บทที่ 598.2 ความลับของซิ่นหยาง
บัดนี้ทั้งตำแหน่งและวงศ์ตระกูลของราชครูจวงได้ถูกทำลายจนหมดสิ้น
“เช่นนั้นก็ขับไล่เขาออกจากวงศ์ตระกูลเสีย” ฮ่องเต้ตรัสขณะที่กำลังทอดพระเนตรฎีกา “จวงอวี้เหิงคือคนที่ทำลายพระราชโองการกำมะลอของอดีตราชวงศ์ ถือว่าเป็นการทำคุณประโยชน์ ฉะนั้นเขาจะไม่ถูกทำโทษ”
องค์หญิงตรัสเสริม “ตั้งแต่เจ้าเด็กนั่นได้รู้จักกับอาเหิงก็เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน”
“เพราะลูกของพวกเราสั่งสอนเขาเป็นอย่างดี อย่างนี้เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” นานๆ ทีที่จะได้เห็นเซวียนผิงโหวแสดงสำบัดสำนวน
แล้วก็นานๆ ทีที่องค์หญิงซิ่นหยางจะไม่โต้กลับหลังจากที่เขาใช้คำว่า ‘พวกเรา’
ฮ่องเต้ทรงเริ่มมึนงงที่จู่ๆ เห็นสองคนนั้นพร้อมใจกันออกปากชมลูกชาย
“ฮองเฮาทรงคิดถึงเจ้ามาก เสร็จแล้วเจ้าแวะไปหานางที่ตำหนักคุนหนิงด้วยล่ะ” ฮ่องเต้บอกกับเซวียนผิงโหว
“พ่ะย่ะค่ะ”
พอออกมาจากตำหนักฮว๋าชิง องค์หญิงซิ่นหยางก็เตรียมตัวจะกลับ
เซวียนผิงโหวเข็นล้อเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเอ่ยถามนาง “ไม่ไปเยี่ยมองค์ชายเจ็ดหน่อยรึ”
แม้ฉินฉู่อวี้จะได้รับการรักษาแล้วหลังจากโดนยาพิษ แต่ยังคงอยู่ในช่วงพักฟื้น
ต่อให้เซียวฮองเฮาจะไม่ค่อยปลื้มองค์หญิงซิ่นหยางนัก แต่ฮองเฮาทรงเอ็นดูหลานชายเซียวเหิงเป็นอย่างยิ่ง องค์หญิงซิ่นหยางเองก็ทรงเอ็นดูองค์ชายเจ็ดเช่นกัน
องค์หญิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ไปเยี่ยมองค์ชายเจ็ดกับเซวียนผิงโหวอย่างไรก็ดีกว่าไปคนเดียว อย่างน้อยนางไม่ต้องปะทะกับเซียวฮองเฮาโดยตรง
ทั้งคู่รวมถึงอวี้จิ่นและขันทีที่ช่วยเข็นรถจึงพากันไปที่ตำหนักคุนหนิง
พอเซียวฮองเฮาได้เห็นหน้าค่าตาผู้เป็นพี่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็พลันปล่อยโฮออกมาในทันทีเพราะนึกว่าเขาพิการไปแล้ว
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้องค์หญิงอดคิดถึงจวงไทเฮาไม่ได้ ทั้งคู่ต่างก็เข้ามาในฐานะพระชายาของวัง จวงจิ่นเซ่อสามารถสลัดคราบเก่าจนไม่เหลือตัวตนเดิม ในขณะที่เซียวซูอวี้คนนี้ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย ก่อนเข้าวังเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
นี่น่ะหรือสภาพของคนที่มีคนคอยเกื้อหนุนและโอบอุ้ม
น้ำหูน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสายอย่างไม่สนใครและไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจ
เซวียนผิงโหวที่อยู่บนรถเข็นได้แต่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายจนแทบจะหงายหลัง “เจ้าร้องได้น่าเกลียดนักเซียวซูอวี้!”
เซวียนผิงโหวไม่อยากเสวนากับนางต่อ คนอะไรขี้แยตั้งแต่เด็กยันโต!
