“ใช่ ทารีนาติดอยู่ในคุกมานานแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะออกมาแล้ว คุณหญิงทารีนารอจนรีบร้อนไปหมดแล้ว” วารุณีพยักหน้า
จากนั้น เธอก็ยืนขึ้น “งั้นฉันโทรหาคุณหญิงทารีนา แจ้งข่าวดีเธอหน่อย”
นัทธีตอบอืม “ไปเถอะ”
วารุณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เดินไปข้างนอกพร้อมกับโทรศัพท์
ทันใดนั้นนัทธีก็นึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช่นกัน แล้วโทรไปหามารุต
เสียงมารุตโผล่ขึ้นมาทันที “ท่านประธาน”
“ ในห้องนวิยาติดกล้องวงจรปิดอยู่ใช่ไหม?” นัทธีถามเสียงเข้ม
มารุตขับรถไป ตอบไป “ครับ กล้องวงจรปิดมีเสียง”
“ งั้นนายคัดลอกทุกอย่างที่เธอทำผิดต่อกฎหมายในเมื่อก่อนจากกล้องวงจรปิดออกมา แล้วส่งไปให้ตำรวจ คดีของทารีนา สามารถพลิกคดีได้” นัทธีเม้มปากแล้วพูด
มารุตพยักหน้า “ครับ อีกสักพักผมจะเข้าไปในสถานีตำรวจ”
“อืม” นัทธีพยักหน้าเล็กน้อย แล้ววางสายไป
ในจังหวะเดียวกันพอดี วารุณีเองก็กลับมาหลังจากโทรศัพท์เสร็จ
นัทธีมองเธอ “คุยเสร็จแล้วเหรอ?”
“คุยเสร็จแล้ว คุณหญิงทารีนาตื่นเต้นมาก จนร้องไห้เลย” วารุณีกลับมานั่งลงตรงข้างเขา
นัทธีเม้มปาก “เป็นธรรมดา ทารีนาจริงๆ แล้วไม่ได้มีความผิด คุณหญิงทารีนาตั้งใจอยากให้ลูกสาวตัวเองออกมา แต่เพราะเราไม่เคยจับนวิยาได้มาก่อน เพราะฉะนั้นทารีนาเลยติดอยู่ในคุกขนาดนี้ ตอนนี้ทารีนาออกมาได้แล้ว เธอก็ต้องตื่นเต้นมากเป็นธรรมดา”
“พูดถูกค่ะ” วารุณีวางโทรศัพท์ลงรอยยิ้ม
นัทธีโอบที่เอวเธอ “เมื่อกี้ผมให้มารุตไปที่สถานีตำรวจให้พลิกคดีของทารีนา”
“อย่างงั้นก็ดีเลยค่ะ” วารุณีตาเป็นประกายทันที “แต่ทารีนาออกมาได้เร็วสุดแค่ไหน?”
“ไม่แน่ใจ แต่ช้าสุดไม่เกินครึ่งเดือน” นัทธีคิดสักพักแล้วตอบ
วารุณีลิตา “เพราะฉะนั้นคุณหมายความว่า จะวางแผนภายในครึ่งเดือนนี้ จัดการนวิยา?”
“เธอมีชีวิตอยู่มานานพอแล้ว” นัทธีพูดอย่างเย็นชา
พ่อแม่ของเขา รออยู่ข้างล่างมาสิบแปดปีแล้ว รอจนเจอขงเบ้ง ตอนนี้ก็เหลือแค่นวิยาพี่ต้องไปขอโทษแล้ว
นอกจากนี้ คู่สามีภรรยาประธานธนงค์ทั้งสองคน ก็คงคิดถึงนวิยาลูกสาวคนนี้มากแล้วล่ะ
วารุณีถอนหายใจ “คุณพูดถูก บางคน อยู่นานไปก็ไม่ใช่เรื่องดี”
“ใช่ ที่นวิยาเคยพูดกับเธอไว้มาก่อน เธอวางแผนจะจัดการยังไง?” นัทธีมองที่เธอ
วารุณีอ่านความหมายในสายตาเขาออก “คุณหมายถึงสิ่งที่พงศกรทำ?”
