บทที่ 790 ความลับที่ซ่อนอยู่
ตู้ชิงหยูเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียว สูงโปร่งกว่าหญิงทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับกู้หวนอวี้แล้ว เขาสูงกว่านางมากนัก
ดูจากภายนอกแล้วเหมือว่ากู้หวนอวี้กำลังกอดตู้ชิงหยูเอาไว้ แต่แท้จริงแล้วเป็นหลังของหญิงสาวที่สัมผัสกับหน้าอกของกู้หวนอวี้ พวกเขาใส่เสื้อผ้าเนื้อบางเนื่องจากเป็นหน้าร้อน ตู้ชิงหยูจึงรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อหน้าอกที่แข็งแกร่งของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
แน่นอนว่านางเคยเห็นด้วยตาและสัมผัสมาเองด้วยมือของตนแล้ว
แค่ได้คิดถึงก็รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาเลยทีเดียว
ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งคิดเกินเลยกับตนเองเหมือนเช่นกู้หวนอวี้กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ และหากเป็นเช่นปกติ นางคงได้เอ่ยปากหยอกเย้าล้อเลียน ไม่ก็แอบสัมผัสลูบไล้กล้ามเนื้อที่ว่าอย่างแน่นอน
ตู้ชิงหยูรีบผละออกจากอ้อมแขนของตู้ชิงหยูทันที
ชายหนุ่มทำท่าไม่ถือสากับอากัปกิริยาของนาง เขายังมีรอยยิ้มอ่อนโยนอยู่บนใบหน้า ทำให้ตู้ชิงหยูอดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วนางอาจคิดมากไปเอง
แต่นั่นเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ไม่นานนักทั้งสองคนก็เพลิดเพลินดื่มด่ำไปกับรูปภาพที่วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากพากันวิเคราะห์ข้อมูลและความเป็นไปได้แล้ว ทั้งสองคนต่างคิดเหมือนกันว่ารูปภาพน่าจะเป็นของจริง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยง
ตู้ชิงหยูคิดว่าหากนางเข้ากันได้ดีกับกู้หวนอวี้เช่นนี้ย่อมไม่เป็นการดี นางจึงขอตัว
“ข้าจองร้านอาหารหนิงเฟิ่งไว้แล้ว” กู้หวนอวี้เอ่ย
“ข้าไม่กินอาหารกลางวัน ข้าจะกลับไปกินอาหารเย็นกับเสี่ยวไป๋”
“ชิงหยู ข้าได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับภาพวาดนี้มาบ้าง เจ้าสนใจที่จะฟังบ้างหรือไม่?”
ตู้ชิงหยูย่อมสนใจแน่นอนอยู่แล้ว นางตื่นเต้นอยากฟังจนลืมเรื่องก่อนหน้าไปหมด
“ถ้าเช่นนั้น ท่านจะเล่าให้ข้าฟังในระหว่างกินข้าวได้หรือไม่ เสี่ยวไป๋ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่จำเป็นต้องคอยดูแลตลอด ท่านจะให้ข้าไปด้วยใช่หรือไม่?”