เขาวานคนให้พาเขาไปหาฉินฉู่อวี้
เมื่อเห็นว่าพี่ชายไม่อยู่ตรงนั้น เซียวฮองเฮาก็หยุดร้อง
“ไยถึงไม่ร้องแล้วล่ะ” องค์หญิงซิ่นหยางตรัสถาม
“แล้วไยข้าต้องร้องด้วยล่ะ พี่ชายข้าเดินออกไปแล้ว ให้ข้าร้องให้เจ้าดูรึ”
องค์หญิงนึกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบ “ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าแน่นแฟ้นดีเหลือเกิน”
เซียวฮองเฮาตอบกลับอย่างมั่นใจ “แน่นอน! ข้ามีพี่ชายคนเดียวก็คือเขา และเขาก็มีน้องสาวคนเดียวก็คือข้า! ตอนพวกเรายังเด็ก เวลามีคนมากลั่นแกล้งข้า ข้าก็จะฟ้องท่านพี่ แล้วท่านพี่ก็จะไปจัดการมัน!”
องค์หญิงซิ่นหยางถามต่อ “หากคนที่มากลั่นแกล้งเป็นคนที่เก่งมากๆ ล่ะ เขาจะไปจัดการคนคนนั้นไหม”
เซียวฮองเฮาตอบโดยแทบไม่คิด “จัดการสิ! แม้เขาจะไม่ได้ชนะทุกครั้ง แต่ทุกครั้งเขายืนหยัดที่จะปกป้องข้า”
นี่แหละพี่ชายของนาง ฆ่าได้แต่หยามน้องสาวของเขาไม่ได้
ต่อให้เขาแพ้อีกฝ่าย แต่เขาจะหาวิธีเอาคืนอีกฝ่ายให้ได้ เขาต้องการจะสั่งสอนให้อีกฝ่ายรู้ว่า ห้ามใครแตะต้องคนของเซียวจี่เด็ดขาด!
ถึงเวลาอาหารกลางวัน
อาหารที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมของพระราชวัง เซวียนผิงโหวทานไม่ลง
จึงวานให้คนครัวช่วยทำกับข้าวบ้านๆ ให้เขาทาน
และเป็นเพราะเซวียนผิงโหว ทำให้วันนี้ฉินฉู่อวี้ไม่ต้องทานข้าวต้มแล้ว เขาได้ร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขา พอมองดูอาหารสีสันน่าทานบนโต๊ะ ก็อดไม่ไหวที่จะน้ำลายสอ
ด้านหน้าองค์หญิงซิ่นหยางมีจานขาหมูผัดหอมสีสันน่าทานวางอยู่
พอเซวียนผิงโหวนั่งลง ก็เริ่มพูดคุยกับฮองเฮา มือก็พลางแอบเขยิบจานขาหมูมาไว้ตรงหน้าเขาแทน แล้วเอาจานผัดผักไปไว้หน้าองค์หญิง
เมื่อเซียวฮองเฮาเห็นดังนั้นก็จำได้ว่าช่วงนี้องค์หญิงซิ่นหยางทานมังสวิรัติ
“จริงสิ” ขณะที่พวกเขาเริ่มอิ่ม เซียวฮองเฮาก็ตรัสกับผู้เป็นพี่ “อีกไม่กี่วันข้างหน้า ครอบครัวของเหล่าเหลียงอ๋องเฟยก็จะมาที่เมืองหลวงแล้ว”
องค์หญิงพอได้ฟังก็ถึงกับชะงักตะเกียบที่อยู่ในมือ
“เหล่าเหลียงอ๋องเฟยอย่างนั้นรึ” เซวียนผิงโหวทวน “ที่เป็นภรรยาของท่านจิ่วซูรึ”
เซียวฮองเฮาหัวเราะ “ท่านพี่จำนางได้ด้วยรึ”
เซวียนผิงโหวตอบกลับ “อ๋องเฟยข้าจำไม่ค่อยได้นัก แต่ท่านอ๋องพอจะนึกออกบ้าง”
