บทที่ 635 ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน การช่วยเหลือได้ตลอดเวลา (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 635 ศิษย์แห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน การช่วยเหลือได้ตลอดเวลา (3)

พวกเขาอยู่บนเกาะข่งเชวี่ยนเป็นเวลาครึ่งวัน และก่อนที่พวกเขาจะจากไป ข่งเชวี่ยนก็ไปส่งพวกของหลี่ฉางโซ่วทั้งสามคนออกไป

ข่งเชวี่ยนมอบยันต์หยกให้หลี่ฉางโซ่วใช้เพื่อส่งข้อความ เขาบอกว่า เขาสามารถตอบแทนบุญคุณได้ตลอดเวลา

หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาให้โอกาสหลี่ฉางโซ่วเพื่อขอความช่วยเหลือจากเขา

นั่นคือ ลักษณะนิสัยใจคอของข่งเชวี่ยน แม้เขาจะต้องการตอบแทนบุญคุณ แต่เขาก็ยังอยากขอให้หลี่ฉางโซ่วเป็นฝ่ายเริ่มเชิญเขาก่อน

ความจริงแล้ว เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำหยิ่งยโส เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ใช่ปรมาจารย์ทุกคนที่อยู่ภายใต้จอมปราชญ์จะสามารถบังคับให้จอมปราชญ์จุ่นถีอยู่ในสภาพยุ่งเหยิง และน่าเวทนาเช่นนี้ได้

ในระหว่างทางกลับ หลี่ฉางโซ่วหลับตาและครุ่นคิด

หากเขาถูกปรมาจารย์เต๋าสวรรค์ “ใช้” และมีส่วนร่วมในงานของเสวียนเหนี่ยวให้กำเนิดซาง จากนั้นก็จะมีชุดสัญญาณต่อเนื่องต่างๆ ปรากฏขึ้นในศาลสวรรค์และดินแดนเทวะทักษิณ …

ถ้าก่อตั้งอาณาจักรซางได้สำเร็จ มันก็ย่อมจะเป็นเวลาไม่นานก่อนเกิดมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพจริงๆ

ทว่าในเวลาเดียวกันนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สังเกตเห็นมานานแล้วว่า ช่วงเวลาของดินแดนเทวะทักษิณ นั้นแตกต่างไปจากช่วงเวลาที่เขารู้อย่างสิ้นเชิง

นับจากช่วงเวลาตั้งแต่เมื่อยามที่จักรพรรดิต้าอวี่เสด็จกลับไปที่ถ้ำเมฆไฟ มันก็เป็นช่วงปลายฤดูร้อน โลกที่โกลาหลทั้งใบกินเวลาอย่างน้อยนับหมื่นปี…

เรื่องนี้ยังทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจเช่นกัน

อะไรคือความเชื่อมโยงระหว่างโลกบรรพกาล และอนาคต?

หลี่ฉางโซ่วไม่สนใจที่จะสืบสวนเรื่องนี้ เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ในเวลานี้ เขาก็ยังไม่ได้จัดการแก้ไขความต้องการที่สำคัญที่สุด นั่นคือ พลังแห่งการปกป้องตัวเอง

ในเวลาเดียวกันนั้น เขาจะได้รับบุญมากเพียงใดหากเขาสามารถทำให้ดินแดนเทวะทักษิณ กลับมาจากความโกลาหลได้?

หากผลบุญจากการปฏิรูปแดนยมโลกและการส่งพวกเขาไปยังศาลสวรรค์ รวมทั้งบุญจากการยุติความโกลาหลในดินแดนเทวะทักษิณยังไม่เพียงพอที่จะให้เขาบ่มเพาะร่างทองแห่งบุญได้สำเร็จ…

หลี่ฉางโซ่วมีลางสังหรณ์ว่า เขาจะติดอยู่ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่น่าอึดอัดใจ

ทว่ามันก็ไม่สำคัญ เขาจะทำเรื่องสำคัญๆ เหล่านี้ก่อน แล้วเขาก็ย่อมจะเห็นได้ว่า เขาขาดไปมากเท่าใด หากเขาขาดมากเกินไป เขาก็จะค่อยๆ รอส่วนบุญจากการถวายเครื่องสักการะและเงินเดือนของศาลสวรรค์

หากเขาไม่ขาดแคลนไปมากนัก เขาก็จะไปฆ่าเหล่าจอมปีศาจที่มีกรรมร้ายเพื่อเติมเต็มช่องว่างนั้น

การกำจัดปีศาจและการปกป้องเต๋านั้น มีไว้เพื่อเหล่ามนุษย์และสวรรค์!