นัทธีไม่พูดอะไร
วารุณีหลับตาแล้วพูดว่า “พูดตามตรง ฉันเพิ่งติดต่อไปหาพงศกร แต่ติดต่อไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่จังหวัดจันทร์แล้ว ฟังจากที่ปาจรีย์พูด เหมือนว่าเขาจะไปตามหาฆาตกร การจากไปของเขา ทำให้ฉันโล่งใจไปหนึ่งเปราะ เพราะฉันไม่รู้จริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับเขายังไง เขาทำให้อารัณรถคว่ำ ทำโกดังถูกไฟไหม้ ผ้าทั้งหมดถูกทำลาย ใจฉันเกลียดเขา แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อห้าปีก่อนถ้าไม่ใช่เธอ ฉันกลับอารัณสามแม่ลูก คงตายทั้งกลมไปนานแล้ว ฉันเลยไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
เมื่อมองไปที่ท่าทางลำบากใจของวารุณี ดวงตาเป็นสีเข้ม “ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงจริงๆ งั้นให้ผมเป็นคนจัดการนะ”
“ให้คุณ?” วารุณีตะลึงสักพัก แล้วมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของชายคนนั้น หวั่นๆ ในใจ “ที่รัก คุณคงไม่……ทำแบบนี้ใช่ไหม?”
ขอเธอเริ่มขยับเป็นจังหวะ แล้วส่ายไปมา “อย่าเชียวนะ ถึงแม้ว่าพงศกร จะทำเรื่องให้ฉันโกรธ แต่ยังมีเรื่องของบุญคุณอยู่ พวกเราทำกับเขาแบบนั้นไม่ได้”
“คิดถึงเรื่องนี้ ผมไปฆ่าเขาหรอก” นัทธีเม้มปากแล้วพูดเบาๆว่า “ตามที่คุณพูด เขาช่วยชีวิตคนสามแม่ลูกไว้ บุญคุณนี้ ผมจำได้ แต่ตอนนี้เขาทำให้อารัณประสบอุบัติเหตุทางรถ ทั้งทำลายแรงกายแรงใจของคุณ เท่านี้มันก็มากพอที่จะชดใช้บุญคุณเขาจนหมด ผมทำได้แค่ส่งเขาไปต่างประเทศ แล้วไม่ให้เขากลับมาอีก”
วารุณีโล่งใจ “แบบนี้สินะ งั้นก็ดี บางทีแบบนี้คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่พงศกรทำ ได้ทำลายบุญคุณและมิตรภาพที่เคยมีในเมื่อก่อน บางทีการที่พวกเราไม่เจอกันอีก ก็คงจะเหมาะมากที่สุด”
นัทธียกคางขึ้นเล็กน้อย “แต่ในเมื่อคุณบอกว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในประเทศ งั้นก็รอหลังจากที่เขากลับมา แล้วค่อยไปคุยกันเขาให้รู้เรื่อง ถ้าเขาไม่ไป ผมจะส่งเข้าไปเอง ถ้าเขาเต็มใจที่จะไปเอง ผมก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น”
วารุณีตอบรับ “ค่ะ”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตา ก็ผ่านมาแล้วสองวัน
สายจากสถานีตำรวจโทรเข้ามา คำรับสารภาพของนวิยาได้มีผลตามกฎหมาย พิสูจน์แล้วว่าคนที่ลงมือกับเมื่อสองครั้งก่อนวารุณีคือนวิยาเอง ไม่ใช่ทารีนา
คดีติดตัวของทารีนาถูกชำระล้าง ซึ่งหมายความว่า ทารีนาสามารถออกมาได้แล้ว
แต่เนื่องจากทารีนาตั้งใจที่จะรับโทษแทนนวิยา พฤติกรรมนี้ส่งผลต่อกฎหมายไม่มากก็น้อย แต่เนื่องจากทารีนาอยู่ในคุกเป็นเวลาเกือบครึ่งปี ทางด้านสถานีตำรวจ ก็ไม่ได้ลงโทษอะไรทารีนา เพียงแต่ตำหนิด้วยจาวาไป
แต่อย่างไรก็ตามการนั่งจำคุกอยู่ครึ่งปีของทารีนา ก็นับว่าเป็นการลงโทษไปแล้ว
เชื่อว่าต่อไปทารีนาคงไม่ทำเรื่องโง่แบบนี้
