิ้นอ๋องน้อยไม่เคยมาประจบประแจงเขาเช่นนี้เลย
ความรู้สึกไม่พึงพอใจทวีคูณมากยิ่งขึ้น ทำให้ความลังเลของเซียงอ๋องถูกขจัดทิ้งไปจนสิ้น
เขาก้าวเข้าไปด้านหน้าแล้วตะโกนว่า “พี่เจ็ด!”
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไป
เซียงอ๋องยกจอกสุราในมือขึ้นยิ้มแล้วกล่าวว่า “นับจากวันนั้น ข้ายังไม่เคยมีโอกาสสนทนากับท่านพี่เลย ในวันนี้ขอดื่มให้พี่เจ็ดสักหนึ่งจอก”
อวี้จิ่นมองไปแล้วยิ้มขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย
“พี่เจ็ดคงจะไม่คิดหักหน้าข้าใช่หรือไม่” จู่ๆ เซียงอ๋องก็รู้สึกประหม่า
พี่เจ็ดไอ้สารเลวนี่มักไม่ทำตามสถานการณ์ที่ดำเนินไป หากเขาไม่ร่วมดื่มสุรากับตนจอกนี้ แล้วแผนการจะสำเร็จได้อย่างไร
ในขณะที่เซียงอ๋องรู้สึกประหม่า อวี้จิ่นก็ได้ยิ้มขึ้นกล่าวว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า น้องแปดยินดีจะดื่มสุรากับข้า ข้ารู้สึกดีใจยิ่งนัก”
เซียงอ๋องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นโบกมือเรียกนางในคนหนึ่งเข้ามา นางในผู้นั้นเดินเข้ามาพร้อมกับถาดในมือ
เซียงอ๋องหยิบเหยือกสุราหยกขาวบนถาดนั้น ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้ารินสุราให้พี่เจ็ดเอง”
ก่อนหน้านี้อวี้จิ่นร่วมดื่มสุรากับคังจวิ้นอ๋องน้อย สุราในจอกนั้นหมดแล้ว การกระทำนี้ของเซียงอ๋องจึงไม่ได้เป็นที่ดึงดูดของผู้ใด
เซียงอ๋องใช้โอกาสชั่ววินาทีที่รินสุราลงไปสะบัดปลายนิ้วซึ่งซ่อนไว้ในแขนเสื้อเพื่อให้ยาหล่นลงไปในจอก การกระทำนี้ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมครามราวกับฟ้าร้อง ราวกับว่าหัวใจจะหลุดออกมาจากลำคอ
“เชิญพี่เจ็ด” เมื่อทุกสิ่งอย่างกระทำเรียบร้อยแล้ว เซียงอ๋องจึงได้ยื่นจอกสุราไปให้อวี้จิ่น โดยไม่ได้แสดงท่าทีผิดแปลกออกมา
อวี้จิ่นก้มลงมองไปที่จอกสุรา
สุราสีเหลืองอำพันสั่นคลอนไปมาอยู่ในจอกหยก เป็นจอกของราชวังที่ไม่อาจหาซื้อได้ตามท้องตลาด
สายตาของเขาจับจ้องอยู่เนิ่นนานจึงทำให้หัวใจดวงนั้นของเซียงอ๋องตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
พี่เจ็ดเฉลียวฉลาดยิ่งนัก เขาคงไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติไปใช่หรือไม่!
