บทที่ 627 บทเรียนที่ต้องประสบพบผ่านในชีวิตมนุษย์ (3)

จ้าวกงหมิงได้แผ่สัมผัสเซียนรับรู้ และกวาดออกไปทั่วทุกที่เพื่อตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวของเขา และด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาก็สามารถมองเห็นแผนผังการจัดเตรียมของสถานที่ต่างๆ ทุกที่ของที่นี่ได้อย่างง่ายดาย

ทันใดนั้นภาพเหตุการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทุกที่ ก็ทำให้หน้าผากของจ้าวกงหมิงเต็มไปด้วยเส้นสายสีดำเมื่อเขาเอ่ยอันใดไม่ออกอีกครั้ง

จ้าวกงหมิงกล่าวว่า “เช่นนั้น นี่คือเหตุผลที่เจ้าพาพี่ชายของเจ้าไปที่หอเทียนหยาหรือ?”

ดวงตาของฉยงเซียวยิ้มจนโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวอีกครั้ง นางโบกกำปั้นเล็กๆ ไปที่จ้าวกงหมิงและกล่าวว่า “พี่ชาย! วันนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่ท่านจะปล่อยตัว ละทิ้งการสงวนท่าทีของท่านและเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้โดยตรง!

สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวาสนาชะตารักและความสุขที่คู่รักได้อภิรมย์ร่วมกันในหนึ่งวัน ซึ่งท่านจะได้รับประสบการณ์รักไม่กี่ชั่วยาม! พี่ชาย หากท่านยังไม่ยอมรับศิษย์น้องหญิงจินกวง ก็ไม่มีผู้ใดควบคุมท่านได้!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น ฉยงเซียวก็หยิบยันต์หยกออกมาแล้วกดมันเบาๆ สองครั้ง

ทันใดนั้นแสงเซียนรอบห้องส่วนตัวนี้ก็ค่อยๆ ดับลงช้าๆ และเทพธิดาในชุดผ้าโปร่งบางก็เดินเข้ามา พวกนางทั้งหมดล้วนเป็นสุดยอดสาวงามในใต้หล้าและมีเอวเพรียวบางดั่งกิ่งหลิว

“พี่ชาย! ข้าขอตัวก่อน!”

ฉยงเซียวลุกขึ้นยืนและประสานมือคารวะให้ จากนั้น ร่างของนางก็หายวับไปในพริบตา ปล่อยให้จ้าวกงหมิงมีเส้นสายสีดำผุดขึ้นทั่วศีรษะยุ่งเหยิง[1]

“ท่านผู้อาวุโสเซียน”

สตรีผู้ทรงเสน่ห์เย้ายวนเดินมาข้างหน้าและเอ่ยถามเบาๆ อย่างอ่อนโยน ว่า “ท่านชอบให้พวกเราพูดกับท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ?

คำธรรมดาสามัญบางคำเช่น ผู้อาวุโส สหายเต๋า น้องชาย พี่ชาย และปรมาจารย์…

หากท่านมีคำชี้แนะใด พวกเราย่อมพร้อมจะปฏิบัติตาม”

จ้าวกงหมิงกระแอมไอและลุกขึ้นยืนพลางประสานมือคารวะให้ แล้วทิ้งกองศิลาวิญญาณเอาไว้บนโต๊ะ

ทันใดนั้นเขาก็หันกลับไปและกำลังจะจากไปทันทีในขณะที่คิดกับตัวเองว่า น้องสามจอมป่วนของเขากำลังเล่นตลกจริงๆ…

ทว่าเมื่อจ้าวกงหมิงกำลังจะจากไป จู่ๆ เขาก็เลิกคิ้วขึ้นกะทันหันและหันกลับมาอีกครั้ง

ก่อนอื่น เขายกมือขึ้นและสร้างข่ายอาคมเซียนไว้ล้อมรอบห้องส่วนตัว จากนั้น เขาก็ใช้วิชาตรึงร่างง่ายๆ เพื่อทำให้เหล่าเทพธิดาแห่งหอเทียนหยาเหล่านี้ไม่อาจพูดและเคลื่อนไหวได้

