บทที่ 723 นัทธีเหม่อลอย

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

แน่นอนว่าจุ๊บแจงไม่อยากถูกส่งไปสถานีตำรวจ และไม่อยากถูกคุมขังด้วย

ดังนั้นตอนที่ถูกบอดี้การ์ดสองคนจับ ก็ร้องเสียงดัง“ปล่อยฉัน พวกแกปล่อยฉัน!”

อย่างไรก็ตามบอดี้การ์ดสองคนนั้นจะฟังเธอที่ไหน ไม่ใช่แค่ไม่ปล่อย แต่ยังจับเธอแน่น

“เงียบหน่อย”บอดี้การ์ดหนึ่งในนั้นยังเตือนไปโดยตรงด้วย

แน่นอนว่าจุ๊บแจงไม่ยอม พยายามดิ้นรนสุดๆ“ฉันให้พวกแกปล่อยฉัน พวกแกได้ยินไหม?”

“ปล่อยคุณ?”บอดี้การ์ดที่พูดหัวเราะอย่างดูถูกและเยือกเย็น“คุณคิดว่าเป็นไปได้เหรอ?ใครให้คุณทำผิดเองล่ะ หาเรื่องคุณหญิงของพวกเรา สมน้ำหน้าแล้ว!คุณหญิงพวกเรา เป็นคนที่คุณใส่ร้ายได้เหรอ?ดังนั้นคุณไปถูกขังในนั้นสักพักเถอะ ไป!”

เขาพูดกับบอดี้การ์ดคนหนึ่ง แล้วบอดี้การ์ดคนนั้นก็พยักหน้า

จากนั้นทั้งสองก็ลากเธอออกไปจากห้องพัก

ตลอดทาง จุ๊บแจงกรีดร้องดิ้นรน จนกระทั่งยังร้องว่าถูกลักพาตัว ให้คนที่เดินไปมาในสนามบินช่วยเธอ

ถึงแม้คนพวกนั้นจะอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่กลับไม่มีใครสักคนที่ไปช่วยเธอ

ยังไงบอดี้การ์ดทั้งสองก็พาเธอออกไปจากสนามบิน และไม่มีตำรวจสนามบินมาถามเหตุการณ์ ชัดเจนว่าผิดปกติ

ดังนั้น พวกเขาที่เป็นคนธรรมดา ไม่ต้องยุ่งน่ะดีแล้ว

และก็เช่นนี้ จุ๊บแจงถูกบอดี้การ์ดสองคนพาตัวออกไป

ส่วนวารุณี กลับนั่งที่โซนรับรองในห้องโถงสนามบินชั้นหนึ่ง ดื่มกาแฟที่บอดี้การ์ดซื้อมาให้ไป ก็มองภาพอันน่าสลดใจของจุ๊บแจงอย่างสนใจ

ตอนนี้เอง จู่ๆบอดี้การ์ดด้านหลังเธอคนหนึ่งก็เห็นอะไรเข้า แววตาก็เป็นประกาย จากนั้นรีบก้มมองวารุณีแล้วพูดเตือน:“คุณหญิง ประธานมาแล้วครับ”

ได้ยินบอดี้การ์ดพูด วารุณีจึงรีบวางแก้วกาแฟ“ไหนล่ะ?”

“ข้างหน้าครับ”บอดี้การ์ดโบกมือไปตรงหน้า

วารุณีเงยมองขึ้นไป ก็เห็นนัทธีพามารุตเดินมา

เธอยืนขึ้นมา โบกมือไปที่ชายหนุ่ม“นัทธี ทางนี้!”

นัทธีเห็นเธอนานแล้ว เห็นตั้งแต่ก้าวเข้าไปในสนามบินแล้ว เพราะยังไงเธอก็สวยมาก แค่ปรากฏตัว มองไปที่มีคนเยอะ ก็หาเธอเจออยู่แล้ว

เพราะว่าสวย ก็ต้องมีคนจำนวนมากรุมล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชาย

สิ่งนี้ทำให้เขาภูมิใจ ในขณะเดียวกันก็หึงด้วย

ยังไงเรื่องที่ภรรยาของตัวเองก็สวย ก็ทำให้เขาภูมิใจจริงๆ ยังไงผู้หญิงที่สวยมากขนาดนี้ก็เป็นของเขา