เซียงอ๋องอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสายตาของอวี้จิ่นที่จับจ้องไปทางจอกสุราซึ่งตนใส่ยาลงไป
สุราในจอกยังคงเป็นสีเหลืองอำพัน ดูไม่ต่างจากสุราในจอกของเขา
ไม่หรอก พี่เจ็ดไม่ได้พบความผิดปกติใด
เซียงอ๋องได้แต่ปลอบใจตนเอง ด้านหลังของเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
วินาทีนี้เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าทุกสิ่งอย่างมากมายที่เขาเป็นคนลงมือทำเอง แม้จะไม่อยากตื่นเต้นกังวลก็ไม่อาจควบคุมได้
เมื่ออวี้จิ่นพบว่าตนทำให้อีกฝ่ายตกใจได้พอประมาณแล้ว ในที่สุดเขาก็ยื่นจอกสุราออกไปยกชนกับจอกสุราของเซียงอ๋อง
เซียงอ๋องรู้สึกโล่งใจแล้วรีบชนจอกกับอวี้จิ่น
อวี้จิ่นใช้มือข้างหนึ่งยกจอกขึ้นไปที่ริมฝีปาก อีกข้างหนึ่งยกขึ้นช่วยประคองจอก จากนั้นเงยหน้าขึ้นดื่มจนหมดจอก
เซียงอ๋องมองไปทางริมฝีปากแดงเรื่อที่เปียกชุ่มไปด้วยสุรา ในที่สุดเขาก็วางใจ
เพียงแค่ดื่มเข้าไปก็พอแล้ว หากว่ายานั้นออกฤทธิ์ได้ดังเช่นพี่สี่กล่าวเอาไว้ ในวันนี้พี่เจ็ดก็คงจะจบเห่แน่
มุมปากของเขาเผยอขึ้นโดยไม่รู้ตัว เซียงอ๋องยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มอันแท้จริงก่อนจะเตรียมตัวกลับไปนั่งที่ตำแหน่งของตน
อวี้จิ่นเหลือบมองไปยังเขาแล้วยิ้มขึ้นจางๆ “น้องแปดอย่าได้รีบร้อนใจไป”
สีหน้าของเซียงอ๋องไม่ได้แสดงท่าทีใดออกมา แต่ในใจเขากลับปรากฏความระแวดระวังขึ้น
อวี้จิ่นเอื้อมมือไปหยิบเหยือกสุราที่เมื่อครู่เซียงอ๋องเพิ่งจะวางลงไปในถาด แล้วรินสุราจนเต็มจอกให้เซียงอ๋อง
การกระทำนั้นช่างว่องไวเหลือเกิน เมื่อเซียงอ๋องได้สติกลับคืนมาพบว่าสุรานั้นถูกรินจนเต็มจอกแล้ว
อวี้จิ่นรินสุราให้แก่ตนเองจนเต็มจอกเช่นกัน เขายกจอกแล้วยิ้มขึ้นว่า “พี่ขอดื่มให้น้องแปดจอกหนึ่งเช่นกัน”
เซียงอ๋องกุมจอกสุราหยกนั้นไว้ในมือแน่น เขารู้สึกกระสับกระส่าย
สีหน้าของอวี้จิ่นดูหม่นหมองเล็กน้อย กล่าวด้วยความไม่พึงพอใจว่า “ทำไมหรือ น้องแปดเจ้าไม่อยากดื่มหรืออย่างไร”
เซียงอ๋องชะงักลงแล้วรีบยิ้มขึ้นว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า”
เขาเดินตรงเข้ามาดื่มสุราให้แก่พี่เจ็ดท่ามกลางสายตาทุกคนจับจ้อง บัดนี้เมื่อพี่เจ็ดจะดื่มอวยพรกลับให้แก่เขา หากเขาปฏิเสธละก็ อีกสักครู่เมื่อพี่เจ็ดเกิดเรื่องใดขึ้นมาจริงๆ ทุกคนคงจะสงสัยว่าเป็นฝีมือเขา
คิดได้ดังนี้เซียงอ๋องก็ไม่กล้ารีรอ ยกจอกขึ้นดื่มจนหมด
“น้องแปดช่างยอดเยี่ยมเสียจริง” อวี้จิ่นยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วดื่มสุราในจอกของตน
จากนั้นเซียงอ๋องจึงได้ปลีกตัวออกมา เขาส่งสายตาไปทางฉีอ๋องอย่างเงียบๆ
ฉีอ๋องเดินตรงเข้ามาแล้วดื่มสุรากับเขาด้วยเช่นกัน
เมื่อพบว่าอวี้จิ่นไม่ปฏิเสธการดื่มสุรากับผู้ใด ในระยะเวลาอันสั้นเขาดื่มสุราไปหลายจอกทีเดียว ในที่สุดเซียงอ๋องก็รู้สึกโล่งใจ เขาแอบเช็ดเหงื่อที่อยู่ในฝ่ามือ เพื่อไม่ให้ดูเป็นที่แปลกตาเขาจึงได้ร่วมดื่มสุรากับคนอื่นเช่นกัน
ระหว่างที่ดื่มอยู่นั้นก็ไม่ลืมที่จะเหลือบตาไปมองดูอวี้จิ่น
พี่สี่กล่าวว่ายานั้นเมื่อดื่มเข้าไปก็จะออกฤทธิ์ภายในเวลาหนึ่งก้านธูป เหตุใดบัดนี้เจ้าเจ็ดจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