จากนั้นจ้าวกงหมิง…

จ้าวกงหมิงหลับตาและตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง และแม้กระทั่งภาพลวงตาของไข่มุกเทพทะเลก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขา

เพียงในขณะที่เขากำลังจะจากไป เขาก็ตรวจสอบหอเทียนหยาอย่างละเอียดตามสัญชาตญาณของเขาหนึ่งครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเขาเองถูกผู้อื่นพบเห็นและเผยแพร่ชื่อเสียงที่ไม่ดีออกไป

จ้าวกงหมิงค้นพบสองกลิ่นอายลมปราณที่คุ้นเคย! นักพรตเต๋าชราแห่งภูเขาวิญญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในสองคนที่เขาเคยหลอกลวง ไม่ผิดพลาดแน่!

อืม นานเพียงใดแล้ว? ไยพวกเขาถึงมาสร้างปัญหาอีก?

พวกเขายังบอกว่าจะผนึกตัวเองเอาไว้ในภูเขาเป็นเวลาพันปี! คำพูดเหล่านี้ มันช่างว่างเปล่าจริงๆ …โนเวล-พีดีเอฟ

ช่างเถิด มันไม่สมควรที่ลบหลู่ปรมาจารย์จอมปราชญ์เช่นกัน ตามที่น้องฉางเกิงพูดบ่อยๆ ข้าควรจะมั่นคง มั่นคงเอาไว้

พวกเขามาทำอันใดที่หอเทียนหยา?

หากต้องการสัมผัสกับทัณฑ์แห่งความรักชั่วครั้งชั่วคราว แล้วไยถึงไม่ไปที่ทะเลประจิมเล่า?

แม้จะเป็นการปกปิดที่อยู่ของเขา แต่สถานที่ที่ดีที่สุดก็คือทะเลประจิมหรือทะเลอุดร

ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องชุดที่ชั้นบนสุด ยังมีปรมาจารย์อีกหลายคนที่มีกลิ่นอายลมปราณแข็งแกร่ง นอกเหนือไปจากนักพรตเต๋าชราทั้งสองคนนั้น

จากกลิ่นอายลมปราณที่ผันผวนของปรมาจารย์เหล่านี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาจากเผ่าปีศาจโบราณ

“มีปัญหาแล้ว” จ้าวกงหมิงตกใจยิ่ง เขารีบสร้างการเชื่อมต่อในทันที…

เขาถูกฉยงเซียวพาเที่ยวเล่นไปทั่วหล้า และเคยได้ยินเรื่องความวุ่นวายเกี่ยวกับสงครามครั้งล่าสุดของภูเขาเหยาเซิงเมื่อไม่นานมานี้

และด้วยความช่วยเหลือจากน้องเขยรองของเขา ศาลสวรรค์ก็เริ่มมีอำนาจเหนือในการปกครองทั้งสี่คาบสมุทร นั่นก็ทำให้จ้าวกงหมิงรู้สึกภูมิใจเล็กน้อยเช่นกัน

ในสถานที่นี้ ปรมาจารย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าประจิม และเผ่าปีศาจได้พบกันอย่างลับๆ ไม่มี ‘ลิขิตรักผูกพัน’ แม้แต่น้อยในห้องชุดนั้น นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงปัญหาได้มากชัดเจนมาก

จ้าวกงหมิงรออยู่เงียบๆ สักพักและฟังการสนทนาระหว่างคนทั้งห้านั้นด้วยความสามารถของเขาเอง

พวกเขาพูดคุยกันต่อไปเรื่อยๆ

ในไม่ช้า จ้าวกงหมิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมา เขาอยากจะรีบลุกขึ้นและนอนลงไปสักพัก ทว่าในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้ยินนักพรตเต๋าเฒ่าสองคนจากภูเขาวิญญาณพูด ดูเหมือนว่า พวกเขาจะไปพบใครบางคน

ตามพวกเขาไปนอนด้วยกันต่อ!

