บทที่ 755 ข้ามีเรื่องจะขอร้อง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 755 ข้ามีเรื่องจะขอร้อง

บทที่ 755 ข้ามีเรื่องจะขอร้อง

ครั้นกู้ซินเถาได้ยินว่าหลิวเทียนฉือพูดถึงกู้เสี่ยวหวาน ดวงตากลมโตก็กะพริบสองสามครั้ง จ้องมองที่หลิวเทียนฉือโดยไม่รู้ว่านางหมายถึงอะไร!

หลิวเทียนฉือมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนหน้า ความคิดของนางเต็มไปด้วยความลึกซึ้ง กู้ซินเถาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้จักกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร และมีความสัมพันธ์อะไรกับกู้เสี่ยวหวานคนนั้น!

กู้ซินเถากำลังคิดหนัก แต่โชคดีที่นางยังมีสมองอยู่ ก่อนที่นางจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหลิวเทียนฉือและกู้เสี่ยวหวาน นางก็เอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ข้ามีความสัมพันธ์กับนาง นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า”

หลังจากพูดแบบนี้ นางก็หันไปมองหลิวเทียนฉือแล้วเงียบลง

หลิวเทียนฉือถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ นั่งตัวตั้งตรง เอนกายพิงพนักเก้าอี้ ขาทั้งสองข้างแนบชิดกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าท่าทางของนางสง่างามเพียงใด

กู้ซินเถาไม่เคยเห็นท่านั่งของสตรีที่งดงามเช่นนี้มาก่อน นางราวกับดอกเหมยไม่เกรงกลัวต่อสายลมหนาว เผยความสง่างามอันสูงส่งออกมาโดยไม่รู้ตัว

กู้ซินเถารู้สึกอิจฉา และเริ่มเลียนแบบท่าทางของอีกฝ่าย

เป็นเพียงว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าการเลียนแบบเท่านั้น

เนื่องจากกู้ซินเถาอายุยังน้อย รูปร่างของนางจึงยังไม่สูงมากนัก พูดอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือนางมีขาที่สั้น

ยามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ขาทั้งสองข้าของนางแทบไม่ติดพื้น ส่วนบั้นท้ายนั่งได้แค่ขอบเก้าอี้นิดหน่อย และยังเลียนแบบวิธีของหลิวเทียนฉือ โดยชิดเท้าเข้าหากันเล็กน้อย ทั้งร่างของนางก็โค้งไปข้างหน้าอย่างไม่ตั้งใจ

การปรากฏตัวต่อหน้าหลิวเทียนฉือนี้เป็นเหมือนการเคลื่อนไหวระดับต่ำ

หลิวเทียนฉืออยากจะหัวเราะลั่นออกมา หากแต่ต้องพยายามอดกลั้นเอาไว้ ครั้งนี้นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงได้แต่ปิดปากและจมูกด้วยผ้าเช็ดหน้าและหัวเราะโดยไร้เสียง

กู้ซินเถาไม่เข้าใจว่าหลิวเทียนฉือหัวเราะ จึงทึกทักเอาเองว่าท่าทางของตนสง่างดงาม แต่ก้นของนางแทบจะไม่ได้แตะขอบเก้าอี้ เกรงว่าถ้าออกแรงมากกว่าจะตกจากเก้าอี้เอาได้ง่าย ๆ

กู้ซินเถาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาท่าทางในปัจจุบัน หากมีการลื่นไถล นางก็คงจะไถลไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

หลิวเทียนฉือใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก ในที่สุดเมื่อหัวเราะจนพอใจแล้วก็เหลือบมองกู้ซินเถา พลางพยักหน้าและพูดว่า “จะเป็นการดีที่สุดถ้าเจ้ามีความเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน”

จากนั้นนางก็ถอนหายใจ มองกู้ซินเถาอย่างจริงจังและพูดว่า “ที่วันนี้ข้ามาหาเจ้าก็เพราะต้องการขอร้องอะไรบางอย่าง!”

ครั้นได้ยินประโยคของหลิวเทียนฉือ กู้ซินเถาก็ระแวดระวังตัวขึ้นมาทันที

นางเป็นคุณหนูจากเมืองหลวง จะมีเรื่องอะไรมาขอร้องนางที่มาจากเมืองหลิวเจียกัน…

หากอ้างอิงจากสถานะของหลิวเทียนฉือที่ถูกเรียกว่าคุณหนู ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ถูกมองว่าเป็นเพียงเด็กสาวในหมู่บ้านเท่านั้น

เมืองหลวงอยู่ที่เท้าของฮ่องเต้ ใครเล่าจะพบเขาได้นอกจากเหล่าขุนนาง นอกจากนี้ได้ยินว่าพ่อของหลิวเทียนฉือมาเป็นขุนนางระดับสาม

แม้ว่ากู้ซินเถาจะไม่รู้ว่าระดับสามยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ก็ได้ยินมาว่านายท่านหลิวแห่งเมืองรุ่ยเสียนเป็นเพียงขุนนางระดับเจ็ด เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว ระดับสามน่าจะเป็นขุนนางระดับใหญ่!

ได้ยินมาว่ายังสามารถเข้าพบฮ่องเต้ได้!

