บทที่ 754 ตงซื่อเลียนแบบขมวดคิ้ว

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 754 ตงซื่อเลียนแบบขมวดคิ้ว

บทที่ 754 ตงซื่อเลียนแบบขมวดคิ้ว*[1]

กู้ซินเถามีความสุขมาก แต่ไม่กล้าที่จะแสดงออกบนใบหน้า นางรู้สึกท่วมท้นเล็กน้อยและถามว่า “คุณหนูหลิว นี่คือ…”

การแสดงออกของกู้ซินเถาถูกปกปิดอย่างดี แต่ดวงตาที่โค้งขึ้นของนางไม่อาจหลบซ่อนไปจากสายตาของหลิวเทียนฉือได้

หลิวเทียนฉือเป็นคนแบบไหนน่ะหรือ? เมืองหลวงเป็นสถานที่ที่ผู้คนร่ำรวยกินเนื้อคน และหากพวกเขาไม่ระวัง พวกเขาจะสูญเสียทุกสิ่ง

ตอนนี้ในเมืองหลิวเจียอันห่างไกล กู้ซินเถาที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงขนมชิ้นหนึ่งให้นางเล่นด้วย

ครั้นเห็นดวงตาของกู้ซินเถาเปล่งประกาย หลิวเทียนฉือก็ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน

หลิวเทียนฉือหยิบปิ่นปักผมออกจากกล่องผ้า สอดมันเข้าไปในผมของกู้ซินเถาโดยตรง และพูดในขณะที่ใส่มันว่า “ซินเถา เจ้าดูอ่อนเยาว์ยิ่งนัก หากใช้ปิ่นปักผมลวดลายดอกไห่ถังจะเข้ากับเจ้ามาก!”

หากกู้ซินเถาต้องการจะปฏิเสธ แต่หลิวเทียนฉือได้ปักปิ่นปักผมไว้บนผมของนางแล้ว กู้ซินเถาใช้มือสัมผัสมัน เดิมทีมีปิ่นปักผมสีเงินอยู่บนผมของนาง ปิ่นนั้นเก่าจนมองเห็นสีเดิมได้ไม่ชัด

เมื่อมองในครั้งแรกก็รู้ว่ามันราคาถูกมาก

กู้ซินเถาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจึงไม่ได้ปักปิ่นปักผมสีเงินอันนั้นมาและแต่งผมด้วยผ้าคาดศีรษะแทน

มันดูเก่าซอมซ่อ แต่เนื่องจากความงามของกู้ซินเถาจึงทำให้นางมีเสน่ห์ขึ้นเล็กน้อย และภายใต้การมัดผมของกู้ซินเถา นางปล่อยผมยาวไว้ด้านหลังศีรษะ ที่คาดผมพลิ้วไหวไปตามแรงลมให้ความรู้สึกสง่างามดุจนางฟ้า

เมื่อเห็นว่าปิ่นปักผมนั้นสวยงาม กู้ซินเถาไม่มีเครื่องประดับสักชิ้นที่สามารถขายได้ เมื่อเห็นความเอื้ออาทรของหลิวเทียนฉือ กู้ซินเถาก็ยอมรับมัน

ในใจของนางมีความสุขมาก แต่มีความจริงใจและความกลัวปรากฏบนใบหน้า “ขอบคุณพี่หลิว…”

ปากหวานหยดย้อย

เมื่อเห็นว่าเป้าหมายบรรลุผลแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น หลิวเทียนฉือก็รู้ว่านางได้บรรลุเป้าหมายไปหนึ่งขั้นแล้ว

ในขณะนี้ คนรับใช้จากร้านจิ่นฝูเข้ามาพร้อมอาหารที่สั่งไปเมื่อครู่

คนสองคนสั่งอาหารห้าอย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่าง แต่ละอย่างเป็นจานเด่นของร้านจิ่นฝู ซึ่งเต็มไปด้วยสีสัน กลิ่นหอม และรสชาติดี เมื่อมองดูแล้วจะทำให้เจริญอาหาร

เสี่ยวเถายืนอยู่ด้านข้างช่วยหลิวเทียนฉือคีบจากจานที่อยู่ไกล กู้ซินเถาพบว่า ตราบใดที่หลิวเทียนฉืออยากกินอะไร เสี่ยวเถาที่อยู่ด้านข้างจะคีบอาหารนั้นด้วยตะเกียบแล้ววางลงที่จานด้านหน้าหลิวเทียนฉือ

เมื่อก่อนตอนที่กินข้าวกับเจียงหย่วน ด้านข้างของเขาก็จะมีคนรับใช้ และคนรับใช้คนนั้นก็จะทำเช่นนี้เป็นครั้งคราว

ดูเหมือนว่าตระกูลใหญ่นี้จะให้ความสำคัญกับอาหาร กู้ซินเถารู้สึกอิจฉามาก

เมื่อมองไปที่หลิวเทียนฉือ นางก็รู้สึกชื่นชมและอิจฉามากยิ่งขึ้น

หลิวเทียนฉือเห็นความอิจฉาในสายตาของกู้ซินเถา แต่นางแสร้งทำเป็นไม่เห็นและบอกกู้ซินเถาถึงสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง

กู้ซินเถาหัวเราะอย่างชอบใจ และในใจก็ยิ่งอิจฉามากขึ้นหลังจากได้ยินสิ่งนี้

ดูเหมือนว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างนางทั้งสอง นางเป็นเด็กสาวและหลิวเทียนฉือก็เป็นเด็กสาวเช่นกัน แต่อีกฝ่ายกับอยู่สูงส่งกว่าตนเอง และสามารถกินอะไรก็ได้ที่ต้องการ สามารถมีได้ทุกอย่างที่ต้องการ มีสาวรับใช้อยู่ข้าง ๆ คอยรับใช้อย่างขยันขันแข็ง

แม้กู้ซินเถาจะเรียกได้ว่าเป็นคุณหนู แต่ก็เป็นคุณหนูที่น่าสงสาร

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ซินเถารู้สึกเป็นครั้งแรกว่านางเกิดมาผิดท้อง จะดีแค่ไหนถ้านางสามารถไปเกิดในครอบครัวของผู้มีเกียรติในเมืองหลวง!

