บทที่ 706 ได้รับผลกระทบจากปีศาจ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตตกใจในคำพูดของเขามาก จากนั้นก็เหมือนมองอะไรออก ส่ายหัว “นายเข้าใจผิดแล้วนัทธี ฉันไม่ได้มีความหมายนี้”

“ไม่ได้มีความหมายนี้ งั้นนายแต่งตัวชุดนี้สามารถบอกฉันได้ไหม หมายความว่าอะไร?” ริมฝีปากบางของนัทธียิ้มโค้ง

พิชิตก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าบนตัวของตนเอง หัวเราะขื่นๆ “ชุดนี้ เป็นเพียงแค่ความหวังหนึ่งของฉัน ก่อนหน้านี้ฉันกับนวิยาคบกันมาหนึ่งเดือนแล้วไม่ใช่เหรอ? ในตอนนั้น ฉันคิดว่านวิยาคบกับฉันด้วยใจจริง ฉันดีใจมาก เคยสัญญากับเธอว่าจะจัดงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ให้เธอ และเธอก็ตกลงแล้ว”

“นวิยาตกลงแล้ว?” นี่ทำให้นัทธีอดตกใจขึ้นมาไม่ได้

ทว่าในไม่ช้า หลังจากที่นัทธีนึกได้ว่าคนที่นวิยารักก็คือพิชิต ความตกใจนี้ก็สงบไป

คิดว่า ณ เวลานั้น นวิยาคงจะตกหลุมรักพิชิตแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางตกลง

แต่แค่นวิยาไม่รู้ว่าตนเองรักพิชิตแล้วก็เท่านั้นเอง

“ใช่ นวิยาตกลงแล้ว ดังนั้นหลังจากวันนั้น ฉันก็เริ่มเตรียมพวกของชุดแต่งงานและแหวน” พิชิตนั่งลงอีกครั้ง “ฉันอยากเซอร์ไพรส์นวิยา ตั้งใจไปที่อิตาลีเป็นพิเศษ ตามหาดีไซเนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังมากมาย ออกแบบชุดแต่งงานให้นวิยา และหาดีไซเนอร์ออกแบบเครื่องประดับเพชรพลอยชื่อดังมากมาย ออกแบบแหวนให้กับนวิยา ตอนแรกฉันตัดสินใจว่า รอให้ชุดแต่งงานและแหวนเรียบร้อยแล้ว ก็จะขอแต่งงานกับนวิยา”

“หลังจากนั้นล่ะ?” นัทธีก็นั่งลงยังข้างๆ เขา

พิชิตเงยหน้าขึ้น มองดูเพดานแล้วสูดหายใจ “หลังจากนั้นแบบร่างชุดแต่งงานและแหวนยังไม่ออกมา นวิยาก็เลิกกับฉันแล้ว ดังนั้นหลังจากนั้น เรื่องชุดแต่งงานและแหวน ฉันปิดบังมาโดยตลอด ไม่ได้บอกนวิยา และไม่ได้บอกใคร ดังนั้นพวกนายต่างก็ไม่รู้ ว่าฉันเตรียมของพวกนี้ไว้”

นัทธีเสยคางเล็กน้อย ไม่พูดอะไรแล้ว

ทว่าพิชิตเห็นเขาเป็นผู้ฟังคนหนึ่ง ไม่ได้หยุดพูด พูดต่อไปว่า “ตอนนี้นวิยาเสียชีวิตแล้ว ฉันอยากนำชุดแต่งงานและแหวนที่เตรียมไว้ให้กับเธอในตอนแรกมอบให้เธอ ถือว่าเติมเต็มความหวังที่ฉันเคยอยากแต่งงานกับเธอ และถือว่าตัดขาดทุกอย่างระหว่างฉันกับเธออย่างจบสิ้น”

“ดังนั้นนายไม่ได้จะจัดงานแต่งหลังมรณกรรม แล้วฆ่าตัวตาย?” หางตาของนัทธีมองเขาอยู่

พิชิตยิ้ม “เป็นไปได้ยังไง ฉันเคยบอกแล้ว ฉันเดินออกมาแล้ว แน่นอนว่าจะไม่มีความคิดแบบนี้อีก ฉันแค่อยากนำสิ่งของที่เป็นของนวิยาในตอนแรก ให้กับเธอ หลังจากนี้ ที่ฉันก็ไม่มีสิ่งของของนวิยาแล้ว แบบนี้ก็ดีนะ”

