ตอนที่ 769 มีความคืบหน้า

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

​โชคไม่ดี​เอา​เสีย​เลย​ที่​มี​ฝน​โปรย​ลงมา​ตั้งแต่​รุ่งสาง​ใน​วัน​แรก​ของ​เดือน​สี่

​ท้องฟ้า​สี​หม่น​กับ​เม็ดฝน​ละเอียด​เล็ก​สีขาว​ ​รถม้า​สีเข้ม​คัน​น้อย​แล่น​ผ่าน​ท่ามกลาง​สายฝน​และ​กลุ่ม​หมอก​ขมุกขมัว​ ​ฉังห​มัว​มัว​นั่ง​หลับตา​ทำสมาธิ​อยู่​ใน​รถม้า​คน​นั้น​โดย​มิได้​สนใจ​ทิวทัศน์​ด้านนอก

​สำหรับ​นางใน​ที่​ใช้ชีวิต​อยู่​ใน​วัง​หลวง​มีโอกาส​ที่จะ​ได้​เห็น​ทิวทัศน์​นอก​พระราชวัง​น้อย​นัก​ ​แต่​เพราะ​นาง​เดินทาง​ผ่าน​ถนน​เส้น​เดิม​มา​หลาย​ปี​หลาย​เดือน​โดย​ไม่มี​การ​ออก​นอก​เส้นทาง​เลย​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​ ​นาน​วัน​เข้า​ ​ความตื่นเต้น​ก็​ค่อยๆ​ ​จางหาย​ไป

​วัดฝู​เต​๋อ​ตั้งอยู่​ทาง​ทิศตะวันตก​ของ​เมือง​ ​ต้น​เฟิง​[1]​ ​ขึ้น​เรียงราย​ตลอด​สอง​ข้างทาง​ ​เมื่อถึง​สารท​ฤดู​ ​ใบไม้​สีแดง​จะ​ลอย​ล่อง​เกลื่อนกล่น​ไป​ทั่ว​แห่งหน​ ​ถือเป็น​ช่วง​ที่​บรรยากาศ​งดงาม​มาก​ที่สุด​ของ​ปี

​แต่ทว่า​สภาพการณ์​ใน​วันนี้​ไม่​อาจ​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​ฉังห​มัว​มัว​ให้​เชยชม​ได้​เลย​ ​เมื่อ​ไป​ถึง​ก็​มีพ​ระ​สงฆ์​รูป​หนึ่ง​ออกมา​ต้อนรับ

​แม้​จะ​ถวาย​ธูป​เสร็จกิจ​เป็น​ที่​เรียบร้อย​ ​แต่​ฉังห​มัว​มัว​ก็​มิได้​เร่งร้อน​เดินทาง​กลับ​วัง​หลวง​ ​นาง​ยังคง​เดินเล่น​อยู่​ใน​เขต​วัด​เพื่อ​สูดกลิ่น​แห่ง​อิสรภาพ​อัน​แสน​บริสุทธิ์​นี้​ให้​มาก​ที่สุด​เท่าที่​จะ​ทำได้​ ​และ​ปล่อย​เวลา​ให้​ล่วงเลย​ไป​เช่นนั้น

​นี่​คือ​นิสัย​ที่​ฉังห​มัว​มัว​ทำ​มานาน​ ​นาง​ไม่​ใคร่​ให้​เหล่า​สามเณร​เดินตาม​ ​นาง​จึง​เล่น​อยู่​กับ​นางใน​อีก​สอง​คน​เท่านั้น

​นาง​เดิน​เข้าไป​จนถึง​สวน​ด้านใน

​เสียง​คน​กำลัง​สนทนา​ลอดผ่าน​มาทาง​ช่องว่าง​ระหว่าง​พุ่มไม้

​ฉังห​มัว​มัว​ชะงัก​ฝีเท้า​เตรียม​จะ​หันหลัง​กลับ

​นาง​อาศัย​อยู่​ใน​วัง​หลวง​มาช​้า​นาน​จึง​ทราบ​ดี​ว่าความ​อยากรู้​จะ​ชักนำ​ภัย​อัน​ใหญ่หลวง​มาสู่​ตน​ ​ฉะนั้น​แล้ว​นาง​จึง​ไม่สน​จะ​ฟัง​เรื่อง​ของ​คนอื่น

​แต่​ประโยค​ถัดจาก​นั้น​กลับ​รั้ง​ตัวนาง​เอาไว้​ ​หนำซ้ำ​ยัง​ทำให้​นาง​ขยับ​เข้าไป​ใกล้​กว่า​เดิม