ก็แค่ภรรยาสวยมากไป อยู่ไหนก็มีคนมอง เทียบกับลูกของตัวเองที่ตัวเองดูคนเดียวไม่ได้ ก็จะถูกคนอื่นเห็น ความรู้สึกที่ทั้งหึงและทำอะไรไม่ได้อย่างนั้น

นัทธีเดินก้าวยาวเข้ามา “รอนานไหม”

“ไม่เลย”วารุณีส่ายหน้า จากนั้นเอากาแฟอีกแก้วไปตรงหน้าเขา

ตอนที่เธอให้บอดี้การ์ดไปซื้อ ก็ตั้งใจกำชับว่าซื้อสองแก้ว เพราะว่าเธอรู้ เดี๋ยวเขาก็จะถึงแล้ว

นัทธียกกาแฟขึ้นมาจิบ“ใช่สิ ผู้หญิงคนนั้นล่ะ?จัดการเรียบร้อยยัง?”

“จัดการแล้ว ฉันให้พวกบิ๊กไปส่งที่โรงพัก น่าจะถูกคุมขังสองสามวัน”วารุณีพูดยิ้มๆ

และเน็ตไอดอลคนนั้น เดี๋ยวเธอจะให้เจ้าสี่ไปจัดการ

“งั้นก็ดี ไปเถอะ”นัทธีดื่มกาแฟเสร็จ ก็วางแล้วกาแฟลงแล้วยืนขึ้นมา ยื่นมือไปทางเธอ

วารุณีหัวเราะ และยืนขึ้นมา จากนั้นยื่นมือไป

ทั้งสองจูงมือกันออกไปจากโซนรับรอง ภาพที่หนุ่มหล่อสาวสวยเดินด้วยกัน เป็นภาพที่สวยที่สุดของทั้งสนามบิน และยังมีคนหยิบโทรศัพท์ออกมาจะถ่ายด้วย

แต่เมื่อทำอย่างนั้น ก็ถูกหยุดด้วยสายตาของมารุตกับบอดี้การ์ดสองคน

แป๊บเดียว ทั้งสองก็ขึ้นรถ ขับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์

ระหว่างทาง วารุณีเล่าทุกอย่างที่ตัวเองประสบเจอที่เมืองธาราในสองวันนี้แก่นัทธี

ถึงแม้นัทธีไม่พูด แต่ฟังอย่างตั้งใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนได้ยินคุณพ่อประสิทธิ์คุณแม่ปารวีชมตัวเอง มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้นมา

“เดี๋ยวก็ปีใหม่แล้ว ตอนปีใหม่ ให้พวกเขามารวมตัวกันที่จังหวัดจันทร์เถอะ”จู่ๆนัทธีก็พูด

วารุณีมองเขาอย่างตกใจ“รวมตัว?”

“อือ”นัทธีพยักหน้า“คุณไม่โอเคเหรอ?”

“ไม่ๆๆ”วารุณีรีบส่ายหน้า“ฉันโอเค ฉันโอเคอยู่แล้ว ฉันแค่ตกใจ ทำไมคุณมีความคิดแบบนี้ได้ คุณไม่ใช่คนที่ชอบคนเยอะๆรวมตัวกันนี่”

“ไม่ชอบจริงๆแหละ แต่พวกเขาเป็นข้อยกเว้น คุณบอกแล้วนี่ พวกเขาดีกับคุณมาก เห็นคุณเป็นลูกสาวแท้ๆ ที่สำคัญก็คือ หกปีก่อน ถ้าไม่มีความช่วยเหลือและดูแลของพวกเขา คุณกับลูกทั้งสองคน ก็คงไม่ผ่านไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ ดังนั้นให้พวกเขามารวมตัวกันสิ เป็นการขอบคุณจากผมที่มีต่อพวกเขาด้วย”

ยังไงพวกเขาก็ดูแลภรรยาและลูกตัวเอง ในฐานะสามีกับพ่อ เขาจะไม่แสดงความขอบคุณอะไรเลยก็ไม่ได้

วารุณีได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนี้ ในใจของวารุณี และเบ้าตาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา จากนั้นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“โอเค เดี๋ยวฉันจะคุยกับคุณอาคุณน้า และก็ศรัณย์ ปีใหม่ก็ควรเรียกเขากลับมาฉลองด้วยกันด้วย”