เหล่าเหลียงอ๋องหรือท่านจิ่วซู อายุมากกว่าฮ่องเต้องค์ก่อนราวแปดพรรษา ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันราวกับเป็นพี่น้อง ตอนที่ช่วงชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท ก็ได้เหล่าเหลียงอ๋องออกแรงช่วยไว้ ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงซาบซึ้งในบุญคุณของเขาอย่างยิ่ง อีกทั้งเขายังเป็นคนช่วยจัดซื้อทหารหลงอิ่งมาจากแคว้นเยี่ยน
“แล้วร่างกายกระดูกกระเดี้ยวเขาเป็นอย่างไรบ้าง” เซวียนผิงโหวถาม
“ได้ยินมาว่าไม่ค่อยจะไหวแล้ว ขนาดช่วงเทศกาลบูชาฟ้าดินท่านก็ไม่ได้มาปรากฏตัว แต่ส่งอ๋องเฟยกับลูกหลานไปแทน ท่านเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา รักราษฎรเช่นลูกหลาน ทั้งยังสร้างคุณงามความดีไว้ตั้งมากมาย ได้แต่หวังว่าเขาจะอายุยืน”
เซียวฮองเฮาเอ่ยไปก็พลางหันหน้าไปทางองค์หญิงซิ่นหยาง “พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ข้าจำได้ว่าท่านจิ่วซูเอ็นดูองค์หญิงเป็นอย่างมาก มีอยู่ช่วงหนึ่งยังเคยพาองค์หญิงไปอาศัยอยู่ที่จวน เวลาพบปะกัน ท่านจิ่วซูมักจะเอ่ยปากชื่นชมองค์หญิงซิ่นหยางทุกครั้ง แถมยังบอกว่าน่าเสียดายที่องค์หญิงซินหยางไม่ใช่ลูกสาวของพวกเขา พวกเขาอยากมีลูกสาวที่หน้าตาสะสวยเช่นนี้”
องค์หญิงพอได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหน้าซีด
เซวียนผิงโหวเริ่มเอะใจที่เห็นคนข้างๆ ดูออกอาการผิดแปลก “เป็นอะไรรึ”
องค์หญิงซิ่นหยางพยายามเก็บอาการ “ไม่มีอะไรหรอก ข้าอิ่มแล้วน่ะ ประเดี๋ยวมีธุระต่อ ต้องขอตัวก่อน”
เอ่ยจบก็วางตะเกียบแล้วลุกออกไปทันที
เซียวฮองเฮามองตามหลังด้วยสีหน้าสับสน “ข้าว่าอะไรผิดไปหรือ”
เซวียนผิงโหวเองก็มองตามหลังองค์หญิงอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยกับน้องสาวตัวเอง “ข้าก็อิ่มแล้วเหมือนกัน ไว้จะมาเยี่ยมเจ้ากับองค์ชายเจ็ดใหม่”
“อ้าว! เจ้าทานไปแค่นิดเดียวเอง!”
เซียวฮองเฮาขมวดคิ้วแน่น “แต่ละคน เป็นอะไรกันไปหมด”
“ฉินเฟิงหว่าน!”
ณ ประตูวัง เซวียนผิงโหวตะโกนเรียกให้องค์หญิงหยุด
องค์หญิงซิ่นหยางหยุดยืนหน้ารถม้าด้วยท่าทีพะอืดพะอม “ข้ากลับกับท่านไม่ได้แล้ว ให้ฮองเฮาส่งรถมารับเถิด”
เซวียนผิงโหวมองคนตรงหน้าอย่างนิ่งๆ “แค่เปิดหน้าต่างออกก็ไม่ได้รึ”
องค์หญิงเริ่มหยิกนิ้วตัวเอง ดวงตาเริ่มแดงก่ำ อีกทั้งน้ำเสียงก็เริ่มสั่น “ตอนนี้ไม่ได้แล้ว”
เซวียนผิงโหวเข็นรถเข้าไปใกล้มากขึ้น
องค์หญิงซิ่นหยางรีบตะโกนห้าม “อย่าเข้ามานะ!”
เซวียนผิงโหวยังคงเข็นเข้าไปใกล้ ขมวดคิ้วพลางเรียกชื่อร่างตรงหน้า “ฉินเฟิงหว่าน ฉินเฟิงหว่าน”
และแล้ว องค์หญิงพลันหมดสติล้มลงฃ
—————————–