​แม้วัดฝู​เต​๋อ​จะ​เป็น​อาราม​หลวง​ ​แต่​หาก​มิใช่​เทศกาล​พิเศษ​ที่​ต้อง​จัด​พิธี​ใน​ราชวงศ์​แล้ว​ ​วัด​แห่ง​นี้​จะ​เปิด​ให้​ชาวบ้าน​เข้ามา​แสวงบุญ​ได้​ตามอัธยาศัย

​“​เจ้า​ได้ยิน​เรื่อง​ที่​ฉี​อ๋อง​จะ​สังหาร​พระ​ชายา​ของ​ตัวเอง​หรือยัง​”

​เสียง​อีก​คน​หัวเราะ​ ​“​เรื่อง​นี้​มี​ใคร​บ้าง​ที่​ไม่รู้​ เหอะ​ๆ​ คิดไม่ถึง​เลย​ว่า​ฉี​อ๋อง​จะ​เป็น​คน​เช่นนี้​…​”

​คน​แรก​ตอบกลับ​ ​“​แต่​หาก​จะ​ให้​ข้า​พูด​ ​ข้าว​่า​ความจริง​คง​มิได้​เป็น​อย่างที่​ตา​เห็น​ ​เรื่อง​ของ​คน​สูงศักดิ์​จริง​ปลอม​ยาก​จะ​แยก​ ​ชาวบ้าน​ธรรมดา​อย่าง​พวกเรา​มี​หรือ​จะเข้า​ใจ​”

​อีก​คน​หัวเราะ​ ​“​เหล่า​ผู้สูงศักดิ์​ก่อเรื่อง​น่าอับอาย​ ​พวกเรา​ถึง​ได้​มีเรื่อง​สนุก​ๆ​ ​ให้​ดู​ ​มิฉะนั้น​ชีวิต​คง​น่าเบื่อ​แย่​”

​“​จริง​ของ​เจ้า​ ​สอง​ปี​มานี​้​พวก​คนชั้นสูง​สร้างเรื่อง​ฉาว​ไม่​เว้น​วัน​ ​ช่วงนี้​มีเรื่อง​ของ​ฉี​อ๋อง​และ​เซียง​อ๋อง​ ​ก่อนหน้านี้​ก็​มีเรื่อง​ท่าน​อ๋อง​คนอื่นๆ​ ​และ​ขนาด​องค์​หญิง​ใหญ่​ก็​ยัง​เอาชีวิต​ไม่รอด​…​”

​ฉังห​มัว​มัว​ชะงักงัน​นิ่งอึ้ง

องค์​หญิง​ใหญ่​?​ ​ที่​พูด​หมายถึง​คน​ไหน

มี​องค์​หญิง​ใหญ่​ที่​ออกเรือน​ไป​แล้วแต่​ยังอยู่​ใน​เมืองหลวง​หลาย​คน​ ​แต่​ไม่เห็น​ได้ยิน​เลย​ว่า​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​กับ​องค์​หญิง​ใหญ่​คนใด​ ​ใน​งานเลี้ยง​ฉลอง​พระราช​สมภพ​ของ​ไท​เฮา​เมื่อไม่นานมานี้​ ​เหล่า​องค์​หญิง​ใหญ่​ก็​มากัน​เกือบ​ครบ​ ​มี​เพียง​องค์​เดียว​ที่​ไม่​มา​เพราะ​ไม่สบาย

แต่​จาก​ที่​ได้ยิน​สอง​คน​นี้​คุย​กัน​ ​คำ​อัปมงคล​เช่น​คำ​ว่า​เอาชีวิต​ไม่รอด​ฟัง​ดู​ไม่น่า​จะ​เกี่ยวข้อง​กับ​การเจ็บไข้​ใช่​หรือไม่

​ฉังห​มัว​มัว​เงี่ยหู​ฟัง​อย่างตั้งใจ

​เสียง​ถอนหายใจ​ดัง​ลอดช่อง​ไม้​ ​“​สุดท้าย​ก็​ยัง​เป็น​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​ถึงแม้นาง​จะ​กลายเป็น​สามัญชน​แล้ว​ ​พวกเรา​ยัง​เทียบ​ค่า​มิได้​…​”

​ฉังห​มัว​มัว​ตกตะลึง​ ​เท้า​ของ​นาง​พลัน​ก้าว​ถอย​โดยไม่รู้ตัว

องค์​หญิง​ใหญ่​ที่​ถูก​ถอด​ยอด​เป็น​สามัญชน​มี​เพียง​คนเดียว​…

องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​ตาย​แล้ว​รึ

เรื่อง​นี้​เกิดขึ้น​ตั้งแต่​เมื่อไหร่​กัน​ ​เหตุใด​ตำหนัก​ฉือ​หนิง​ถึง​ไม่เคย​ได้ยิน​เรื่อง​นี้

