หลังจากที่เวียร์ได้รู้เรื่องที่ซูม่านลีหายตัวไป เมื่อมาถึงที่คฤหาสน์ ก็ได้รู้เรื่องที่ลี่หุยถูกลักพาตัว เมื่อเขามาถึงเขาสังเกตอาการของทุกคน
สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อนั้นไร้ความผิดปกติ แต่สีหน้าของลี่จุนถิงที่ค่อนข้างบึ้งตึง แม้ว่าเขาพยายามปกปิด แต่เวียร์ก็ดูออก
เจียงหยุนเอ๋อเองก็ดูออก “จุนถิง เป็นอะไร? ทางด้านเกิดปัญหาอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“คนที่ลักพาตัวลี่หุยฉันสงสัยว่าจะเป็นคนของอาเธอร์ หากเป็นคนของอาเธอร์จริงๆ การที่เขาลักพาตัวลี่หุยเรื่องนี้ไม่ง่ายแน่ ฉันเคยถามลี่เจี้ยนเย่ว่าโจรพวกนั้นได้พูดอะไรอื่นกับเขาอีกเหรอเปล่า เขาบอกว่าไม่มีอะไร แต่น้ำเสียงของเขาชัดเจนว่ามีเรื่องที่กำลังปิดบังฉันอยู่”
เมื่อเจียงหยุนเอ๋อได้ยินชื่ออาเธอร์ พลันขมวดคิ้วแน่น “ตอนนี้ยืนยันได้ไหมว่าเป็นฝีมือของเขา?”
“ยังไม่ได้ จะใช่อาเธอร์หรือไม่ต้องรอการรายงานจากซู่จี้งยี้”
หากเป็นอาเธอร์จริงๆ ละก็ ชีวิตของเจียงหยุนเอ๋อและคนอื่นๆ ในครอบครัวก็จะตกอยู่ในอันตราย
“หากเป็นฝีมือของอาเธอร์ละก็ คุณคิดว่าเขามีแผนการอะไร?” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกเป็นกังวลในใจ
“แผนการอะไรงั้นเหรอ? ก็ต้องเป็นชีวิตของเราสองอยู่แล้ว”
“เขายังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะรักษาคุณหนูเบ็ตตี้งั้นเหรอ? ” เจียงหยุนเอ๋อมีความรู้สึกว่าอาเธอร์เริ่มมีอาการหวาดระแวง
“ต่อให้ไม่ได้ทำเพื่อคุณหนูเบ็ตตี้ ก็เพื่อความอัปยศของเขาก่อนหน้านี้ก็ต้องแก้แค้นเราอยู่ดี และต่อให้เขาไม่มา ฉันก็ต้องคิดบัญชีกับเขาอยู่ดี”
ลี่จุนถิงที่เห็นสีหน้ากังวลของเจียงหยุนเอ๋อ จึงจับมือเล็กของเธอแน่น “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ครั้งนี้ผมจะปกป้องคุณให้ดีที่สุด”
เจียงหยุนเอ๋อจับจ้องสายตาที่หนักแน่นของเขา พอจะทำให้เธอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
“ใช่สิ ช่วงนี้ทางด้านซูซีหลี่ได้ติดต่อคุณบ้างไหม?”
“ไม่เลย ตอนนี้เลยเวลานัดหมายมาแล้ว แต่เขายังไม่ได้ติดต่อฉันเลย”
“โอเค ถ้างั้นเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ฉันเคยสืบประวัติเขา เขามีนิสัยชอบเหยียดหยามคนอื่นอารมณ์ร้าย หากเขาไม่ได้ติดต่อคุณ ก็แสดงว่ามีเรื่องบางอย่างที่ตระกูลซูผูกมัดเขาเอาไว้ ถ้างั้นแม่ยายก็จะไม่มีอันตรายอะไร”
“แถมเขายังไม่ได้ของที่ต้องการ เขาก็จะไม่ทำร้ายแม่ยาย”
ตระกูลซูค่อนข้างใหญ่ แถมยังมีลูกหลานมากมาย หุ้นส่วนร้อยละสิบห้านั้นมีความสำคัญกับเขาอย่างมาก หากไม่ได้มันมาเขาไม่มีทางฆ่าคนง่ายๆ แน่
“โอเค ตอนนี้ฉันรอข้อความจากเขาอยู่ หากมีอะไรคืบหน้า ฉันจะบอกคุณทันทีเลย”
ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างประดังเข้ามาไม่ขาด เจียงหยุนเอ๋อก็ค่อนข้างเหนื่อยล้า
“แล้วก็ช่วงนี้คุณกับแม่อย่าออกจากบ้านจะดีที่สุด ฉันจะจัดคนมาเอง”
“ได้เลย!”