กู้หวนอวี้ยิ้มพยักหน้ารับ
เมื่อทั้งสองคนเดินออกจากห้องก็เห็นสาวใช้ชะเง้อมอง พวกเขาต่างมองหน้ากัน เมื่อสาวใช้เห็น พวกนางรีบถอนสายตาแล้วแสร้งทำเป็นกวาดพื้นต่อ หลังจากกู้หวนอวี้และตู้ชิงหยูไปแล้ว พวกนางจึงได้เริ่มซุบซิบกัน
“นายน้อยที่แต่งตัวเป็นบุรุษผู้นั้น แท้จริงแล้วเป็นสตรีที่นายน้อยรองชอบพอใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว นางเป็นเพื่อนกับคุณหนู ข้าเคยเจอนางมาก่อน ครั้งนั้นข้าสะดุดจนเกือบหกล้ม นางช่วยข้าเอาไว้ ตอนนั้นข้าเอาแต่คิดว่าเหตุใดจึงมีนายน้อยหน้าตาหล่อเหลาได้ขนาดนี้ หัวใจข้าเต้นแรงมาก ในใจคิดอยากแต่งงานกับเขาเพียงผู้เดียว ช่างน่าเสียดายข้ามารู้ทีหลังว่าเป็นสตรี ข้าจึงได้แต่เศร้าใจ ถ้าหากนายน้อยรองตกหลุมรักนางเข้าจริง นับว่านายน้อยรองตาถึงไม่น้อย”
“จริงด้วย หากเป็นเช่นนั้นข้าไม่รู้สึกเสียใจเลย ถ้านางแต่งงานกลายเป็นภรรยาของนายน้อยรองก็ดีสิ…ข้าจะได้เจอนางทุกวัน” สาวใช้ผู้นั้นจินตนาการต่อ
“เจ้าชอบหรือ? หากนายน้อยรองรู้ว่าเจ้ามีใจกับคนรักของเขาเข้า…”
“ไร้สาระ ข้าไม่ได้มีความคิดอื่นใด นอกจากคิดว่าเป็นบัณฑิตที่เก่งกล้าสามารถ นางเป็นความภูมิใจและถือได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาให้สตรีเพศเช่นเรา”
“ฟังวาจาเจ้าแล้ว ข้าอดคิดชอบด้วยไม่ได้เลย”
“ใช่! ข้าเองก็คิดอยากให้เขาแต่งงานกันให้เร็วที่สุดเช่นกัน” เสียงคนผู้หนึ่งขัดจังหวะการสนทนาขึ้น สาวใช้ทั้งสองต่างพยักหน้าให้แก่กันอย่างเห็นด้วย ไม่นานนักจึงได้รับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไป
จะมีเสียงของบุคลที่สามมาจากไหน?
สาวใช้หันหน้าไปเห็นผู้ที่ยืนอยู่ข้างหลัง พวกนางหวาดกลัว เข่าแทบอ่อน
“ฮูหยิน!”
ฮูหยินกู้ยืนอยู่ตรงหน้า นางได้ยินว่าตู้ชิงหยูมาหาบุตรชายจึงอดใจไม่ไหวต้องรีบเดินมาสังเกตการณ์ สาวใช้ทั้งสองเห็นฮูหยินกู้ชะเง้อคอมองเช่นกัน จึงได้รับรู้ว่านางได้แอบดูหนุ่มสาวสองคนเหมือนพวกนาง
ตู้ชิงหยูไม่ใช่คนแปลกหน้า นางเป็นเพื่อนสนิทของถังหลี่ ทั้งยังเคยมาจวนสกุลกู้กับถังหลี่บ่อยครั้ง ฮูหยินกู้ชื่นชมตู้ชิงหยูในฐานะเพื่อนของบุตรสาว อีกทั้งนางยังเป็นสตรีที่มีความรู้ความสามารถถือได้ว่าเป็นขงจื๊อแห่งยุคสมัยนี้ แม้แต่เว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเองก็ยังเป็นลูกศิษย์ของนาง
เมื่อก่อนตู้ชิงหยูจะมาตามคำเชิญของบุตรสาว หากครั้งนี้นางมาเพราะคำเชิญชวนของบุตรชาย แล้วจะไม่ให้ฮูหยินกู้ยินดีได้อย่างไร
เมื่อได้ยินคำซุบซิบของสาวใช้ที่ตรงกับใจ นางจึงไม่รีรอที่จะเข้าร่วมสนทนาด้วยทันที
สาวใช้สองคนดูหวาดกลัว ฮูหยินกู้จึงเอ่ยว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ข้าคิดว่าเจ้าพูดจาได้เข้าที ข้าเห็นด้วย”
สาวใช้ทั้งคู่จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก ฮูหยินกู้น่าจะชอบแม่นางตู้ชิงหยูเช่นกันสินะ
……….