นัทธีเฮอะไปตอบกลับ “ขอให้เป็นแบบนี้ละกัน”

“วางใจเถอะ ฉันไม่มีทางทำเรื่องบ้าๆ เรื่องที่ผิดต่อพ่อแม่ ดังนั้นนัทธี ขอบใจความห่วงใยที่นายมีให้ฉัน และขอบคุณนายที่กลัวว่าฉันจะฆ่าตัวตาย มาที่นี่เป็นพิเศษ” พิชิตมองเขา ขอบคุณอย่างจริงใจ

สีหน้าของนัทธีเปลี่ยนไป “นายคิดมากแล้ว ฉันไม่ได้เป็นห่วงนาย และไม่ได้มาที่นี่เพื่อนาย”

“อ๋อ? แล้วนายมาที่นี่ทำไม หรือว่ามาเดินเล่นเหรอ?” พิชิตพูดเยาะเย้ย

นัทธีฮื้มไปเสียงหนึ่ง “แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง”

พิชิตหัวเราะอย่างดีใจ “เอาเถอะเอาเถอะ ถือว่านายผ่านมาละกัน”

เพื่อนเย่อหยิ่ง งั้นเขาก็ไม่เปิดโปงแล้วละกัน

นัทธีเหลือบไปมองเขาหนึ่งที และไม่ได้พูดอะไรแล้ว

ผ่านไปสักพัก พิชิตเหมือนนึกอะไรออกกะทันหัน หันไปมองนัทธี “จริงด้วยนัทธี หลังจากนี้ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่หรือเปล่า?”

นัทธีขมวดคิ้ว “ไม่ใช่”

ได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าที่รอคอยของพิชิตค่อยๆ เลือนหายไป นัยน์ก็หม่นหมองลง สุดท้ายก้มหน้า หัวเราะขื่นๆ “เอาเถอะ ฉันคิดว่านายให้อภัยฉันแล้วซะอีก ไม่โทษฉันแล้ว ฉันคิดมากไปเองแหละ”

นัทธีเม้มริมฝีปาก “พวกเราไม่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ว่าเพื่อธรรมดานั้น ฉันยังสามารถให้ตำแหน่งหนึ่งกับนายได้”

นัยน์ตาของพิชิตเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ้มโค้งขึ้นมา “ดีจริงๆ”

ถึงแม้ว่าเพื่อนธรรมดาจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้ ทว่าหลังจากครั้งนี้ที่เขาหักหลังนัทธี นัทธียังยอมที่จะเห็นเขาเป็นเพื่อนธรรมดา

เขาพอใจ และดีใจมากๆ แล้ว

ทั้งสองกำลังพูดอยู่ ประตูห้องแต่งหนาก็ถูกเปิดออก ช่างแต่งหน้าเดินออกมาจากข้างใน ดึงหน้ากากลงแล้วพยักหน้าไปทางพิชิต “คุณหมอพิชิต เรียบร้อยแล้วค่ะ พวกคุณสามารถไปรอทางเมรุก่อนได้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ” พิชิตหยักหน้า

หลังจากนั้น เขาและนัทธี รวมถึงมารุตก็ไปทางเมรุ

ผ่านไปไม่นาน นวิยาก็ถูกเข็นออกมา บนตัวสวมใส่ชุดแต่งงานที่สวยงาม บนใบหน้าถูกแต่งหน้าอย่างสง่างาม หากไม่ใช่เพราะเธอตายแล้วจริงๆ ยังคิดว่าเธอแค่หลับไป

พิชิตไม่ได้เดินขึ้นข้างหน้า ยืนอยู่ตรงนั้นกับนัทธี มองพนักงานวางนวิยาลงไปเมรุ

พูดตามปกติแล้ว ในตอนที่ศพถูกเผา ห้ามใส่เสื้อผ้า และเครื่องประดับใดๆ

แน่นอนว่า ขอแค่มีเงิน ก็สามารถเป็นข้อยกเว้นได้ ไม่ว่ายังไงแล้วตอนที่ทำความสะอาดเมรุ ให้เงินทำความสะอาดก็ได้แล้ว