ตอนนี้ไม่มีวิธีที่ดีที่จะหลบเลี่ยงเรื่องราวเหล่านี้ได้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เจียงหยุนเอ๋อทำได้คือการปกป้องชีวิตของตัวเองและลูกๆ ให้ดีที่สุด
ตกดึกเมื่อทานอาหารเสร็จ เจียงหยุนเอ๋อไปเล่นเป็นเพื่อนถวนจื่อและเจ้ากุ่นกุ่นน้อยเช่นเดิม คืนวันนี้ลี่จุนถิงไม่ได้ตามเข้าไปกับเจียงหยุนเอ๋อซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพราะซู่จี้งยี้ได้ข่าวคราวอะไรบางอย่าง เลยต้องรายงานกับเขาโดยด่วนที่สุด ตอนนี้เขารอลี่จุนถิงอยู่ที่ห้องทำงาน
เจียงหยุนเอ๋อเองก็รู้ว่าซู่จี้งยี้มาที่นี่ ก่อนที่เธอจะไปดูแลลูกๆ เธอ ก็ได้กำชับในครัวให้ทำบะหมี่ให้กับซู่จี้งยี้ เดินทางมาดึกดื่นป่านนี้ เขาคงจะยังไม่ได้กินอะไร
ซู่จี้งยี้ที่เห็นลี่จุนถิงยกบะหมี่เข้ามา เขาก็ตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ประธานลี่นำของกินมาให้กับเขาด้วยตัวเอง เขาเลยรีบลุกขึ้น รับถ้วยบะหมี่มาไว้
“ประธานลี่ ท่านสั่งให้ในครัวทำให้ผมเหรอ? ” อันที่จริงซู่จิ้งยี้คิดจะถามประธานลี่ว่าเขาทำให้ตนกับมือหรือเปล่า แต่เมื่อลองไตร่ตรองให้ดี นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงเปลี่ยนคำถาม
เขาไม่คิดเลยว่าลี่จุนถิงจะทำเสียงเย็นชาใส่เขา “เจียงหยุนเอ๋อกำชับให้ในครัวทำ เห็นว่าคุณมาดึกดื่น คงจะยังไม่ได้ทานอะไร”
“ถ้างั้นรบกวนประธานลี่ฝากคำขอบคุณให้กับนายหญิงด้วย”
ลี่จุนถิงพยักหน้ารับ พลันหยิบเอกสารที่ซู่จี้งยี้นำมาขึ้นพลิกอ่าน
“นายกินก่อนเถอะ กินให้เสร็จก่อน เดี๋ยวฉันจะดูไปเองก่อน”
เมื่อซู่จี้งยี้เห็นลี่จุนถิงหยิบเอกสารขึ้น จึงคิดที่จะวางบะหมี่ที่เพิ่มทานไปลง ก็ถูกลี่จุนถิงขัดขึ้นเสียก่อน ซู่จี้งยี้จึงพยักหน้า พลันมุดหัวลงกับบะหมี่เช่นเดิม
ดีที่บะหมี่ชามนี้มีน้ำซุป ด้วยไม่เช่นนั้นซู่จี้งยี้อาจจะต้องติดคอตาย เพราะบะหมี่ซู่จี้งยี้สาบานได้เลยว่านี่เป็นมื้อที่เขาทานเร็วที่สุดมื้อหนึ่ง ไม่ถึงสามสี่นาทีก็กินหมดแล้ว
หลังซู่จี้งยี้ทานเสร็จ จึงนำชามไปคืนในห้องครัว แถมยังกล่าวขอบคุณห้องครัวอีกต่างหาก
ระหว่างทางที่เดินกลับไปที่ห้องหนังสือ ซู่จี้งยี้ก็ได้พบกับเจียงหยุนเอ๋อที่พาเจ้ากุ่นกุ่นน้อยและถวนจื่อออกมาเล่นเข้าพอดี ซู่จี้งยี้จึงขอบคุณแสดงความตื้นตันของตนเองกับเธอ
ขณะที่ซู่จี้งยี้ขอบคุณ ก็ได้ยินเสียงกระแอมไอเข้ากะทันหัน เมื่อหันกลับไปก็พบกับลี่จุนถิงที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ที่ชั้นสอง