“สมควรเรียกมาอยู่แล้ว”นัทธีหันข้างเอื้อมมือไป เช็ดนัยน์ตาชื้นๆของวารุณี

มารุตที่ขับรถมองเห็นฉากนี้ผ่านกระจกมองหลัง ในใจก็แอบมองบนใส่

เพราะว่าเขาอิจฉาเมื่อเห็นเขารักกัน

เขามีแฟน แต่จะอิจฉาความรักของเจ้านายกับภรรยาของเจ้านายทุกวัน แต่วันนี้ ใจสลายจริงๆ

แต่ว่าใกล้แล้ว อีกเกือบเดือน รอพ้นปีใหม่ไปก่อน เขาก็จะไปดูแลบริษัทสาขาบ่อย ถึงตอนนั้น เขาก็เป็นประธานของบริษัทคนหนึ่ง จากนั้นก็จ้างผู้ช่วย และให้ผู้ช่วยอิจฉาความรักของตัวเองกับเชอรีนทุกวันเลย

ครึ่งชั่วโมงถัดมา รถจอดที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์

มารุตเปิดประตูรถให้วารุณี

วารุณีลงจากรถ ก็เห็นป้าส้มออกมาจากด้านในอย่างดีใจ

“อ่า คุณหญิง คุณกลับมาแล้ว”ป้าส้มรีบเดินลงบันได มาตรงหน้าวารุณี

วารุณีพยักหน้า“ฉันกลับมาแล้วค่ะป้าส้ม”

“กลับมาก็ดี สองวันนี้ พวกเด็กๆคิดถึงคุณกันทั้งนั้น ทุกวันที่กินข้าว ก็บ่นหาทำไมหม่ามี๊ยังไม่กลับมา และก็คุณผู้ชายก็ด้วย เอาแต่มองไปตรงที่ของคุณหญิงแล้วก็เหม่อลอย”ป้าส้มพูด

วารุณีได้ยินคำนี้ ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ“จ้องที่ของฉันแล้วเหม่อลอย?”

ถ้าบอกว่าลูกทั้งสองคิดถึงเธอ คอยบ่นหาเธอ เธอไม่ตกใจ

แต่นัทธีมองไปที่ของเธอแล้วเหม่อลอย ในทำให้เธอแปลกใจมาก

เธอหันหน้าไป มองชายหนุ่มที่เหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม“สามี ที่แท้คุณก็ยังมองที่ฉันแล้วเหม่อลอยด้วย คุณคิดถึงฉันขนาดนี้เลยเหรอ”

นัทธีก็คิดไม่ถึงว่าสองวันนี้ตัวเองจะเหม่อลอย จะถูกป้าส้มสังเกตเห็น แล้วยังฟ้องวารุณีอีก ก็อดไม่ได้ที่จะมองป้าส้มอย่างเยือกเย็น จากนั้นหัวเราะไปเบาๆ หันหน้าไป“แล้วก็ ผมเป็นคนเหม่อลอยด้วยเหรอ?”

“เมื่อก่อนไม่ใช่ แต่ตอนนี้ใช่”วารุณียังไม่พูด ป้าส้มก็พูดก่อน แฉเขา

มารุตที่หยิบกระเป๋าเดินทางของวารุณีออกมาจากกระโปรงหลังรถได้ยิน ก็รีบพยักหน้าเสริมไปว่า“ใช่ๆ คุณหญิง ผมรับรองได้ว่าป้าส้มพูดจริง เพราะว่าสองวันนี้ ประธานมองรูปของคุณในห้องทำงานแล้วก็เหม่อลอย”

นัทธีก็คิดไม่ถึงว่ามารุตจะแฉเขา จึงขมวดคิ้ว มองไปที่มารุตอย่างเย็นชา

ในตอนนี้มารุต ถือว่าแฟนตัวเองเป็นเพื่อนวารุณี ตอนนี้เลยไม่กลัวนัทธี กลับแหงนมองท้องฟ้าอย่างนิ่งๆ เหมือนไม่สังเกตเห็นสายตาตักเตือนของนัทธี

มุมปากนัทธีกระตุกเล็กน้อย

เยี่ยมมาก กล้าไม่เห็นเขาในสายตา คอยดูเถอะว่าเดี๋ยวเขาจะจัดการมารุตอย่างไร

“สามี ตอนนี้ไม่ใช่ป้าส้มคนเดียวที่พูดแบบนี้แล้วนะ ผู้ช่วยมารุตก็พูดแบบนี้ คุณยังไม่ยอมรับอีก?บอกว่าคิดถึงฉันแล้วก็ยอมรับไปตรงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และสองวันนี้ ฉันก็คิดถึงคุณมากนะ”