นวิยาจึงถูกส่งเข้าไปแบบนี้ ประตูของเมรุก็ถูกปิดลง

วินาทีต่อไป พนักงานกดปุ่มบางปุ่ม พิชิตก็เห็นข้างในเมรุ มีไฟเผาขึ้น

ดวงตาของพิชิตเปียกชุ่ม

ส่วนนัทธีก็ยังคงไม่มีความรู้สึกใดๆ มองถูกนวิยาที่ถูกเผาอย่างเงียบสงบ นัยน์ตาไม่มีอารมณ์ใดๆ เหมือนว่าคนที่ถูกเผานั้น ไม่ใช่น้องสาวที่ผ่านมา และไม่ใช่ศัตรูที่ผ่านมา เป็นแค่ของเล่นตุ๊กตาที่ไม่คู่ควรกับการใส่ใจ

“นัทธี นายรู้ไหม? จริงๆ แล้วฉันเห็นนวยิยาตั้งแต่เกิด” จู่ๆ พิชิตก็เอ่ยปากพูด

นัทธียักคิ้ว “นายเห็นนวิยาตั้งแต่เกิด?”

เรื่องนี้เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ

พิชิตพยักหน้า “ใช่ ฉันโตกว่านวิยาสี่ปี มีครั้งหนึ่ง ตอนที่ฉันไปเล่นที่โรงพยาบาล พบเจอกับคุณแม่ของนวิยาถูกส่งเข้าห้องคลอดพอดี แต่ว่าในตอนนั้น คุณหมอที่รับผิดชอบการผ่าคลอดหยุดงานพอดี ดังนั้นพ่อของฉันก็เลยแทนคุณหมอคนนั้น ทำการผ่าคลอดให้กับคุณแม่ของนวิยา และฉันที่ขี้เล่น ได้แอบเข้าไปซ่อนในห้องคลอด แล้วมองดูนวิยาเกิด”

พูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของเขาหยุดไปชั่วครู่ เหมือนว่ากำลังปรับอารมณ์อยู่

หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที เขาสูดหายใจ จึงจะพูดขึ้นว่า “ฉันได้เฝ้าดูนวิยาเกิดมา ดังนั้นฉันถึงได้มีความรู้สึกที่ลึกซึ้งขนาดนี้กับเธอ เพราะสำหรับฉันแล้ว เธอไม่เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกได้ถึง การกำเนิดของชีวิต ฉันเลือกที่จะเป็นคุณหมอเหมือนคุณพ่อ ก็เพราะว่าการกำเนิดของนวิยา ทำให้ฉันเข้าใจความสวยงามของชีวิตและการแพทย์”

“แต่คนที่นายเฝ้าดูการเกิดนั้น กลับเป็นปีศาจตนหนึ่ง” นัทธีโจมตีเขาอย่างไม่ออมมือ

พูดแล้วก็น่าตลกจริงๆ เทวทูตชุดขาวคนหนึ่ง เห็นการกำเนิดของปีศาจ ไม่เพียงแต่ช่วยปีศาจไว้ ยังตกหลุมรักปีศาจด้วย

หรือว่านี่ไม่น่าตลกเหรอ?

ได้ยินนัทธีใช้คำว่า ‘ปีศาจ’ มาเรียกนวิยา บนใบหน้าของพิชิตไม่ได้มีการตอบสนองใหญ่โตอะไร

เพราะว่านี่เป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว นวิยา ก็คือปีศาจตนหนึ่ง

จริงๆ แล้วเขาเคยคิดมาก่อน หากในตอนแรก เขารู้ว่าคนที่เขาเฝ้าดูการเกิด คือปีศาจตนหนึ่ง เขาไม่มีทางตกหลุมรักปีศาจตนนั้นแน่นอน

ทว่ามีประโยชน์อะไรล่ะ

ไม่มีอะไรสามารถย้อนกลับไปในอดีตได้

“ใช่ นวิยาคือปีศาจ ฉันเคยเห็นปีศาจมาเยือนบนโลกนี้ ตอนนี้ก็ส่งปีศาจกลับไปด้วยตนเอง ฉันคิดว่า นี่คือผลกรรมทั้งหมดสินะ” พิชิตมองดูร่างกายของนวิยาที่ถูกไฟครอบคลุม จนมองไม่เห็นร่างกาย ยิ้มที่มุมปากอย่างโล่งใจ

นัทธีเห็นว่าเธอปล่อยวางความรู้สึกที่มีต่อนวิยาได้แล้วจริงๆ ขยับริมฝีปาก เอ่ยขึ้นว่า “มีเรื่องหนึ่ง ที่ฉันไม่ได้บอกนายมาโดยตลอด”

“อะไร?” พิชิตหันไปมองเขาด้วยความสงสัย