ซู่จี้งยี้หัวเราะคิกๆ ก่อนจะบอกลาเจียงหยุนเอ๋อแล้วรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบน
เมื่อเข้ามายังห้องหนังสือ ซู่จี้งยี้ก็ได้พบกับลี่จุนถิงที่จับจ้องเขาด้วยสีหน้าเฉยชา
“ประธานลี่ อย่า…อย่าเข้าใจผิดสิ ฉันแค่ไปขอบคุณนายเท่านั้นเอง”
ลี่จุนถิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเฉยชา “ว่ามาสิ”
“อะ…อะไร?”
ซู่จี้งยี้เพิ่งกินอาหารเสร็จ สมองจึงทำงานค่อนข้างช้าในเวลาอันสั้น เขาตามเรื่องราวที่ลี่จุนถิงกล่าวไม่ทัน เมื่อเห็นสายตาของลี่จุนถิง ถึงนึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายที่เขามาที่นี่คืออะไร
“เอ่อ…ผมได้สืบผู้หญิงคนนั้นของลี่หุยแล้ว ภายนอกเธอเป็นคุณหนูชาวญี่ปุ่นของตระกูลคินะ มีชื่อว่าคินะคุมิโกะ”
“ผมยังได้สืบค้นประวัติการเดินทางของเธอในช่วงหลายปีมานี้ด้วย สถานที่ที่ไปบ่อยที่สุดคืออิตาลี บราซิลแถบอเมริกาใต้ อาร์เจนตินากับที่อื่นๆ อีกหลายที่ โดยส่วนใหญ่แล้วสอดคล้องกับตำแหน่งที่ตั้งของอาเธอร์”
“เราสามารถยืนยันได้แล้วว่าคินะคุมิโกะเป็นคนของอาเธอร์ และพบยังพบว่าคนของอาเธอร์ปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณของโรงแรมที่ลี่หุยและคินะคุมิโกะอยู่ ก่อนที่คินะคุมิโกะจะได้รู้จักกับลี่หุย เธอเคยพบกับคนของอาเธอร์เป็นการส่วนตัวมาก่อน”
ลี่จุนถิงลูบคาง พลางเผยสีหน้าไตร่ตรองออกมา
“ตอนนี้เราสามารถยืนยันได้แล้วว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของอาเธอร์ คุณไปหาชิงโม่ ให้เขาสืบหาที่อยู่ของอาเธอร์ให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วก็บอกเฟิงจิงเป่ยด้วย ว่าฉันต้องการความช่วยเหลือ”
“โอเค รับทราบ ประธานลี่ คุณยังมีอะไรอื่นอีกไหม? หากไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปก่อน”
ลี่จี้งยี้คาดเดาว่าลี่จุนถิงคงจะกำชับทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว จึงลุกขึ้นเตรียมลากลับ
“เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกเรื่อง ต่อจากนี้หลังห้าโมงเย็นไม่ต้องมาหาฉันที่บ้านอีก อืม…ห้าโมงครึ่งแล้วกัน มีเรื่องอะไรก็ให้ติดต่อทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็วิดีโอคอลมา”
ซูจี้งยี้ไม่คิดเลย ว่าลี่จุนถิงจะออกคำสั่งแบบนี้กับเขา