​อาการ​พรั่นพรึง​ทำให้​ฉังห​มัว​มัว​เผลอ​ขยับตัว​เข้าไป​ใกล้

​สีหน้า​ของ​นางใน​สอง​คนที​่​เดินตาม​มา​เครียด​เขม็ง​ดุจ​กัน​ ​พวก​นาง​ไม่กล้า​แม้แต่​จะ​หายใจ​แรง

​หนึ่ง​ใน​นั้น​ถอนหายใจ​ ​“​องค์​หญิง​ใหญ่​แต่งงาน​กับ​ผิดคน​เอง​ ​ได้ยิน​ว่า​ราชบุตร​เขย​ชุย​เย็นชา​กับ​นาง​ ​นาง​ต้อง​อยู่​อย่าง​โดดเดี่ยว​ ​หนำซ้ำ​ยัง​ต้อง​มาตาย​คามือ​ราชบุตร​เขย​ชุย​…​”

​ฉังห​มัว​มัว​อก​สั่น

องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​ถูก​ราชบุตร​เขย​ชุย​ฆ่า​ตาย​อย่างนั้น​หรือ

​ความหวาดหวั่น​ทำให้​ฉังห​มัว​มัว​หูผึ่ง

​แต่​แล้ว​หัวข้อ​สนทนา​ก็​เปลี่ยน​มา​เป็นเรื่อง​ราว​ที่เกิด​ขึ้น​ใน​เมืองหลวง​เมื่อ​เร็ว​ๆ​ ​นี้​

​เห็นได้ชัด​ว่า​สตรีทั​้ง​สอง​ชื่นชอบ​ข่าว​ซุบซิบ​เป็น​ชีวิตจิตใจ​ ​เป็นนิสัย​ของ​สตรีที​่​พบเห็น​ได้​ทั่วไป​ใน​เมืองหลวง​ ​ฉังห​มัว​มัว​จึง​ไม่ได้​ใส่ใจ​ว่านาง​ทั้งสอง​คือ​ใคร​ ​นาง​สนใจ​แต่​เรื่อง​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​เท่านั้น

​หลังจาก​นิ่งเงียบ​อยู่นาน​ ​นาง​ก็​ตกลงใจ​ได้​ในที่สุด​ ​ฉังห​มัว​มัว​ส่งสัญญาณ​ให้​นางใน​อีก​สอง​คน​ยืน​คอย​อยู่​ที่​เก่า​ ​ส่วน​นาง​ก็​เดินตาม​ต้นเสียง​นั้น​ไป

​สตรี​หลัง​พุ่มไม้​ทั้งสอง​เป็น​เพียง​หญิงสาว​หน้าตา​ธรรมดา​ ​คนที​่​ดู​อายุ​มากกว่า​สวม​อาภรณ์​สีคราม​ ​ส่วน​สตรี​อีก​นาง​ที่​อ่อนเยาว์​กว่า​อยู่​ใน​ชุด​อาภรณ์​สีแดง​ ​การ​แต่งกาย​ของ​พวก​นาง​เป็น​แบบ​สมัยนิยม​ ​แต่ทว่า​ใน​สายตา​ฉังห​มัว​มัว​ ​อาภรณ์​เหล่านั้น​เป็น​ชุด​ที่​ทำ​มาจาก​วัสดุ​คุณภาพต่ำ

​นาง​มอง​ปราด​เดียว​ก็​รู้​ว่า​สตรีทั​้​งคง​สอง​เป็น​ภรรยา​ของ​ข้าราชการชั้นผู้น้อย​ ​ซึ่ง​เป็น​กลุ่ม​ที่​รับรู้​ข่าวสาร​ได้​รวดเร็ว​ที่สุด

​หาก​เป็น​ชาวบ้าน​ทั่วไป​ ​ความแร้นแค้น​จะ​ทำให้​พวกเขา​ยุ่ง​เกิน​กว่า​จะ​ใส่ใจ​เรื่อง​เหล่านี้

​ฉะนั้น​แล้ว​ ​การ​จะ​รับมือ​กับ​หญิงสาว​ทั้งสอง​จึง​มิใช่​เรื่อง​ยาก

​การปรากฏ​ตัว​ของ​ฉังห​มัว​มัว​ทำให้​พวก​นาง​ชะงัก​นิ่ง​ไป​ชั่วครู่​ ​สตรี​ใน​ชุด​อาภรณ์​สีคราม​เอ่ย​ถาม​ ​“​ท่าน​คือ​…​”