กู้หวนอวี้และตู้ชิงหยูไม่ได้รู้เรื่องราวหลังจากที่พวกเขาออกจากจวนสกุลกู้แล้วแม้แต่น้อย
พวกเขานั่งรถม้าไปยังร้านอาหารชิงเฟิง ทั้งคู่เข้าไปในห้องรับรองส่วนตัว อาหารที่ยกออกมาทุกจาน ล้วนเป็นจานโปรดของตู้ชิงหยูทั้งสิ้น
แม้กู้หวนอวี้จะไม่ได้วางแผนรุกนางแต่เขาเป็นคนอ่อนโยนมีน้ำใจอยู่เสมอ ต้องบอกว่าเขาเป็นคนดีมากจริงๆ
บัณฑิตสามารถนำสันติภาพมาสู่ใต้หล้าด้วยพู่กันฉันใด ทหารย่อมนำความสงบมาสู่ใต้หล้าด้วยม้าศึกของเขาฉันนั้น
กู้หวนอวี้เป็นคนที่เก่งทั้งบู๊และบุ๋นอย่างหาตัวจับได้ยาก เขายังเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจ รูปร่างหน้าตาโดดเด่นเกินกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่…
กู้หวนอวี้ดูแลเรื่องอาหารให้ตู้ชิงหยู จากนั้นจึงได้พูดคุยกับนางเรื่องภาพวาด
ภาพวาดที่เขาพูดถึงนั้นถูกขายในตลาดหลายทอดก่อนที่จะตกมาสู่มือเขา ตู้ชิงหยูฟังอย่างสนใจ หลังจากกินอาหารกลางวันเรียบร้อย กู้หวนอวี้ก็เล่าเรื่องราวของภาพวาดเกือบจบลงแล้ว
จานเปล่าถูกยกออก เสี่ยวเอ้อยกชามาวางไว้แทน ตู้ชิงหยูจิบชา เหม่อมองทิวทัศน์นอกหน้าต่าง รับรู้ถึงสายลมที่พัดโชยเข้ามาปะทะที่ใบหน้า นางหรี่ตาลง
กู้หวนอวี้ไม่อาจละสายตาจากหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าของตนได้ เขารู้สึกเหมือนต้องมนตร์ หญิงสาวเห็นเขาจ้องมองตนเองเช่นนั้นจึงพูดติดตลกขึ้นว่า
“เหตุใดถึงได้จ้องมองข้าเช่นนั้นเล่า? ทิวทัศน์ข้างนอกงดงาม…”
“เจ้างดงามกว่า…” เขาขัดขึ้นด้วยทีท่าจริงจัง เป็นธรรมชาติ หน้าไม่แดงด้วยซ้ำ แต่ตู้ชิงหยูกลับหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงรัว แต่แล้วนางกลับสงบลงได้อย่างรวดเร็ว
“กู้หวนอวี้ เรามาคุยกันเถอะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“ได้สิ”
“ท่านอย่าได้มาเสียเวลากับข้าเลย ข้าไม่อยากมีลูก ข้าไม่อยากผูกมัดตนเองไว้ในเรือนหลัง ข้าชอบอิสระ และ..ข้าไม่คิดจะแต่งงาน..” หลังจากที่นางพูดจบ ท่าทีของกู้หวนอวี้สงบมาก
เหตุใดเขาจะไม่รู้จักนิสัยของสตรีผู้นี้?
เขาก็คิดเรื่องของตนเองเช่นกัน เขาต้องไปสนามรบในวันใดไม่มีใครรู้ เขาไม่อาจอยู่เคียงข้างนางได้ตลอดเวลา แต่เมื่อคิดว่าวันหนึ่งนางอาจจะชอบคนอื่นที่ไม่ใช่เขา กู้หวนอวี้ก็ไม่อาจปล่อยวางได้
“ข้าไม่คิดว่าสิ่งที่ข้าทำลงไปเป็นเรื่องเสียเวลาเลยสักนิด ข้ามีความสุขยามที่ได้เล่นหมากและแลกเปลี่ยนความเห็นกับเจ้าราวกับเจ้าเป็นสหายคนสนิท”
ตู้ชิงหยูแปลกใจ
สหายคนสนิท…ใช่..นางก็รู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเขา
“สำหรับเรื่องการพบปะกัน หากเจ้าไม่ต้องการพบข้า ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า ข้าจะปรากฏตัวต่อหน้ายามที่เจ้าต้องการพบข้าเท่านั้น”
ตู้ชิงหยูถอนหายใจมองเขา
“แต่ข้าไม่ชอบท่าน นั่นไม่ยุติธรรมต่อท่านเลย” กู้หวนอวี้มองหญิงสาวรู้สึกได้ถึงเมฆหมอกที่ปกคลุมนางจนทำให้เขาเห็นนางได้ไม่ชัดเจน
เขามีลางสังหรณ์อยู่ลึกๆ ว่าหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี ใจกว้าง
อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ได้ซ่อนบางอย่างเอาไว้ในใจของตน