ดันนอกเรือนจำ คุณหญิงทารีนาและวารุณียืนอยู่ด้วยกัน มองไปที่ประตูเรือนจำฝั่งตรงข้าม
นัทธีไม่ได้มาด้วย เขาไปที่คฤหาสน์ตระกูลแก้วสุทธิ
ทารีนาออกมาแล้ว นวิยาสามารถเกษียณอายุตัวเองได้เลย
คุณหญิงทารีนามองไปที่ประตูเรือนจำที่ปิดสนิท มือสองข้างกุมกันไว้ เธอตื่นเต้นจนหาที่วางไม่ได้
ถ้าตอนนี้เธอไม่ได้นั่งรถเข็นอยู่ วารุณีเองก็คิดว่า เธอคงเดินไปมาอย่างร้อนใจ
“คุณหญิงทารีนา ท่านใจเย็นๆ ก่อนนะคะ อีกสักพักคุณลีน่าก็ออกมาแล้วค่ะ” วารุณีมองไปที่อาการตื่นเต้นจนสงบสติอารมณ์ไม่ได้ รีบเกลี้ยกล่อม
คุณหญิงทารีนานั้นร่างกายไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เธอกลัวว่าอีกเดี๋ยวจะตื่นเต้นจนเป็นลมไป
คุณหญิงทารีนาได้ยินวารุณีพูด จึงยิ้มฝืน “คุณหญิงอัณณ์ ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอพูดนะ แต่ฉันใจเย็นได้ที่ไหนกันล่ะ ฉัน ฉันตั้งหน้าตั้งตา คาดหวังจนสุดท้ายทารีนาก็ออกมาได้ เพราะฉะนั้นหัวใจของฉัน……”
“ฉันรู้ค่ะฉันรู้” วารุณีขัดจังหวะเธอด้วยน้ำตาและเสียงหัวเราะ “งั้นเอาเลยค่ะ ฉันท่านต่อเลยค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรแล้วค่ะ”
ใช่ การตั้งหน้าตั้งตารอการกลับมาของลูกสาว สถานการณ์แบบนี้ ทำให้คนตื่นเต้นจนไม่สามารถสงบสติได้เลยจริงๆ
เธอคิด ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน
คิดแบบนี้แล้ว วารุณีก็ไม่เกลี้ยกล่อมอีก
ไม่นาน ก็ถึงเวลา ประตูเรือนจำวันใหญ่ค่อยๆเปิดออก
คุณหญิงทารีนาอดไม่ได้ ไถรถเข็นไปข้างหน้าแล้วสองถึงสามเมตร
เธออยากจะไปเห็นลูกสาวของเธอเร็วๆ
วารุณียังคงเย็นอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน ยืนพิงรถมองไปที่ประตูเรือนจำบานใหญ่
ร่างผอมบางเดินออกมาจากข้างใน ผมสั้นสีเหลือง ใบหน้าขาวรูปไข่ขาวซีด พร้อมกับรูปร่างที่ล้มได้ทันทีที่ลมพัด มองไปยิ่งน่าสงสาร
แต่ดวงตาที่เปล่งประกายของเธอคู่นั้น แบบทำให้สะดุดตาคนเป็นพิเศษ
ดวงตาที่มองขึ้นไปบนฟ้า นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและความปรารถนาในอนาคตอย่างชัดเจน
วารุณีเลิกคิ้ว และแอบชื่นชมทารีนาในใจ
ดูแล้วการติดคุกไม่ได้ทำให้ทารีนารู้สึกว่าลมและลุกขึ้นมาไม่ได้ กลับกัน อนาคตของเธอ กลับเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
แบบนี้ก็ดี ทารีนาที่เป็นแบบนี้ จะได้ไม่เป็นภาระของตระกูลไวยนพ
“ทารีนา” คุณหญิงทารีนามองไปที่ทารีนา บนใบหน้าเหี่ยวย่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มความตื่นเต้น ในตาคู่นั้น ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาไหลออกมา
เสียงของคุณหญิงทารีนา ทำให้ร่างของทารีนาชะงักไปครู่หนึ่ง
วินาทีถัดมา ทารีนาก็รีบก้มหัวลง มองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่รถเข็นตรงข้าม ดวงตาก็เริ่มแดงขึ้น เสียงสะอื้นตะโกนขึ้น “แม่!