ดวงตาของจ้าวกงหมิงเปล่งประกายฉายแสงวาบสองสามครั้ง จากนั้นเขาก็ส่งข้อความเสียงเพื่อเรียกฉยงเซียวซึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกลทันทีและใช้ชุดอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องประดับเล็กๆ ซึ่งหลี่ฉางโซ่วมอบให้นางในตอนนั้น – “ผลึกบันทึกเหตุการณ์” เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ในห้องส่วนตัวนี้…

เอ่อ ไม่ต้องกังวลกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

เมื่อฉยงเซียวได้ยินเช่นนั้น นางก็หยุดเล่นสนุกสนานของนางไปเรื่อยๆ กะทันหัน จากนั้นก็รีบเตรียมการทันที แล้วแอบพบกับจ้าวกงหมิงอย่างลับๆ

นางติดตามนักพรตเต๋าเฒ่าทั้งสองไปอย่างเงียบๆ และมุ่งหน้าไปยังจุดบรรจบกันระหว่างทะเลทักษิณและทะเลประจิม

ครึ่งชั่วยามต่อมา นักพรตเต๋าชราทั้งสองคนได้มาถึงเกาะแห่งหนึ่ง และพวกเขาก็เห็นนักพรตเต๋าหนุ่มกำลังนั่งอยู่บนสัตว์เทพที่มีขนสีเขียว…

“พี่ชาย ทักษะของท่านร้างลาจนเป็นสนิม[2]ไปแล้วหรือไม่” ฉยงเซียวถามเบาๆ

“ไม่”

ห่างจากเกาะนั้นไปนับพันลี้ จ้าวกงหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก และปรับสีหน้าของเขา เขาพุ่งร่างขึ้นไปบนท้องฟ้าในชั่วพริบตาและบินตรงไปยังทะเลประจิมด้วยท่าทางที่ดูค่อนข้างผ่อนคลายสบายๆ

เมื่อเขาบังเอิญผ่านไปที่เกาะนั้นขณะบิน…

นักพรตเต๋าหนุ่มและนักพรตเต๋าชราทั้งสองคนต่างก็ค้นพบร่างของจ้าวกงหมิงพร้อมๆ กัน นักพรตเต๋าชราทั้งสองมีสีหน้าท่าทีเปลี่ยนไป จากนั้นพวกเขาก็รีบซ่อนร่างของพวกเขาเองทันที

ทว่าลมปราณของจ้าวกงหมิงก็ไม่เสถียรขึ้นมาและเริ่มหมดลงในทันใด ราวกับว่าอาการบาดเจ็บเก่าของเขากำลังกำเริบ

เขารีบหยิบยันต์หยกออกมาที่ระดับความสูงบนท้องฟ้าและร้องตะโกนว่า “น้องสาว มาช่วยข้าด้วย ใครก็ได้…

อึก! พรึ่บ!”

ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้กล่าวจบ จู่ๆ จ้าวกงหมิงก็กระอักเลือดออกมาและรีบไปที่เกาะเล็กๆ ทันที และหลังจากเคลื่อนไหวแวบวาบไปอย่างรวดเร็วไม่กี่ครั้ง เขาก็ร่อนลงมาบนเกาะและทรุดลงต่อหน้า…

นักพรตเต๋าหนุ่มและชายชราสองคนนั้นในทันที

ทันใดนั้นนักพรตเต๋าหนุ่มก็มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ไฉนท่านถึง…”

“พรึ่ด!” จ้าวกงหมิงไม่สนใจเขา เขาก้มศีรษะลงและกระอักเลือดออกมาเต็มปากอย่างกะทันหัน แสงในดวงตาของเขาหายไป และเขาก็ค่อยๆ ล้มลงไปกับพื้น

“พวกเจ้ามัน… ช่างต่ำช้ายิ่ง…”

………………………………………………………………..

[1] อาการสับสนงงงัน ตะลึงงัน

[2] ฝีมือตก เพราะขาดการฝึกฝนหรือห่างเหินจากทักษะไปนานจนทำให้ไม่เก่งกาจเท่าเมื่อก่อน

—————————————-