คาดว่ายังคงไม่ถึงเวลากระมัง อวี้จิ่นกำลังสนทนาและหัวเราะอยู่กับคนอื่นอย่างสนุกสนาน แต่หัวใจของเซียงอ๋องกลับดูกระสับกระส่าย ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปข้างกายของฉีอ๋องแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงอันเบาว่า “พี่สี่ เหตุใดจึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวเล่า”
ทางด้านของฉีอ๋องเองก็รู้สึกกระสับกระส่ายเช่นกัน เขาขมวดคิ้วตอบว่า “อาจเป็นเพราะร่างกายของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป…”
เจ้าเจ็ดคือผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์มาก่อน มองดูแล้วร่างกายเขาคงจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่น ทำให้ยาออกฤทธิ์ช้า
เซียงอ๋องได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล เขาจึงวางใจลงแล้วจับตาดูการเคลื่อนไหวต่อไป
ผ่านไปอีกชั่วครู่ ท่าทางของเซียงอ๋องดูเปลี่ยนไป เดิมทีแววตาที่ดูสดใสเปลี่ยนไปเป็นเหม่อลอยว่างเปล่าและเฉยชา
“น้องแปด เจ้าเป็นอะไรไปกัน” เมื่อฉีอ๋องสังเกตได้จึงรีบเอ่ยถาม
จู่ๆ เซียงอ๋องก็ลุกขึ้นยืน
ดวงใจของฉีอ๋องตกลงไปที่ตาตุ่ม เขารีบคว้าแขนเสื้อของเซียงอ๋องเอาไว้ กระซิบว่า “น้องแปด เจ้าจะทำสิ่งใด”
ขณะนั้นในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีการสนทนากันมากมายเสียงดังแซ่ซ้อง จึงไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ต่อให้มีใครมองมาเขาคงคิดว่าเซียงอ๋องจะลุกไปดื่มสุราให้แก่ผู้ใดสักคน
ณ บนแท่นสูง จิ่งหมิงฮ่องเต้เอ่ยถามไทเฮาด้วยความเอาใจใส่ว่า “หากเสด็จแม่เหนื่อย ลูกจะส่งท่านกลับไปพักผ่อนก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาพระชนมายุมากแล้ว นั่งเป็นเวลานานอาจทนไม่ไหว
หากเป็นเมื่อก่อน ไทเฮามักจะเสด็จกลับก่อนในงานครื้นเครงเช่นนี้ บัดนี้นางกลับส่ายหน้ากล่าวว่า “วันเวลาหมุนเวียนผ่านไป ไม่รู้ว่าข้าจะได้เห็นงานเลี้ยงอันครึกครื้นเช่นนี้ได้อีกสักกี่หน ข้ามองดูแล้วช่างดีใจยิ่งนัก”
“เสด็จแม่ชื่นชอบ ลูกยินดียิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ รอให้อากาศอุ่นขึ้นกว่านี้แล้วลูกจะให้ฮองเฮาจัดงานชมดอกไม้บานขึ้น ถึงเวลานั้นคาดว่าคงจะมีชีวิตชีวากว่านี้ เสด็จแม่อยากจะชื่นชมความครื้นเครงเช่นไรล้วนมีให้ชม อย่าได้กล่าวคำเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮายิ้มขึ้นแล้วพยักหน้า สายตามองไปทางอวี้จิ่น แววตาเต็มไปด้วยการสงสัย
สายประคำไม้กฤษณาที่เยี่ยนอ๋องมอบให้นั้นเป็นเพียงแค่ความบังเอิญหรือตั้งใจกัน
ทันใดนั้นเอง เซียงอ๋องก็ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือออกมาฉีกเสื้อผ้าด้านนอกของเขาออก วิ่งไปที่แท่นสูงนั้นด้วยดวงตาแดงเรื่อ
เขาวิ่งไปพลางฉีกเสื้อผ้าของตนออก ชั่วพริบตาเดี๋ยวก็เหลือเพียงเสื้อบางชั้นในสีขาวชิ้นเดียวเท่านั้น
เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คนในห้องโถงจึงลืมที่จะกรีดร้องแล้วได้แต่หยุดมอง สายตาเหม่อลอยจ้องไปยังเซียงอ๋องที่ก้าวขึ้นไปบนแท่นสูง
แม้แต่องครักษ์ที่มีหน้าที่คุ้มกันยืนอยู่ด้านข้างก็ยังตกใจอยู่ครู่หนึ่ง สมองของพวกเขาแล่นไปอย่างรวดเร็ว คิดวิเคราะห์ถึงปัญหาข้อหนึ่งขึ้นมาว่า เซียงอ๋องเสียสติจะทำร้ายฝ่าบาทหรือไร…แต่ดูจากท่าทางที่เขาเตรียมจะเปลือยเปล่า อาวุธจะซ่อนไว้ที่ใดกัน
ช่างเถิด ต่อให้ไม่มีอาวุธก็ควรจะกุมตัวเซียงอ๋องไว้ก่อนที่จะเข้าไปถึงข้างกายฝ่าบาท
องครักษ์ที่คิดได้ดังนี้ต่างพากันพุ่งตรงเข้าไปกุมตัวเซียงอ๋องเอาไว้