เมื่อมองดูท่านั่งที่สง่างามของหลิวเทียนฉือ ท่าทางสง่างามยิ่งนัก แม้แต่การกินก็เหมือนกับภาพวาดซึ่งทำให้ผู้คนอิจฉา

แน่นอนว่านางเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง จึงมีความสง่างามในท่าทางโดยไม่ตั้งใจ

“พี่หลิวสมควรที่จะเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยจากเมืองหลวง ข้าอิจฉาท่านมาก!” กู้ซินเถากล่าวอย่างไม่อายที่ตนเองอิจฉาหลิวเทียนฉือ

หลังจากที่หลิวเทียนฉือได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มเบา ๆ และวางตะเกียบไว้บนจานตรงหน้าเขาอย่างสง่างาม และแม้แต่ปลายของตะเกียบทั้งสองก็วางเรียงกันเท่ากันโดยไม่บิดเบี้ยวเลย

กู้ซินเถามองไปที่มันและถอนหายใจ

ผู้ที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวยก็คือผู้ที่มาจากตระกูลที่ร่ำรวย นางจึงมีความสามารถเช่นนี้

กู้ซินเถาคิดกับตัวเอง ดังนั้นนางจึงทำตามตัวอย่างของหลิวเทียนฉือและวางตะเกียบไว้ข้างหน้า แต่ทันทีที่วางลง ตะเกียบก็ตกลงไปในจานจนเกิดเสียงดัง

ไม่ต้องพูดถึงการวางอย่างเรียบร้อย แม้กระทั่งการวางลงไปก็มีปัญหา

กู้ซินเถาหน้าแดงเล็กน้อยและมองไปที่หลิวเทียนฉือด้วยความลำบากใจ หลิวเทียนฉืออยากจะหัวเราะออกมา แต่ต้องแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่ากู้ซินเถากำลังเลียนแบบการเคลื่อนไหวของตนเองในตอนนี้ นางเพียงแค่เหลือบมองเบา ๆ และไม่พูดอะไร

สายตาของเสี่ยวเถาที่อยู่ข้างหลังแทบจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้า

คนบ้านนอกก็คือคนบ้านนอก

แสร้งทำอย่างไรก็บินบนกิ่งไม้ไม่ได้

ยังดีที่กู้ซินเถาเป็นคนผิวหนาพอ และในเวลาไม่นานนางก็สงบลง

ครอบครัวของหลิวเทียนฉือสอนมาดีและนางก็เรียนรู้เพิ่มเติม กู้ซินเถามีการคำนวณในใจ ตราบใดที่นางสามารถประจบประแจงหลิวเทียนฉือคนนี้ได้ นางจะยังกังวลว่าจะไม่เห็นเจียงหย่วนได้อย่างไร!

กู้ซินเถากำลังพึมพำอยู่ในใจและหลิวเทียนฉือเองก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน

หลังจากกินอาหารเสร็จแล้วก็มีคนรับใช้มาทำความสะอาด

หลิวเทียนฉือจิบน้ำและพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “วันนี้เป็นการตัดสินใจของข้า ไม่รู้ว่าอาหารนี้จะถูกใจเจ้าหรือไม่!”

กู้ซินเถาก็เลียนแบบตามแบบอย่างของหลิวเทียนฉือ นางหยิบถ้วยชาขึ้น จากนั้นยกฝาถ้วยขึ้นด้วยมือขวาและค่อย ๆ พัดข้างถ้วยชา

แต่นางไม่รู้ว่าหลิวเทียนฉือกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้

เดิมทีเวลาดื่มชา ฟองชาจะลอยอยู่บนผิวชา และฟองชาจะถูกเอาออกด้วยการสะบัดด้วยฝาถ้วย

กู้ซินเถาไม่เข้าใจเหตุผล หลังจากสะบัดสองครั้ง แต่เนื่องจากออกแรงมากเกินไป ใบชาก็ลอยขึ้นไปติดอยู่บนฝาด้วย

กู้ซินเถาไม่เห็นว่าตนเองทำสิ่งใดผิด

หลังจากจิบชาเสร็จ นางก็วางถ้วยชาลงบนโต๊ะอีกครั้ง

บนฝาถ้วยมีใบชาติดอยู่ และหลังจากปิดฝาแล้ว ใบชาก็เผยออกสู่ภายนอกตามธรรมชาติ

มองแล้วดูแย่มาก

หลิวเทียนฉือคลี่ยิ้ม แต่ไม่ได้พูดเรื่องที่กู้ซินเถาทำผิด

นางกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ และข้าจะไม่อ้อมค้อม ข้าอยากจะถามเจ้าว่า เจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวานหรือไม่?”

*[1] คนเขลาเบาปัญญาที่หลับหูหลับตาเลียนแบบผู้อื่นอย่างนั้น