​ฉังห​มัว​มัว​สวม​ชุด​ตามแบบฉบับ​สตรีทั​่ว​ไป​เพื่อให้​สะดวก​แก่​การ​ออกมา​ทำ​ธุระ​นอก​วัง​หลวง​ ​แม้วั​สดุ​เนื้อผ้า​อาจ​ไม่ได้​ดีเลิศ​ ​แต่​ถึงกระนั้น​ก็​ปกปิด​ความประณีต​ใน​การ​ตัดเย็บ​ไว้​ไม่​มิด

​สตรีทั​้ง​สอง​มองออก​ใน​ทันใด​ ​พวก​นาง​รับรู้​ได้​ว่า​คนที​่​ยืน​อยู่​ต่อ​คงจะ​มีส​ถานะ​สูงส่ง​กว่า​พวก​นาง​ ​ดังนั้น​จึง​เรียกขาน​ด้วย​สรรพนาม​สุภาพ

​ฉังห​มัว​มัว​กวาดสายตา​มอง​สตรีทั​้ง​สอง​ด้วย​ท่าที​สง่าผ่าเผย​ ​“​พวก​เจ้า​ไม่จำเป็น​ต้อง​ทราบ​ว่า​ข้า​คือ​ใคร​ ​และ​ข้า​ก็​จะ​ไม่​ถามถึง​ชีวิต​ส่วนตัว​ของ​พวก​เจ้า​ ​ข้า​เพียงแต่​ต้องการ​ทราบ​รายละเอียด​เกี่ยวกับ​องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​เท่านั้น​”

​พวก​นาง​หันมา​สบตา​กัน​ทันใด

​ฉังห​มัว​มัว​ล้วง​ทอง​สอง​ก้อน​ออกมา​แล้ว​ยัด​ใส่​มือ​สตรีทั​้ง​สอง

​น้ำหนัก​ของ​ก้อนทอง​ทำให้​สตรีทั​้ง​สอง​ถึงกับ​ตะลึงงัน​นิ่งอึ้ง

​ฉังห​มัว​มัว​คลี่​ยิ้ม​จาง​ ​“​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​ใคร​ต่าง​ก็​ทราบ​เรื่อง​องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​ ​เรื่อง​นี้​มิใช่​ความลับ​ ​พวก​เจ้า​แค่​เล่า​ใน​สิ่ง​ที่​รู้มาก​็​เท่านั้น​ ​แล้ว​ทอง​นั่น​ก็​จะ​เป็น​ของ​พวก​เจ้า​ทันที​ ​พวก​เจ้า​ไม่รู้​จัก​ข้า​ ​และ​ข้า​ก็​ไม่รู้​จัก​พวก​เจ้า​ ​ทันทีที่​ก้าว​ออกจาก​วัดฝู​เต​๋​อก​็​ถือ​เสียว​่า​เรื่อง​นี้​ไม่เคย​เกิดขึ้น​ ​ตกลง​ไหม​”

​เมื่อ​พวก​นาง​หันมา​สบตา​กัน​อีกครั้ง​มี​หรือ​จะ​ปฏิเสธ​ข้อเสนอ​นี้​ ​ไม่นาน​เรื่อง​องค์​หญิง​ใหญ่​หรง​หยาง​ก็​ถูก​เล่า​อย่างละเอียด

​ฉังห​มัว​มัว​ฟัง​จบ​ก็​พิศ​จ้อง​ใบหน้า​ของ​สตรีทั​้ง​สอง​อีกครั้ง​ก่อน​จะ​จากไป

​เมื่อ​เสียง​ฝีเท้า​ห่าง​ออก​ไป​ไกล​แล้ว​ ​สตรี​ใน​ชุด​อาภรณ์​สีแดง​ก็​ลูบ​ก้อนทอง​ที่​ยัด​อยู่​ใน​อก​พลาง​ถอนหายใจ​อย่าง​ช่วยไม่ได้​ ​“​เงินทอง​ของ​พวก​คนชั้นสูง​นี่​ได้​ง่าย​เสีย​เหลือเกิน​”

​ทองก้อน​เดียว​แทบจะ​เท่า​เงิน​เบี้ยหวัด​ที่สามี​ของ​นาง​ทำงาน​เกือบ​ครึ่ง​ปี

​สตรี​ใน​ชุด​อาภรณ์​สีคราม​มอง​ไป​ที่​อีก​ฝ่าย​ ​“​หยุด​พูด​แล้ว​รีบ​ไป​กัน​เถิด​”