“เฮ้อ!”

จู่ๆ จ้าวกงหมิงก็ถอนหายใจและร้องตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว!”

หลี่ฉางโซ่วและฉยงเซียวต่างตื่นตกใจยิ่งในขณะที่เห็นจ้าวกงหมิงตบหน้าอกของเขาแล้วร้องตะโกนว่า

“ข้าจะไปหาจินกวงเดี๋ยวนี้

ในเมื่อศิษย์น้องหญิงจินกวงหลงรักข้า และข้าก็ไม่อาจทนที่จะปฏิเสธนางได้ ข้าจะเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของนาง!

หลังจากผ่านไปร้อยปีหรือพันปี หากนางยังไม่เปลี่ยนใจ และข้าก็เกิดความรู้สึกกับนางด้วยเช่นกัน เราก็จะได้เป็นคู่รักกัน!”

“ว้าว” ฉยงเซียวกระโดดข้ามมาและคว้าแขนของจ้าวกงหมิงมาเขย่าทันทีพลางเอ่ยถามว่า “พี่ใหญ่ ไฉนจู่ ท่านถึงคิดได้!?!”

หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มอย่างอบอุ่นเช่นกัน

จ้าวกงหมิงยิ้มอย่างกระดากและเชิดคางให้หลี่ฉางโซ่ว จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ตอนที่ข้าอยู่ที่บ้านของสหายเต๋าข่งเชวี่ยน ข้าได้เห็นฉางโซ่วพยายามอย่างมากที่จะพูดแทนศิษย์พี่เสวียนตูอยู่ตลอดเวลา พี่ใหญ่เช่นข้าจึงรู้สึกค่อนข้างสะเทือนใจเช่นกัน

เรื่องนี้จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้อีกแล้ว หัวใจเต๋าของทุกคนไม่มั่นคงและสำนักก็ไม่อาจสงบสุขได้ น้องชาย ดีหรือไม่”

“แน่นอนว่า เรื่องของพี่ชายย่อมเป็นเรื่องสำคัญ”

“ไปกันเถิด!” จ้าวกงหมิงโบกมือของเขา “พวกเราจะไปที่เกาะเต่าทองกันเดี๋ยวนี้!”

“พี่ใหญ่ อย่ากังวลไปเลย” ฉยงเซียวกล่าวขึ้นทันทีว่า “เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะตัดสินใจได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ใช้เวลาของท่านกับสหายผู้นี้เถิด ข้าจะไปล่วงหน้าก่อนเพื่อช่วยท่านดูว่า ศิษย์น้องหญิงจินกวงจะพูดอะไร!”

“ได้…” แล้วกลิ่นอายลมปราณของจ้าวกงหมิงก็จางหายไปอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น ฉยงเซียวก็หยิบกรรไกรมังกรวารีทองออกมาและขี่มังกรวารี บินไปที่เกาะเต่าทองทันที

หลี่ฉางโซ่วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ลังเล จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะและติดตามจ้าวกงหมิงไป และเขายังต้องคอยตอบคำถามของอาจารย์ลุงจ้าวที่ดูเป็นลูกผู้ชายน้อยลง

“ฉางเกิง เจ้าคิดว่า ข้าควรเปลี่ยนชุดเกราะหรือไม่?”

“ฉางเกิง ข้าควรโกนหนวดเคราทิ้งไปหรือไม่?”

“ฉางเกิง เมื่ออยู่ตามลำพังกับน้องหญิงจินกวง ข้าจะคุยอะไรดี?”

หลี่ฉางโซ่วหยิบม้วนตำราออกมาเงียบ พลางแย้มยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเตรียมมันไว้ให้ท่านนานแล้ว!”