เมื่อกู้ซินเถาคิดว่าเบื้องหลังของหลิวเทียนฉือในเมืองหลวงนั้นแข็งแกร่งมาก นางก็รู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย และรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่าเดิม!

หลิวเทียนฉือต้องการอะไรจากตนเองกันแน่!

อีกฝ่ายยังบอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากตน แต่ตนจะช่วยอะไรนางได้กัน

เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีบางสิ่งที่ซับซ้อนอยู่ในนั้น

เมื่อครู่ได้ยินหลิวเทียนฉือพูดถึงกู้เสี่ยวหวาน เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นหลิวเทียนฉือจึงขอร้องให้นางมาที่นี่?

ครั้นคิดถึงสิ่งนี้กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกพึงพอใจเล็กน้อย

เห็นหรือไม่ว่าในเมืองหลิวเจียแห่งนี้ คุณหนูคนนี้ก็มีเกียรติมากเช่นกัน!

หลังของกู้ซินเถาตั้งตรงทันที ใบหน้าเชิดขึ้นสูงเสียดฟ้าและมองไปที่หลิวเทียนฉือ เอ่ยวาจาเลียนแบบคำพูดสุภาพของนางและพูดอย่างประจบสอพลอ “พี่หลิว อย่าล้อข้าคนนี้เล่นเลย ท่านเป็นคุณหนูจากตระกูลร่ำรวยในเมืองหลวง ไม่มีอะไรที่ท่านไม่สามารถทำได้”

แม้ว่านั่นคือสิ่งที่นางพูด แต่กู้ซินเถาไม่สามารถพูดได้ว่านางพึงพอใจแค่ไหน

เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้ซินเถาพูด ดวงตาของหลิวเทียนฉือก็มืดมนลงและพูดอย่างหมดหนทาง “น้องซินเถา สิ่งที่เจ้าพูดนั้นล้วนถูกต้อง แต่ข้าไม่สามารถใช้สถานะของข้ากดดันคนอื่นได้ ข้าจึงต้องโน้มน้าวนาง!”

หลิวเทียนฉือไม่ได้เอ่ยชื่อว่าคนที่นางพูดถึงคือผู้ใด แต่กู้ซินเถาก็เอ่ยถามทันที “คนที่ท่านพูดถึงคือกู้เสี่ยวหวานหรือ?”

หลิวเทียนฉือพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่แล้ว ข้าโน้มน้าวทางทุกหนทาง หากแต่นางไม่ยอมตกลง!”

แววตาของหลิวเทียนจือดูอ่อนแรงลงราวกับว่าตนเองผิดหวังอย่างหนัก

เมื่อนึกถึงว่านางเป็นถึงลูกของขุนนางระดับสาม แต่แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่อาจคว้ามาได้ มันน่ารำคาญจริง ๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะศิลปะการต่อสู้ระดับสูงของฉินเย่จือ นางคงสั่งให้คนไปจับตัวเขามาแล้ว

ไม่มีสิ่งใดที่หลิวเทียนฉือต้องการแล้วไม่เคยได้มา!

ยามเห็นท่าทางที่หดหู่ของหลิวเทียนฉือ กู้ซินเถาก็เดาได้ทันทีว่ากู้เสี่ยวหวานทำให้หลิวเทียนฉือเกิดความขุ่นเคืองอย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของกู้ซินเถาสว่างวาบ แผนการชั่วร้ายผุดขึ้นในใจ หากนางสามารถผูกมิตรกับหลิวเทียนฉือได้ นางจะสามารถยืมมือของหลิวเทียนฉือทำให้กู้เสี่ยวหวาน…

แค่คิด กู้ซินเถาก็รู้สึกตื่นเต้น นางอ้าปากพูดโดยไม่ได้คิด “ลูกพี่ลูกน้องของข้าหยิ่งผยอง นางไม่เห็นใครอยู่ในสายตาและไม่สนใจข้าเลยด้วยซ้ำ!”

จากนั้นนางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อพูดให้กู้เสี่ยวหวานดูไร้ค่า “ท่านคงไม่รู้ อย่ามองเพียงอายุของกู้เสี่ยวหวาน นางอายุเพียงแค่นั้นแต่มีจิตใจที่มืดมิด นางส่งแม่ของข้าเข้าคุกและทำให้แม่ของข้าติดคุกอยู่สองสามเดือน และท่านคงไม่รู้ว่านางส่งพ่อค้าคนหนึ่งไปที่แดนประหาร”

เมื่อหลิวเทียนฉือได้ยินสิ่งนี้ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง ริมฝีปากแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้ม เดิมทีมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน!

“แต่ใครทำให้นางโชคดีขนาดนี้กัน นางมีฉินเย่จือคอยปกป้องอยู่ข้างกาย ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่จือ นางคงตายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!” เมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึงฉินเย่จือ ความเกลียดชังที่นางมีต่อกู้เสี่ยวหวานก็ยิ่งทวีคูณ นางอยากจะกลืนกินกู้เสี่ยวหวานทั้งเป็นเพื่อที่นางจะได้แย่งฉินเย่จือมา

“ฉิน…” กู้ซินเถายังคงพูดกับตัวเอง