​แน่นอน​ว่า​เรื่องราว​เมื่อ​ครู่​เป็น​สิ่ง​ที่​เตรียม​ไว้​สำหรับ​คน​ผู้​นั้น​อยู่​แล้ว

​เพราะ​เป็น​วัน​แรก​ของ​เดือน​ ​แม้​จะ​มี​ฝน​โปรย​ลงมา​ ​แต่​เหล่า​ผู้​แสวงบุญ​กลับ​มิได้​น้อยลง​แต่อย่างใด

​หญิงสาว​ทั้งสอง​พยายาม​เลี่ยง​พื้นที่​ที่​มี​คน​พลุกพล่าน​จึง​ตั้งใจ​เดิน​ห่าง​ออกมา​ ​แต่​เมื่อ​พวก​นาง​เดิน​มาถึง​บริเวณ​ป่าไผ่​ ​จู่ๆ​ ​ภาพ​ตรงหน้า​ก็​มืด​ลง​ ​กว่า​จะ​ได้สติ​กลับ​ไม่รู้​แล้ว​ว่า​ตนเอง​อยู่​แห่งหน​ใด

​มีบุ​รุษ​หนุ่ม​ผู้​หนึ่ง​ปรากฏตัว​ต่อหน้า​พวก​นาง

​สตรีทั​้ง​สอง​แทบ​กรีดร้อง​ลั่น​ ​แต่​เพราะ​ปากของ​พวก​นาง​ถูก​ปิด​สนิท​ ​จึง​ไม่มี​เสียง​ใด​เล็ดลอด​ออกมา

​บุรุษ​หนุ่ม​เผย​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​“​ข้า​คือ​องครักษ์​จิ​่น​หลิน​!​”

​ดวงตา​หญิงสาว​ทั้งสอง​เบิก​กว้าง​ด้วย​ความ​ตื่นตระหนก

องครักษ์​จิ​่น​หลิน​มา​อยู่​ที่นี่​ได้​อย่างไร

พวก​นาง​แค่​รับ​ก้อนทอง​มา​เพื่อ​แลก​กับ​ข่าว​ซุบซิบ​เพียง​ไม่​กี่​ประโยค​ ​ไม่น่า​ต้อง​ถึงขนาด​นี้​!

​บุรุษ​หนุ่ม​เล่น​กริช​ใน​มือ​พลาง​เอ่ย​เสียงเย็น​ ​“​ข้ามี​เรื่อง​จะ​ถาม​พวก​เจ้า​ ​หาก​พวก​เจ้า​ส่งเสียง​เอะอะ​หรือ​ดึงดัน​ไม่ยอม​พูด​ ​พวก​เจ้า​คง​ไม่มี​โอกาส​ได้​ใช้​ทองก้อน​นั้น​”

​หญิง​ทั้งสอง​หวาดผวา​จน​ใบหน้า​ซีดเผือด

นี่​มัน​ทองพา​ซวย​นี่​หน่า​!

​เมื่อ​สิ่ง​ที่​อุด​ปาก​พวก​นาง​อยู่​ถูก​นำ​ออก​ไป​ ​สตรีทั​้ง​สอง​ก็​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ปอด​เฮือก​ใหญ่

​“​บอก​มา​ว่า​พวก​เจ้า​เป็น​ใคร​”

​……

​หลังจาก​ได้​คำตอบ​แล้ว​ ​ประสบการณ์​ที่ผ่านมา​ของ​บุรุษ​หนุ่ม​ทำให้​เขา​มั่นใจ​ได้​ว่า​ทั้งคู่​ไม่ได้​โกหก​ ​จึง​ปล่อย​พวก​นาง​ไป

​ทุกอย่าง​ดำเนิน​ไป​ด้วย​ความระมัดระวัง​ ​มีบุ​รุษ​อีก​สอง​คน​แยกย้าย​สะกดรอย​ตาม​สตรีทั​้ง​สอง

​ส่วน​บุรุษ​หนุ่ม​ผู้​นั้น​ก็​ตรง​กลับ​ไป​ที่​จวน​เยี​่​ยน​อ๋อง​ ​และ​เข้ามา​รายงาน​อวี​้​จิ​่​นที​่​อยู่​ใน​ห้อง​ตำรา​ด้วย​สีหน้า​ตื่นเต้น​ ​“​ท่าน​อ๋อง​ ​มี​ความคืบหน้า​เกี่ยวกับ​ไท​เฮา​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

[1]​ ต้น​เฟิง​ คือ​ ​ต้น​เม​เปิล