จ้าวกงหมิงลิงโลดใจนัก เขาคลี่เปิดม้วนตำราออกมาและอ่านราวกับว่าเขาได้รับสมบัติล้ำค่า และในเวลาไม่นาน เขาก็มั่นใจและรู้สึกว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ได้

ทั้งสองคนรอเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามก่อนที่ฉยงเซียวจะส่งข้อความเสียงมา

จากนั้น จ้าวกงหมิงก็พาหลี่ฉางโซ่วไปที่เกาะเต่าทอง และสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันนั้นคือ ที่สระสมบัติอันงดงาม

บังเอิญว่า มันเป็นสถานที่ที่อ๋าวอี่ฝึกบำเพ็ญ

หลี่ฉางโซ่วไม่ได้เข้าใกล้สถานที่นั้น รอเมื่อจ้าวกงหมิงไปที่เกาะด้วยตัวเอง เขาก็หันกลับมาและต้องการจะจากไป

ทว่าในขณะที่เขาบินไปได้ไม่ถึงสามหรือห้าจั้ง และก่อนที่เขาจะทันได้โคจรพลังเซียนของเขา จู่ๆ ก็มีกระแสวังวนขนาดเล็กปรากฏขึ้นในเมฆต่อหน้าเขา แล้วฝ่ามืออวบเล็กน้อยเหยียดยื่นออกมาและกวักเรียกหลี่ฉางโซ่ว…

หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มเช่นกัน และในขณะที่เขาเข้าไปใกล้ ก็มีคนคว้าคอเสื้อของเขาแล้วดึงเขาลงไปในหลุมที่คุ้นเคย

“ตั๋ว…”

“ชู่ว์ เงียบ!”

กลุ่มคนข้างหน้าหันศีรษะมาและทำท่าทางให้พวกเขาเงียบ ตั๋วเป่าที่อยู่ข้างๆ พวกเขา หัวเราะออกมาเบา และดึงแขนของหลี่ฉางโซ่วไปที่อีกหลุมหนึ่ง

หลุมที่คุ้นเคย และผู้ชมที่คุ้นเคย แต่ฉากต่างๆ และตัวเอกแตกต่างกันไป

ที่ด้านนอกถ้ำ จ้าวกงหมิงกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างสระน้ำ เขายกมือขึ้นและคลำใบหน้าของเขา แล้วเคราของเขาก็ค่อยๆ ร่วงลงมาช้าๆ

ห่างไปไม่ไกลนัก เทพธิดาจินกวงซึ่งแต่งกายด้วยชุดสีแดงอ่อนกำลังยืนเอามือไพล่หลังและรออยู่เงียบ นางมีใบหน้าแดงก่ำและใจเต้นแรงมากราวกับมีกวางพุ่งเข้าสู่หัวใจ

ใกล้กับสระสมบัตินั้น มีหลุมดินมากมายที่สร้างขึ้นด้วยพลังเวทเฉพาะตัวของนักพรตเต๋าตั๋วเป่า หลุมดินเหล่านั้น ล้วนเต็มไปด้วยบรรดาเซียนที่กระตือรือร้นจากถ้ำบนเกาะสองสามแห่งของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย…

อาจกล่าวได้ว่า สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยเป็นปึกแผ่นยิ่ง!

นั่นเป็นยังปัจจัยใหญ่

หลี่ฉางโซ่วถูกพาไปยังจุดที่ชมการแสดงได้ดีที่สุด เขาได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันกับฉยงซียว เทพธิดาจินหลิง และเหล่าศิษย์คนอื่น ของจอมปราชญ์

ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยหลังจากเฝ้าดูอยู่พักหนึ่ง…

หากอวิ๋นเซียวได้รับจดหมายและรีบรุดไป นางจะไม่นึกถึงภาพฉากอันงดงามยิ่งใหญ่เช่นนี้ในป่าดอกท้อหรอกหรือ…

หัวใจเต๋าของหลี่ฉางโซ่วสั่นสะท้าน เขาอยากจะจุดไฟตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ทันทีและหลบหนีไปให้ทันเวลา ทว่าในขณะที่ความคิดนั้นปรากฏขึ้นในใจของเขา และก่อนที่เพลิงสมาธิแท้จริงจะถูกจุดขึ้นมา เขาก็แค่นเสียงแล้วเดินไปมาในถ้ำ…

ในขณะนั้น เหล่าของสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยหลายคนรู้สึกว่า ขาของพวกเขาอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว

………………………………………………………………..